Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การช่วยเหลือเบื้องต้นในเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและสารพิษ - Coggle Diagram
การช่วยเหลือเบื้องต้นในเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและสารพิษ
พิษจากแมลงสัตว์ กัดต่อย :
เมื่อถูกสุนัข ลิง กระรอกกัด ควรให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนี้
1.ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำและสบู่ เช็ดรอบแผลด้วยแอลกอฮอล์ 70% ทา Povidone-iodine บนแผล
2.ควรไปพบแพทย์เพื่อฉีดยาป้องกันบาดทะยักหรือโรคพิษสุนัขบ้า แต่ถ้าเด็กถูกกัดบริเวณศีรษะ หน้าและหลายตำแหน่ง นำเด็กไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าทันที พร้อมทั้งสังเกตอาการของสัตว์ที่กัดด้วย
สารพิษ :
ภาวะพิษที่พบบ่อยในเด็ก
1.สารเคมีกำจัดแมลง (Insecticide)
โดยการลดการดูดซึม และเพิ่มการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ที่สำคัญจะต้องเน้นการทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และสระผมเพื่อชำระล้างสารพิษที่ติดตามตัว -ภายใน 1 ชั่วโมง ทำ gastric lavage และ activated charcoal: single dose
Organophosephate ยาต้านพิษใช้ atropine และ 2-PAM
Carbamate ยาต้านพิษใช้ Atropine
2.สารเคมีกำจัดวัชพืช (Herbicide)
ควรจะรีบทำ gastric lavage และให้ดินเหนียว Fuller's earth (60 gm/bottle) 150 gm ผสมน้ำ 1 L ให้ทางปาก หรือให้ 7.5% bentonite 100-150 gm หรือ Activated charcoal 100-150 g (2 gm/1kg) และให้ร่วมกับยาระบาย MOM 30 ml ทุก 4-6 ชั่วโมงจนผู้ป่วยถ่ายอุจจาระ
4.พิษจากยา(พาราเซตามอล)
ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายใน 2 ชม. หลังกินยา
ให้ล้างท้องและให้ activated charcoal
ถ้าผู้ป่วยมาถึงหลัง 2 ชม. หลังกินยา
ไม่ต้องล้างกระเพาะอาหารและถ้าไม่เกิน 4 ชม. ให้ activated charcoal หลังจากนั้น 2 ชม. ให้ยา N-acetylcysteine
ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายหลัง 4 ชม. หลังกินยา
ไม่ล้างท้องไม่ให้ activated charcoal ให้เริ่มยา N-acetylcysteine
ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายหลัง 24 ชม.หลังกินยา
พบเอนไซม์ตับขึ้นเร็ว (มากกว่า 2 เท่า) ใน 24 ชม. ให้เริ่มยา N-acetylcysteine
3.ผลิตภัณฑ์ในบ้าน (Household Product)
ไม่ทำ Gastric lavage ไม่ใช้ Activated charcoal ไม่มียาต้านพิษ ให้น้ำและนมได้
สาเหตุและปัจจัย :
2.สภาพของครอบครัว
สิ่งแวดล้อม
วัยของเด็ก
ความหมาย :
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บ อันตรายและเสียชีวิตได้ อุบัติเหตุในเด็ก สัมพันธ์กับวัยและพัฒนาการของเด็ก
เกิดได้ทุกสถานที่
ภายในบ้าน
ภายนอกบ้าน
เกิดได้ทุกเวลา
การช่วยฟื้นคืนชีพ :
4.ตรวจสอบชีพจร ใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาที
5.เริ่มกดหน้าอก (Chest compression) ทันที 30 ครั้ง
3.ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจหรือหายใจเอือก ให้ร้องขอความช่วยเหลือ โทร 1669
6.ช่วยหายใจ (Ventilation) 2 ครั้ง
2.ประเมินผู้ป่วยโดยใช้วิธีการ "ตีที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง"
กดกน้าอกและช่วยหายใจ จนครบ 5 รอบ
1.วิเคราะห์สาเหตุของการเกิดเหตุการณ์
8.ตรวจสอบชีพจรและรีบนำส่ง รพ.
อุบัติเหตุและการช่วยเหลือเบื้องต้น :
2.สิ่งแปลกปลอมเข้าตา หู จมูก คอหรือหลอดลม
จมูก
1.ปลอบโยนเด็กอย่าให้ตกใจ
2.ให้เด็กสั่งน้ำมูกแรงๆ โดยเอามือปิดรูจมูกข้างที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอม
3.ถ้าสิ่งแปลกปลอมนั้นอยู่ไม่ลึก ให้ใช้ปากคีบเล็ก ๆ คีบวัตถุนั้นออกมา
4.นำส่งโรงพยาบาล ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่
ตา
สารเคมีเข้าตา
1.ไม่ขยี้ตา
2.ล้างตา โดยตะแคงหน้าให้ตาด้านที่ถูกสารเคมีอยู่ด้านล่าง ใช้น้ำล้างตาอย่างน้อย 10 นาที จากหัวตาไปหางตา ระวังอย่าให้น้ำกระเด็นไปถูกตาอีกข้างหนึ่ง
3.ปิดตาข้างที่ถูกสารเคมีโดยใช้ผ้าก็อซหรือผ้าสะอาด
4.ส่งโรงพยาบาล
หู
2.ส่งโรงพยาบาล โดยให้กำลังใจหรือปลอบโยนเด็กขณะนำส่งโรงพยาบาล
3.ถ้าเป็นแมลงเข้าหู ให้เด็กนั่งลง ตะแคงศีรษะให้หูที่มีแมลงเข้าไปอยู่ด้านบน หยอดน้ำมันพืชหรือน้ำอุ่นลงไปในรูหู แมลงจะลอยขึ้นมา แล้วหยิบแมลงออก ถ้าไม่ได้ผลให้นำส่งโรงพยาบาล
1.ไม่เอาสิ่งแปลกปลอมออกเอง
ติดคอและหลอดลม
1.ถ้าเป็นทารก ไม่เขย่าตัวหรืออุ้มเด็กให้ศีรษะสูง ให้นอนคว่ำบนแขนของผู้ช่วยเหลือ ศีรษะเด็กห้อยต่ำ จับคางและไหล่ของทารกให้มั่นคง ตบกลางสะบักทั้ง 2 ข้างแรงๆ ประมาณ 5 ครั้ง
2.ถ้าสิ่งแปลกปลอมยังไม่หลุด ให้จับนอนหงายบนแขนอีกครั้ง วางนิ้วชี้และนิ้วกลางตรงบริเวณครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก กดแรงๆ 5 ครั้ง
การจมน้ำ (drowning) เป็นอุบัติเหตุที่พบบ่อย
และทำให้เสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งของการตายในเด็ก
การช่วยเหลือเบื้องต้น
ถ้าเด็กจมน้ำนานเกิน 4 นาที อาจทำให้สมองตายได้ ต้องรีบทำการช่วยคืนชีพ อย่างต่อเนื่องจนกว่าการหายใจและการไหลเวียนเลือดจะเป็นปกติ
ถ้าเด็กหายใจเองได้ ให้ถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำออก ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าที่แห้งสะอาดเช็ดตัว คลุมตัวไว้เพื่อทำให้เกิดความอบอุ่น จัดให้นอนในท่าตะแคงกึ่งคว่ำ
1.อุ้มขึ้นจากน้ำ โดยให้ศีรษะเด็กอยู่ต่ำกว่าทรวงอกเพื่อป้องกันการสำลัก
น้ำเข้าปอด
การป้องกันการจมน้ำ
ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดเมื่ออยู่ใกล้แหล่งน้ำ
โดยสารทางเรือผู้ปกครองควรใส่เสื้อชูชีพพอดีตัวให้แก่เด็ก
เมื่อเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปควรหัดให้เด็กว่ายน้ำได้
จมในน้ำจืด-น้ำทะเล
ถ้าเด็กจมในน้ำจืด อาจทำให้เกิดภาวะปอดแฟบเนื่องจากน้ำจืดจะทำลายสารเคลือบผนังถุงลม (surfactant) น้ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่หลอดเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาตรเลือดเพิ่มเลือดเจือจาง เม็ดเลือดแดงแตก มีการเปลี่ยนแปลงอิเล็กโทรลัยท์
ถ้าเด็กจมในน้ำทะเล น้ำทะเลมีความเข้มข้นกว่าพลาสมาในเลือด ทำให้โปรตีนในเลือดในปอดถูกดูดซืมเข้าถุงลมทำให้ถุงลมปอดแตก มีเลือดออกและมีน้ำคั่งในปอด ปริมาตรเลือดในหลอดเลือดลดลง เลือดมีความเข้มข้นมากขึ้นและมีอิเล็กโทรลัยท์สูงขึ้น เกิดภาวะขาดออกซิเจน หัวใจวายและเสียชีวิตได้
การเรียกชื่อ
ถ้าจมน้ำแล้วไม่เสียชีวิตและมีชีวิตนานเกิน 24 ชั่วโมง เรียกว่าจมน้ำเกือบตาย (near-drowning)
ถ้าจมน้ำแล้วเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง เรียกว่า จมน้ำตาย (drowning)
3.ไฟไหม้, น้ำร้อนลวก
แผลไหม้ระดับที่สาม (Third degree burn)
การช่วยเหลือเบื้องต้น
เช่นเดียวกับ second degree burn
แผลไหม้ระดับที่สอง (second degree burn)
รีบใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบ ใช้ผ้าสะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วใช้ผ้ากอซ หรือผ้าสะอาดปิดไว้
ถ้าบาดแผลกว้าง เช่น ประมาณ 10-15 ฝ่ามือ (10-15%) ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะช็อกได้รวดเร็ว หรือเกิดที่บริเวณหน้า (รวมทั้งปาก และจมูก) ซึ่งอาจทำให้หายใจลำบาก หรือเกิดที่ตา หู มือ เท้า หรืออวัยวะสืบพันธุ์ซึ่งอาจเป็นแผลเป็นได้ง่าย ควรส่งโรงพยาบาลทันที ขณะที่รอส่งโรงพยาบาล อาจให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นโดย
2.3 ถ้ามีกำไล หรือแหวน ควรถอดออก หากปล่อยไว้ นิ้วหรือข้อมืออาจบวมทำให้ถอดออกยาก
2.4 ถ้าผู้ป่วยกระหายน้ำ หรือใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง ในการเดินทางไปถึงสถานพยาบาล ควรให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรืออาจให้กินน้ำส้มคั้นใส่เกลือก็ได้ ควรให้ดื่มครั้งละ 1/4-1/2 แล้ว ทุก ๆ 15 นาที
2.2 ให้ยกส่วนที่มีบาดแผลไว้ให้สูงกว่าระดับหัวใจ
2.5 ควรใช้ผ้าสะอาดบาง ๆ คลุมร่างกายของผู้ป่วย และให้ผู้ป่วยนอนยกเท้าสูงเล็กน้อย
2.6 ให้พาราเซตามอล 1-2 เม็ด เพื่อระงับปวด และอาจให้ไดอะซีแพม ขนาด 5 มิลลิกรัม 1/2-1 เม็ด
2.1 เปลื้องเสื้อผ้าออกจากบริเวณที่ถูกไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก ถ้าถอดออกลำบากควรตัดออก เป็นชิ้น ๆ แต่ถ้าเสื้อผ้าติดกับบาดแผลแน่น ก็ไม่ต้องดึงออก เพราะจะเจ็บมาก ควรใช้ผ้าสะอาดคลุม
แผลไหม้ระดับแรก (first degree burn)
ปิดแผลด้วยผ้ากอซ หรือผ้าสะอาด
ถ้ายังมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือมีตุ่มใส ควรไปพบแพทย์
ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นประคบหรือใช้ถุงพลาสติก ใส่น้ำแข็งผสมน้ำเล็กน้อยวางตรงบริเวณที่มีบาดแผล เพื่อลดอาการปวดแสบปวดร้อนและป้องกัน มิให้เนื้อเยื่อถูกทำลายมากขึ้น อาจใช้น้ำเย็นราด หรือแช่ในน้ำใส่น้ำแข็ง หรือ อย่างน้อย 20 นาที หรือจนกว่าอาการปวดแสบปวดร้อนลดลง