Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่ - Coggle Diagram
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่
วัตถุประสงค์ของการให้ยา
เพื่อการรักษา
รักษาตามอาการ
รักษาเฉพาะโรค
ทดแทนสิ่งที่ร่างกายขาด
ให้ร่างกายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
เพื่อการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ
ฉีดวัคซันเพื่อป้องกันโรค
เพื่อการตรวจวิเคราะห์
การให้กลืนแป้งเบเรี่ยมซัลเฟต เพื่อเอ็กซเรย์ตรวจดูสภาพของกระเพาะอาหารและลำไส้
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา
เพศ
เพศขายมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเพศหญิง น้ำหนักตัวมากกว่า ขนาดของยาที่ได้รับต้องแตกต่างกัน
กรรมพันธุ์
บางคนแพ้ยาง่าย ความไวผิดปกติต่อยาบางชนิด
ภาวะจิตใจ
ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกที่ได้รับยาเคมีบำบัดบางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ภาวะสุขภาพ
มีผลต่อการแสดงออกของฤทธิ์ยาต่างจากคนปกติ
ทางที่ให้ยา
ยาที่ให้ทางหลอดเลือดจะดูดซึมได้เร็วกว่ายาที่ให้รับประทานทางปาก
เวลาที่ให้ยา
ยาบางชนิดต้องให้เวลาที่ถูกต้องยาจึงออกฤทธิ์ตามที่ต้องการ
สิ่งแวดล้อม
ยาที่รักษาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางชนิด ต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในที่สงบ เพื่อจะได้พักผ่อน
อายุและน้ำหนักตัว
เด็กเล็ก ตับและไต ยังเจริญไม่เต็มที่
ผู้สูงอายุ ตับและไต ทำหน้าที่ลดลง
ระบบการตวงวัดยา
ระบบอโพทีคารี
ใช้หน่วยเป็นปอนด์ ออนซ์ เกรน
ระบบเมตริก
ใช้หน่วยเป็น กรัม มิลลิกรัม ลิตร มิลลิลิตร
ระบบมาตราตวงวัดประจำบ้าน
ใช้หน่วยเป็น หยด ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยชา และถ้วยแก้ว
คำย่อและสัญลักษณ์เกี่ยวกับคำสั่งการให้ยา
ความถี่การให้ยา
bid
วันละ 2 ครั้ง
tid
วันละ 3 ครั้ง
qid
วันละ 4 ครั้ง
OD
วันละ 1 ครั้ง
q 6 hrs
ทุก 6 ชั่วโมง
วิถีทางการให้ยา
O
รับประทานทางปาก
M
เข้ากล้ามเนื้อ
SC
เข้าชั้นใต้ผิวหนัง
V
เข้าหลอดเลือดดำ
ID
เข้าชั้นระหว่างผิวหนัง
subling
อมใต้ลิ้น
Inhal
ทางสูดดม
Nebul
พ่นให้สูดดม
Supp
เหน็บ / สอด
instill
หยอด
เวลาการใช้ยา
a.c.
ก่อนอาหาร
p.c.
หลังอาหาร
h.s.
ก่อนนอน
p.r.n
เมื่อจำเป็น
stat
ทันทีทันใด
คำสั่งแพทย์ คำนวณขนาดยา
คำสั่งแพทย์
การเขียนคำสั่งแพทย์มี 4 ชนิด
คำสั่งครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป (Standing order / order for continuous)
คำสั่งใช้ภายในวันเดียว (Single order of order for one day)
คำสั่งที่ต้องให้ทันที (Stat order)
คำสั่งที่ให้เมื่อจำเป็น (prn order)
ส่วนประกอบของคำสั่งการรักษา
วิถีทางการให้ยา
เวลาและความถี่ในการให้ยา
ขนาดของยา
ชื่อของผู้ป่วย
ชื่อของยา
ลายมือผู้สั่งยา
วันที่เขียนคำสั่งการรักษา
ลักษณะคำสั่งแพทย์ตามทางวิถีทางการให้ยา
ทางเยื่อบุ (mucous)
ยาเม็ด
ใช้สอด
อมใต้ลิ้น
ยาที่ละลายในน้ำ
ใช้หยอด
ใช้ล้าง
ทางผิวหนัง (skin)
ครีม
ยาขี้ผึ้ง
ยาเปียก
ยาถูนวด
ยาผงใช้โรย
โลชั่น
ทางกล้ามเนื้อ
ยาที่ละลายในน้ำเท่านั้น
ทางชั้นผิวหนัง
ยาที่ละลายในน้ำเท่านั้น
ทางหลอดเลือดดำ
ยาที่ละลายในน้ำเท่านั้น
ทางสูดดม (inhalation)
สเปรย์
พ่นทางสายให้ออกซิเจน
ทางใต้ผิวหนัง
ยาป็นลักษณะสารละลายเท่านั้น
ทางปาก (oral)
ยาน้ำเชื่อม
อีลิกเซอร์
อีมัลชั่น
ยาผง
ยาน้ำผสม
ยาแคปซูล
ยาอม
ยาเม็ด
คำนวณขนาดยา
คำนวณยาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษา
ความเข้มข้นของยา (ในแต่ละส่วน) = ขนาดความเข้มข้นของยาที่มี/ปริมาณยาที่มี
รูปแบบการบริหารยา
หลัก 11 ข้อ
Right technique (ถูกเทคนิค)
การให้ยาถูกตามวิธีการ ใช้เทคนิคที่เหมาะสม
Right documentation (ถูกการบันทึก)
การบันทึกการให้ยาที่ถูกต้อง
Right route (ถูกวิถีทาง)
การให้ยาถูกทาง โดยการให้ยาแก่ผู้ป่วยตามที่แพทย์สั่งการรักษา
Right to refuse
การตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการจัดการยา
Right time (ถูกเวลา)
การให้ยาถูกหรือตรงเวลา
การให้ยาก่อนอาหาร
การให้ยาหลังอาหาร
การให้ยาช่วงใดก็ได้
การให้แบบกำหนดเวลาหรือให้เฉพาะกับอาหารที่เฉพาะ
Right History and assessment
การซักประวัติและการประเมินอาการ ก่อน - หลัง ให้ยา
Right dose (ถูกขนด)
การให้ยาถูกขนาด โดยการจัดยาหรือคำนวณยาให้มีขนาดและความเข้มข้นของยาตามคำสั่งการให้ยา
Right Drug-Drug Interaction and Evaluation
การที่จะต้องให้ยาร่วมกัน จะต้องดูก่อนว่ายานั้นสามารถให้ร่วมกันได้ไหม
Right drug (ถูกยา)
การให้ยาถูกชนิด โดยการอ่านชื่อยาอย่างน้อย 3 ครั้ง
ครั้งที่สอง ก่อนเอายาออกจากภาชนะใส่ยา
ครั้งที่สาม ก่อนเก็บภาชนะใส่ยาเข้าที่หรือก่อนทิ้งภาชนะใส่ยา
ครั้งแรก ก่อนหยิบภาชนะใส่ยาออกจากที่เก็บ
Right to Education and Information
ก่อนที่พยาบาลจะให้ยาผู้ป่วยทุกครั้งต้องแจ้งชื่อยาที่จะให้ ทางที่จะให้ยา ผลการรักษา
ผลข้างเคียงของยาที่อาจจะเกิด และอาการที่ต้องเฝ้าระวัง ก่อนการให้ยาทุกครั้ง
Right patient/client (ถูกคน)
การให้ยาถูกคน หรือถูกตัวผู้ป่วย โดยการเช็คชื่อผู้ป่วยทุกครั้งก่อนให้ยาหรือก่อนฉีดยา
หลักสำคัญในการให้ยา
ไม่ควรเตรียมยาค้างไว ผู้เตรียมยาและผู้ให้ยาควรเป็นคนเดียวกัน
ไม่ให้ยาที่ฉลากลบเลือนไม่ชัดเจน ไม่ควรเทยากลับไปในขวดเดิมอีก
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการให้ยาและผลข้างเคียง
ให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้าพยาบาล
ลงบันทึกการให้ยาหลังจากให้ยาทันที
ตรวจสอบวันหมดอายุของยา
มีการประเมินประสิทธิภาพของยาที่ให้
ตรวจสอบประวัติการแพ้ยา
สังเกตอาหารก่อนและหลังการให้ยา
ทราบวัตถุประสงค์ การวินิจฉัยโรค ผลของฤทธิ์ข้างเคียงของยา
ตรวจสอบผู้ป่วยก่อนให้ยา โดยการถามชื่อและนามสกุลก่อนทุกครั้ง
กรณีที่ให้ยาผิด ต้องรีบรายงานให้พยาบาล หัวหน้าเวรรับทราบเพื่อหาทางแก้ไข ทันที
ยาทางปากใช้หลักสะอาด ฉีดยาใช้หลัก Aseptic technique
ตรวจสอบ Oder ก่อนให้ยาทุกครั้ง
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่
การให้ยาทางปาก
ข้อควรปฏิบัติในการให้ยาทางปาก
การให้ยาเม็ดในเวลาเดียวกัน สามารถรวมกันได้ ส่วนยาน้ำให้แยกใส่แก้วยาต่างหาก
ยาชนิดผง ให้ใช้ช้อนตวงปาดแล้วเทใส่แก้วยา
ยาจิบแก้ไอ ควรให้ภายหลังรับประทานยาเม็ดแล้วเพื่อให้ยาค้างอยู่ที่คอไม่ถูกน้ำล้ำงออก
ยาลดกรดในกระเพาะอาหารควรให้อันดับสุดท้าย
ยาอมใต้ลิ้น ควรให้หลังจากรับประทานยาทุกชนิดแล้ว และแนะนำให้ห้ามกลืนหรือเคี้ยวยา
ยาที่ระคายเคืองทางเดินอาหารให้กินหลังอาหารหรือนม
อุปกรณ์ในการให้ยาทางปาก
ถ้วยยา หรือ Syringe
น้ำเปล่า หรือ น้ำส้ม หรือน้ำหวาน แทนน้ำ (หากไม่มีข้อห้าม)
ถาดหรือรถใส่ยา
แบบบันทึกการให้ยา
การพยาบาลเพื่อให้ยาได้ถูกหลักการ
ดูชื่อยา ขนาดยา เวลาที่ให้ใน MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
เตรียมยาให้ตรงกับ MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
อ่านฉลากยาให้ตรงกับ MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย ดูวันที่หมดอายุของยา
เทยา หรือรินยาให้ได้ตรงตามจำนวนกับขนาดของยาใน MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
ดูเบอร์เตียง ชื่อ นามสกุล ผู้ป่วยใน MAR ให้ตรงกัน
การเตรียมยาตามขั้นตอน
ยาชนิด Multidose ค่อยๆ เทยาจากซองยาหรือขวดที่บรรจุยาหรือ Foil โดยที่ไม่ให้มือสัมผัสยา
ยาน้ำ ให้หันป้ายยาหรือฉลากยาเข้าหาฝ่ามือ เพื่อป้องกันยาหกเปื้อนป้ายยาหรือฉลากยาทำให้ป้ายยาหรือฉลากยาเลอะเลือนได้
ดูเบอร์เตียง ถามชื่อ -สกุลผู้ป่วยให้ตรงกับใบ MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
แจกยาให้ผู้ป่วยรับประทานภายในเวลาที่กำหนด
ประเมินสัญญาณชีพผู้ป่วยก่อนให้ยา
ให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้าพยาบาล อยู่กับผู้ป่วยจนกลืนยาเรียบร้อย
สังเกตกรเปลี่ยนแปลงหลังรับประทานยาเพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที
และเป็นการประเมินผลการรักษาหลังจากที่ได้รับยา
บันทึกในแผนการพยาบาล และในใบ MAR ทุกครั้งหลังให้ยา
ดูชื่อ ขนาดยาให้ตรงกับใบ MAR อีกครั้งก่อนเก็บยาเข้าที่
ให้ผู้ป่วยรับประทานยาตรงตามเวลาในใบ MAR
ยาชนิด Unit dose (ยาที่จัดมาเป็นแบบวันต่อวัน) หยิบยาใส่ถ้วยยาจำนวนตามที่แพทย์สั่ง
การให้ยาเฉพาะที่
การสูดดม (Inhalation)
เป็นการให้ยาในรูปของก๊าซ (Gas) ไอระเหย (Vapor) หรือละออง (Aerosol) โดยการพ่นยาเข้าสู่ทางเดินหายใจ เพื่อให้ยาไปสู่บริเวณที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์
การให้ยาทางตา
(Eye instillation)
การใช้ยาบริเวณตาจึงต้องคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ
ยาที่ใช้กับตามีทั้งยาหยอดตา ป้ายตาและยาล้างตา
การให้ยาทางหู
(Ear instillation)
เป็นการหยอดยาเข้าไปในช่องหูชั้นนอก ยาที่ใช้เป็นยาน้ำ ออกฤทธิ์เฉพาะเยื่อบุในช่องหู มักเป็นยาชาหรือยาฆ่าเชื้อโรคเฉพาะที่
การหยอดยาจมูก (Nose instillation)
ให้ผู้ป่วยเงยหน้าขึ้น และพยาบาลยกปีกจมูกผู้ป่วยข้างที่จะหยอดยาขึ้นเบาๆ แล้วหยดยาผ่านทางรูจมูกห่างประมาณ 1-2 นิ้ว จากนั้นให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า
เดิมประมาณ 5 -10 นาทีเพื่อป้องกันยาไหลย้อนออกมา
การเหน็บยา
เป็นการให้ยาที่มีลักษณะเป็นเม็ด เข้าทางเยื่อบุตามอวัยวะต่าง ๆ
เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะที่
การเหน็บยาทางทวารหนัก
(Rectum suppository)
การเหน็บยาทางช่องคลอด (Vaginal suppository)
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา (Prescription error)
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา
ผิดความถี่
สั่งยาที่มีประวัติแพ้
ผิดวิถีทาง
ลายมือไม่ชัดเจน
สั่งยาผิดชนิด
สั่งยาผิดขนาด
ความคลาดเคลื่อนที่พบในใบสั่งยา (ใบ Order) อาจเกิดจากแพทย์เขียนผิดพลาด หรือไม่ชัดเจนรวมถึงการเลือกใช้ยาผิด ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนที่ส่งผลถึงตัวผู้ป่วย
ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา (Transcribing error)
จำแนกตามสถานที่ที่เกิดความคลาดเคลื่อนขึ้น
ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์
ที่เภสัชกรรม
ที่หอผู้ป่วย
ความคลาดเคลื่อนของกระบวนการคัดลอกคำสั่งใช้ยาจากคำสั่งใช้ยาต้นฉบับที่ผู้สั่งใช้ยาเขียน
ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา (Dispensing Error)
ความคลาดเคลื่อนในกระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงานเภสัชกรรม ที่จ่ายยาไม่ถูกต้องตามที่ระบุในคำสั่งใช้ยา
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา (Administration error)
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา 11 ข้อ
การให้ยาไม่ครบ (Omission error)
การให้ยาผิดชนิด (Wrong drug error)
การให้ยาซึ่งผู้สั่งใช้ยาไม่ได้สั่ง (Unordered or unauthorized drug)
การให้ยาผิดเทคนิค (Wrong technique error)
การให้ยาผู้ป่วยผิดคน (Wrong patient)
การให้ยาผิดขนาด (Wrong-dose or Wrong-strength error)
การให้ยาผิดวิถีทาง (Wrong-route error)
การให้ยาผิดเวลา (Wrong-time error)
การให้ยามากกว่าจำนวนครั้งที่สั่ง (Extra-dose error)
การให้ยาในอัตราเร็วที่ผิด (Wrong rate of administration error)
การให้ยาผิดรูปแบบยา (Wrong dosage-form error)
การบริหารยาที่แตกต่างไปจากคำสั่งใช้ยาของผู้สั่งใช้ยาที่เขียนไว้ในใบบันทึกประวัติการรักษาผู้ป่วย
หรือความคลาดเคลื่อนที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาผิดไปจากความตั้งใจในการสั่งยาของผู้สั่งใช้ยา
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย
การป้องกันการคลาดเคลื่อนทางการให้ยา
กรณีผู้ป่วยที่ NPO ให้มีป้าย NPO และเขียนระบุว่า NPO เพื่อผ่าตัดหรือเจาะเลือดเช้า
กรณีคำสั่งสารน้ำ+ยา B co 2 ml ให้เขียนคำว่า +ยา B co 2 ml ด้วยปากกาเมจิก อักษรตัวใหญ่บนป้ายสติ๊กเกอร์ของสารน้ำให้ชัดเจนเพื่อสังเกตได้ง่าย
เวรบ่าย พยาบาลจะตรวจสอบรายการยาในใบ MAR กับคำสั่งแพทย์ให้ตรงกัน และดูยาในช่องลิ้นชักยาอีกครั้ง
การจัดยาจะจัดตามหน้าชองยาหลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
การจัดยาให้ระมัดระวังในการจัดยาเนื่องจากความผิดพลาดด้านบุคคลโดยเฉพาะยาน้ำ
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบ คนละคนกันตรวจสอบซ้ำก่อนให้ยา ให้ตรวจสอบ 100% เช็คดูตามใบ MAR ทุกครั้ง
เมื่อมีคำสั่งใหม่ หัวหน้าเวร ลงคำสั่งในใบ MAR ทุกครั้ง
การแจกยาไล่แจกยาตามเตียงพร้อมเซ็นชื่อทุกครั้งหลังให้ยา
การซักประวัติ การแพ้ยาทุกครั้ง
ให้ยึดหลัก 6R ตามที่กล่าวมาข้างต้น
พยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคำสั่งแพทย์พร้อมกับเช็คยาและจำนวนให้ตรงตามฉลากยา
สมรรถนะของพยาบาลในการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
(Competencies of nurses for RationalDrug Use)
สามารถประเมินปัญหาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา
ประเมินอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
ประเมินอาการที่ดีขึ้นหรือเลวลง
ติดตามความร่วมมือในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
การส่งต่อ
การประเมินประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา และประวัติการแพ้ยา/แพ้อาหาร
สามารถร่วมพิยารณาการเลือกใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความจำเป็น
(Consider the options)
ประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยาและไม่ใช้ยา
ใช้ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์ของยาที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
พิจารณาโรคร่วม ยาที่ใช้อยู่ การแพ้ยา ข้อห้ามการใช้ยา และคุณภาพชีวิตที่อาจส่งผลกระทบต่อการเลือกใช้ยา
คำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาของผู้ป่วย
พิารณาข้อมูลที่สำคัญของผู้ป่วยเพื่อประกอบการปรับขนาดยา หยุดการให้ยาหรือเปลี่ยนยา
พัฒนาความรู้ให้เป็นปัจจุบัน ใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
พิจารณาข้อมูลที่สำคัญของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ยาหรือการรักษาแบบไม่ใช้ยาในการรักษาและการส่งเสริมสุขภาพ
เข้าใจเรื่องเชื้อดื้อยา และแนวทางการป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา
สามารถสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการใช้ยา
ระบุและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล
อธิบายเหตุผล และความเสี่ยง/ประโยชน์ของทางเลือกในการรักษาที่ผู้ป่วย/ผู้ดูแลเข้าใจได้
ประเมินความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ด่วนตัดสิน
สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย
ทำความเข้าใจกับการร่วมปรึกษาหารือก่อนใช้ยาเพื่อผลลัพธ์ที่นำไปสู่ความพึงพอใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ชี้แจงทางเลือกในการรักษา
บริหารยาตามการสั่งใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
เข้าใจโอกาสที่จะเกิดผลไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
เข้าใจการสั่งจ่ายยาของแพทย์ตามกรอบบัญชียาหลักแห่งชาติ
ตรวจสอบและคำนวณการใช้ยาให้ถูกต้อง
คำนึงถึงโอกาสที่จะเกิดการใช้ยาผิด
ใช้ข้อมูลที่ทันสมัยเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
ใช้ระบบที่จำเป็นเพื่อการบริหารยาอย่างมีประสิทธิภาพ
สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับยาและการใช้ยาแก่ผู้เกี่ยวข้องเมื่อต้องมีการส่งต่อข้อมูลการรักษา
สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยาได้อย่างเพียงพอ
ตรวจสอบความเข้าใจและความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้ป่วย/ผู้ดูแลในการจัดการ เฝ้าระวังติดตามและการมาตรวจตามนัด
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ชัดเจน เข้าใจได้ง่าย
แนะนำผู้ป่วย/ผู้ดูแลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในเรื่องยา และการรักษา
สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วย/ผู้ดูแล
สนับสนุนผู้ป่วย/ผู้ดูแลให้มีส่วนรับผิดชอบในการจัดการตนเองเรื่องยาและภาวะเจ็บป่วย
สามารถติดตามผลการรักษา และรายงานผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้
ทบทวนแผนการบริหารยาให้สอดคล้องกับแผนการรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ
ต้องมีการติดตามประสิทธิภาพของการรักษาและอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา
ค้นาและรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาโดยใช้ระบบการรายงานที่เหมาะสม
ปรับแผนการบริหารยาให้ตอบสนองต่ออาการและความต้องการของผู้ป่วย
สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วย และไม่เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
รู้เกี่ยวกับชนิด สาเหตุ ของความคลาดเคลื่อนทางยาที่พบบ่อย
ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการสั่งยาผ่านสื่อหรือบุคคลอื่น
พัฒนาหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ในประเด็นใหม่ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ยา
บริหารยาอย่างปลอดภัยตามกระบวนการบริหารยา
รายงานความคลาดเคลื่อนในการใช้ยาและทบทวนการปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
สามารถใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ
มั่นใจวาพยาบาลสามารถสั่งจ่ายยาได้ตามพรบ.วิชาชีพและพรบ.ยาแห่งชาติ
ยอมรับความรับผิดชอบส่วนบุคคลในการสั่งยาและเข้าใจในประเด็นกฎหมายและจริยธรรม
รู้และทำงานภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการสั่งยา
สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ยาได้อย่างต่อเนื่อง
สะท้อนคิดการบริหารยาของตนเองและการสั่งยาของผู้เกี่ยวข้อง
เข้าใจและใช้เครื่องมือหรือกลไกที่เหมาะสมในการปรับปรุงการบริหารยาและการสั่งยา
สามารทำงานร่วมกับบุคลากรอื่นแบบสหวิชาชีพ
มีส่วนร่วมกับสหวิชาชีพเพื่อให้มั่นใจว่าการดูแลมีความต่อเนื่อง
สร้างสัมพันธภาพกับทีมสหวิชาชีพ บนพื้นฐานของความเข้าใจ ความไว้วางใจและยอมรับในบทบาทของสหวิชาชีพ
กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาทางปากและยาเฉพาะที่
การประเมินสภาพ
ประวัติการแพ้ยา
ประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การได้รับสารน้ำเพียงพอหรือไม่
ความรู้ความเข้าใจเรื่องยาที่ได้รับ
การปฏิบัติตัวในการได้รับยา
ประเมินดูว่าผู้ป่วยมีข้อห้ามในการให้ยาทางปากหรือไม่
การวินิจฉัยการพยาบาล
รวบรวมข้อมูลจากการประเมินสภาพได้ทั้งหมดแล้วนำมาจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่เป็นปัญหา
การวางแผนการพยาบาล
หลังจากได้ข้อมูลและปัญหาหรือข้อบ่งชี้ในการให้ยาแล้วทำการวางแผนหาวิธีการว่าจะให้ยาอย่างไร
การปฏิบัติการพยาบาล
เป็นการปฏิบัติการให้ยาตามแผนที่วางไว้ไปปฏิบัติ
โดยยึดหลักความถูกต้อง 7 ประการ
การประเมินผล
หลังจากให้แล้วต้องกลับมาตามผลทุกครั้ง เพื่อดูผลของยาต่อผู้ป่วยทั้ง
ด้านการรักษา และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์รวมถึงการแพ้ยาด้วย