Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่ - Coggle Diagram
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่
วัตถุประสงค์ของการให้ยา
เพื่อการรักษา เป็นการให้ยาเพื่อรักษาตามสาเหตุของโรคช่วยให้ผู้ป่วยบรรเทาทุเลาจากอาการหรือโรคที่เป็นอยู่
รักษาตามอาการ
รักษาเฉพาะโรค
ทดแทนสิ่งที่ร่างกายขาด
ให้ร่างกายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
เพื่อป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
ฉีดฉีดวัคซีนบีซีจีเพื่อป้องกันวัณโรค
ให้วิตามินเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
เพื่อการตรวจวิเคราะห์โรค
ให้กลืนแป้งแบเรียมซัน เฟตแล้วเอกซเรย์เพื่อตรวจดูของกระเพาะอาหารและลำไส้
การฉีดไอโอดีนทึบรังสีเข้าทางหลอดเลือดดำ
เพื่อถ่ายภาพเอ็กซเรย์ดูการเคลื่อนขับสารทึบรังสี
ที่ออกจากไตแต่ละข้าง
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา
อายุและน้ำหนักตัว
ผู้สูงอายุมากๆการทำงานของตับและไตลดลงจึงทำให้ยาปฏิกิริยามากขึ้นขนาดของยาที่ให้จึงต้องน้อยกว่าคนปกติ คนที่มีน้ำหนักตัวมากต้องได้รับขนาดของยาเพิ่มสูงขึ้น
เพศ
ถ้าได้รับขนาดยาเท่ายาจะมีปฏิกิริยาต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
กรรมพันธุ์
บางคนอาจมีความไวผิดปกติต่อยาบางชนิด
บางคนแพ้อย่างง่ายซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม
ภาวะจิตใจ
ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกที่ได้รับอยากเคมีบำบัดบางรายมีอาการขึ้นไส้อาเจียนมากโดยมีสาเหตุมาจากจิตใจ
ทางที่ให้ยา
ยาที่ให้ทางหลอดเลือดจะดูดซึมได้ดีกว่ายาที่รับประทานทางปาก
เวลาที่ให้ยา
ยาปฏิชีวนะบางชนิดต้องให้ก่อนอาหารจึงจะดูดซึมได้ดี
สิ่งแวดล้อม
ยาที่รักษาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางชนิดต้องให้ผู้ป่วย
อยู่ในที่สงบเพื่อจะได้พักผ่อน
ระบบการตวงวัดยา
ระบบอโพทีคารี
20 เกรน (grain) = 1 สครูเปิล (scruple)
3 สครูเปิล (scruple) = 1 แดรม (dram)
8 แดรม (dram) = 1 ออนซ์ (ounce)
12 ออนซ์ (ounce) = 1 ปอนด์ (pound)
ระบบเมตริก
1 ลิตร = 1000 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 กิโลกรัม = 1000 กรัม (gm)
1 กรัม = 1000 มิลลิกรัม (mg)
1 มิลลิกรัม = 1000 ไมโครกรัม (mcg)
1 กรัม = 1 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
ระบบมาตราตวง
วัดประจำบ้าน
15 หยด 1 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนชา 5 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนหวาน 8 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนโต๊ะ 15 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ถ้วยชำ 180 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ถ้วยแก้ว 240 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
คำย่อและสัญลักษณ์
เกี่ยวกับคำสั่งการให้ยา
ความถี่การให้ยา
OD =วันละ 1 ครั้ง
bid = วันละ 2 ครั้ง
tid วันละ 3 ครั้ง
qid วันละ 4 ครั้ง
q 6 hrs ทุก 6 ชั่วโมง
วิธีทางการให้ยา
O= รับประทานาางปาก
subling =อมใต้ลิ้น
M =เข้ากล้ามเนื้อ
Inhal =ทางสูดดม
SC =เข้าชั้นใต้ผิวหนัง
Nebul =พ่นให้สูดดม
V =เข้าหลอดเลือดดำ
Supp =เหน็บ / สอด
ID= เข้าชั้นระหว่างผิวหนัง
instill= หยอด
เวลาการให้ยา
a.c. =ก่อนออาหาร
p.c. หลังอาหาร
h.s. =ก่อนนอน
p.r.n. = เมื่อจำเป็น
stat = ทันทีทันใด
คำสั่งแพทย์
คำนวณขนาดยา
คำสั่งครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป (Standing order / order for continuous) เป็นคำสั่งที่สั่งครั้งเดียวและใช้ได้ตลอดไปจนกว่ำจะมีคำสั่งระงับ (discontinue)
คำสั่งใช้ภำยในวันเดียว (Single order of order for one day) เป็นคำสั่งที่ใช้ได้ใน 1 วัน เมื่อได้ให้ยำไปแล้วเมื่อครบก็ระงับไปได้เลย
คำสั่งที่ต้องให้ทันที (Stat order)
เป็นคำสั่งกำรให้ยำครั้งเดียวและต้องให้ทันที
คำสั่งที่ให้เมื่อจำเป็น (prn order)
เป็นคำสั่งที่กำหนดไว้ให้ปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีอำกำรบำงอย่ำงเกิดขึ้น
ส่วนประกอบของ
คำสั่งการรักษา
ชื่อของผู้ป่วย
จะต้องเขียนทั้งชื่อและนำมสกุลของผู้ป่วยห้ำมเขียนแต่ชื่อเพียงอย่ำงเดียวเพรำะว่ำอำจเกิดควำมผิดพลำดเกิดขึ้นได้หำกมีชื่อซ้ำกัน แต่ในปัจจุบันจะเป็นป้ำยชื่อสติ๊กเกอร์ที่พิมพ์ออกจำกเครื่องพิมพ์แล้วปิดแทนกำรเขียนเพื่อควำมสะดวกและป้องกันกำรผิดพลาด
วันที่เขียนคำสั่ง
ชื่อของยา
ขนาดของยา
วิถีทางการให้ยา
เวลาและความถี่ในการให้ยา
ลายมือผู้สั่งยา
ลักษณะคำสั่งแพทย์ตามทาง
วิถีทางการให้ยา
ทางปาก
(Oral)
ยาเม็ด (tablet)
ยาแคปซูล (capsule)
ยาเชื่อม (syrup)
อีลิกเซอร์ (elixir)
อีมัลชั่น (emulsion)
ยาผง (powder)
ยาสีน้ำผสม(mixture)
ยาอม (lozenge)
ทางสูดดม
(inhalation)
ชนิดสเปรย์(spray)
พ่นทางสายให้ออกซิเจน(nebulae)
ทางเยื่อบุ
(Mucous)
ชนิดเม็ด (tablet)
ใช้สอด (suppository)
ทางช่องคลอด/ทวารหนัก
อมใต้ลิ้น (sublingual)
ยาที่ละลำยในน้ำ(aqueous solution)
ใช้หยอด (instillate)
ใช้ล้ำง (irrigate)
ทางผิวหนัง
(Skin)
ชนิดโลชั่น (lotion)
ครีม (cream)
ยาขี้ผึ้ง (ointment)
ยาเปียก (paste)
ยาถูนวด (inunction)
ยาผงใช้โรย (powder)
ทางกล้ามเนื้อ
(Intramuscular)
ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะยาที่ละลายในน้ำ
(aqueous solution)เท่านั้น
ทางชั้นผิวหนัง
(intradermal)
ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะยาที่ละลายในน้ำ
(aqueous solution)เท่านั้น
ทางหลอดเลือดดำ
(Intravenous)
ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะยาที่ละลายในน้ำ
(aqueous solution)เท่านั้น
ทางใต้ผิวหนัง
(subcutaneous/hypodermal)
เป็นลักษณะสารละลายเท่านั้น
คำนวณขนาดยา
ความเข้มข้นของยา(ในแต่ละส่วน)=
ขนาดความเข้มข้นของยาที่มี ส่วน ปริมาณยาที่มี
รูปแบบการบริหารยา
Right patient/client(ถูกคน)
คือการให้ยาถูกคน หรือถูกตัวผู้ป่วย โดยการเช็คชื่อผู้ป่วยทุกครั้งก่อนให้ยาหรือก่อนฉีดยาเทียบกับใบ Medication administration record วิธีกำร คือ ให้ถามผู้ป่วยว่า “คุณชื่ออะไรคะ” แล้วให้ผู้ป่วยตอบชื่อตนเอง หรืออำจตรวจที่ป้ำยชื่อข้อมือ เป็นกำรประกันว่าให้ยาถูกตัวผู้ป่วย
Right drug(ถูกยา)
การให้ยาที่ถูกชนิด
Right time(ถูกขนาด)
คือการให้ยาถูกขนาด โดยการจัดยาหรือคำนวณยาให้มีขนาดและความเข้มข้นของยาตมาคำสั่งการให้ยา เป็นการประกันว่า ผู้ป่วยได้รับขนาดยาโดยรวมเป็นไปตามที่แพทย์ต้องการ
Right route(ถูกวิถีทาง)
คือการให้ยาถูกทางด้วยการให้ยาแก่ผู้ป่วยตามที่แพทย์สั่งการรักษาเป็นการประกันว่าผู้ป่วยได้รับยาสอดคล้องกับวิธีการบริหารยา
Right technique (ถูกเทคนิค)
การให้ยาถูกตาวิธีการใช้เทคนิคที่เหมาะสมยึดหลักการปลอดภัยสำหรับยารับประทานทางปากและหลักการปราศจากเชื้อสำหรับยาฉีด
Right documentation (ถูกการบันทึก)
การบันทึกการให้ยาที่ถูกต้องโดยพยาบาลลงนามในเวลาเดียวกับที่ให้ยากับผู้ป่วยในเอกสารที่กำหนดไว้เพื่อให้ข้อมูลการให้ยาเป็นปัจจุบัน
Right to refuse(การตรวจสอบ)
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการจัดการยาผู้ป่วยมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการใช้ยาหากเขามีความสามารถในการทำเช่นนั้น
Right History and assessment (การซักประวัติ)
การประเมินอาการก่อนและหลังให้ยาโดยการสอบถามข้อมูลตรวจสอบประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วยทุกครั้งก่อนการให้ยา
หลักสำคัญในการให้ยา
การให้ยาทางปากใช้ลักษณะ
ตรวจสอบคำสั่งแพทย์ก่อนให้ยาทุกครั้ง
ก่อนให้ยาวต้องทราบวัตถุประสงค์การให้ยาการวินิจฉัยโรคผลของยาที่ต้องการให้เกิดและฤทธิ์ ข้างเคียงของยา
ตรวจสอบประวัติการแพ้ยาจากตัวผู้ป่วยและญาติในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวและทดสอบการแพ้ของยาบางชนิด
ตรวจสอบวันหมดอายุของยาปกติแล้วยาเม็ดจะมีอายุอยู่ได้นานห้าปีและยาน้ำจะมีอายุอยู่ได้นานสามปีแต่หากเปิดขวดแล้วนิยมใช้เพียงหกเดือนเท่านั้น
ไม่ควรเตรียมยาค้างไว้บริเวณที่เตรียมยาต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ
ไม่ให้ยาที่ฉลากมีการลบเลือนไม่ชัดเจน หากมีการเทยาออกมาแล้วไม่ควรเทยากลับไปในขวดเดิมอีก
ตรวจสอบผู้ป่วยก่อนให้ยาวโดยการถามชื่อและนามสกุลก่อนทุกครั้ง
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการให้ยาและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
ต้องให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้าพยาบาลเพื่อป้องกันผู้ป่วยไม่ได้รับยา
ลงบันทึกการให้ยาหลังจากให้ยาทันที
มีการประเมินประสิทธิภาพของยาที่ให้ หากยาไม่มีฤทธิ์ตามต้องการอ่าต้องหาสาเหตุอื่นเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
สังเกตุอาการก่อนและหลังการให้ยาถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นต้องรีบรายงานแพทย์ทันที
ในกรณีที่ให้ยาผิดต้องรีบรายงานให้พยาบาลหัวหน้าเวรรับทราบเพื่อหาทางแก้ปัญหา
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา
(Prescription error)
สั่งยาผิดขนาด
สั่งยาผิดชนิด
ผิดวิถีทาง
ผิดความถี่
สั่งยาที่มีประวัติความแพ้
ลายมือไม่ชัดเจน
ความคลาดเคลื่อนใน
การคัดลองคำสั่งใช้ยา
(Transcribing error)
ที่หอผู้ป่วย
หมายถึงพยาบาลรอคำสั่งแพทย์อ่านคำศัพท์แพทย์ไม่ถูกต้องไม่ตรงตามแพทย์สั่ง
ศูนย์คอมพิวเตอร์
หมายถึงเจ้าหน้าที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ทำหน้าที่คัดกรองการลงข้อมูลยาในคอมพิวเตอร์ไม่ครอบคลุมหรือคัดกรองข้อมูลผิดพลาด
ที่เภสัชกรรม
หมายถึงเจ้าหน้าที่ห้องยาเภสัชกรอ่านคำสั่งแพทย์ไม่ถูกต้องไม่ตรงตามคำสั่งแพทย์
ความคลาดเคลื่อน
ในการจ่ายยา
(Dispensing Error)
ในกระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงานเภสัชกรรมที่จ่ายยาไม่ถูกต้องตามที่ระบุในคำสั่งใช้ยาได้แก่ ผิดชนิดยา,รูปแบบยา,ความแรงยาขนาดยา,วิธีใช้ยา, จำนวนยาที่สั่งจ่าย,จ่ายยาผิดตัวผู้ป่วย ,จ่ายยาที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุ,จ่ายยาที่ไม่มีคำสั่งใช้ยาเตรียมยาผิด
ความคลาดเคลื่อน
ในการบริหารยา
(Administration error)
การบริหารยาที่แตกต่างไปจากคำสั่งใช้ยาของผู้สั่งใช้ยาที่เขียนไว้ในใบบันทึกประวัติการรักษาผู้ป่วยหรือความคาดหวังที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาผิดไปจากความตั้งใจในการสั่งยาของผู้สั่งใช้ยา
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย
พยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคำสั่งแพทย์พร้อมกับเช็คยาและจำนวนให้ตรงตามฉลากยาไม่ตรงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
การซักประวัติ จะถามเรื่องการแพ้ยาทุกครั้ง
เมื่อมีคำสั่งใหม่หัวหน้าเวรลงคำสั่งในใบลงยาทุกครั้ง
การจัดยาให้ระมัดระวังในการจัดยาเนื่องจากความผิดพลาดด้านบุคคลโดยเฉพาะยาน้ำ
เวรบ่ายพยาบาลจะตรวจสอบรายการยาในใบลงยากลับคำสั่งแพทย์ให้ตรงกันและดูยาในช่องลิ้นชักยาอีกครั้ง
กรณีคำสั่งสารน้ำให้เขียนด้วยปากกาเมจิกอักษรตัวใหญ่บนป้ายสติ๊กเกอร์ของสารน้ำให้ชัดเจนเพื่อสังเกตได้ง่าย
การจัดยาจะจัดตามหน้าซองยาหลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้วในการจัดยาที่เป็นคำสั่งใหม่ผู้จัดจะต้องดูวันที่ที่สั่งยาใหม่ในซองยาในการเริ่มยาใหม่ในครั้งแรก
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบคนละคนกันตรวจสอบซ้ำก่อนให้ยา
การแจกยาไล่แจกยาตามเตียง เซ็นชื่อทุกครั้งหลังให้ยา
ผู้ป่วยมีแนวโน้มไม่ชอบกินยา ให้แจ้งกินยาต่อหน้าทันทีและอธิบายบอกญาติทุกครั้ง
สมรรถนะของพยาบาลในการ
ใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล
สามารถประเมินปัญหาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาหรือมีความจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา
สามารถร่วมพิจารณาการเลือกใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความจำเป็น
สามารถสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการใช้ยาโดยพิจารณาจากข้อมูลทางเลือกที่ถูกต้องเหมาะสมกับบริบทและเคารพในมุมมองของผู้ป่วย
บริหารยาตามการสั่งใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยาได้อย่างเพียงพอ
สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วยและไม่เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
สามารถใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความรู้ความสามารถทางวิชาชีพและเป็นไปตามหลักเวชจริยศาสตร์
สามารถทำงานร่วมกับบุคคลอื่นแบบสหวิชาชีพเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล