Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation), https://www.pobpad…
ลิ้นหัวใจรั่ว
(Heart Valve Regurgitation)
แบ่งตามตำแหน่งของลิ้นที่มีการรั่ว
ลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว (Mitral Regurgitation)
เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องบนและล่างซ้าย จนทำให้เลือดไหลย้อนกลับไปที่หัวใจห้องบนหลังจากสูบฉีดเลือด
ลิ้นหัวใจเอออร์ติกรั่ว (Aortic Regurgitation)
เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายและหลอดเลือดเอออตาร์ ทำให้เลือดที่ไหลไปยังหลอดเลือดเกิดการไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หัวใจห้องล่างซ้าย
ลิ้นหัวใจไตรคัสปิดรั่ว (Tricuspid Regurgitation)
เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจไตรคัสปิดที่อยู่ระหว่างห้องหัวใจขวาบนและล่าง ทำให้เลือดไหลย้อนกลับขึ้นไป และทำให้ปริมาณเลือดที่ส่งไปยังปอดลดลง
ลิ้นหัวใจพัลโมนารีรั่ว (Pulmonary Regurgitation)
เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจพัลโมนารีที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องขวาล่างและปอด เป็นเหตุให้เลือดไหลย้อนกลับไปที่หัวใจห้องล่างขวา จนปอดได้รับออกซิเจนที่ถูกลำเลียงไปกับเลือดไม่เพียงพอ
ความหมาย
โรคที่เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่ทำให้ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท เป็นสาเหตุให้เลือดไหลย้อนกลับ หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดให้เพียงพอ
อาการลิ้นหัวใจรั่ว
เหนื่อยง่าย
วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
ปวดที่บริเวณหน้าอก
รู้สึกหัวใจเต้นผิดปกติ คล้ายกับอาการใจสั่น
มีอาการบวมที่เท้าและข้อเท้า เนื่องมากจากการบวมน้ำ
สาเหตุของลิ้นหัวใจรั่ว
สาเหตุปฐมภูมิ (Primary Cause)
เกิดจากโครงสร้างของลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ ทำให้ลิ้นหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ และปิดไม่สนิทขณะสูบฉีดเลือด
เกิดจากการสะสมของแคลเซียมที่ลิ้นหัวใจมากผิดปกติ หรือผู้ที่มีลิ้นหัวใจยาว
สาเหตุทุติยภูมิ (Secondary Cause)
เกิดมาจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งส่งผลให้ลิ้นหัวใจทำงานผิดปกติ โดยสาเหตุที่มักพบได้บ่อย
ลิ้นหัวใจยาว
เนื้อเยื่อที่ไขสันหลังเสียหาย
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
อาจเกิดจากการบาดเจ็บ การใช้ยา และการรักษาด้วยรังสี
การวินิจฉัยลิ้นหัวใจรั่ว
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
เป็นการตรวจด้วยอุปกรณ์คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติของลิ้นหัวใจ และระบุได้ว่ามีความรุนแรงมากเพียงใด
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG)
เป็นการตรวจโดยบันทึกการทำงานของกระแสไฟฟ้าภายในหัวใจทำให้แพทย์ทราบว่าผู้ป่วยมีอาการหัวใจโตหรือไม่
การตรวจทดสอบสมรรถภาพหัวใจ (Exercise Stress Test)
เป็นการตรวจโดยให้ผู้ป่วยออกกำลังกายด้วยวิธีต่าง ๆ วิธีนี้จะช่วยแสดงให้เห็นว่าหัวใจของผู้ป่วยทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่
การตรวจหัวใจด้วยภาพคลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก (Cardiac Magnetic Resonance Imaging)
เพื่อฉายให้เห็นภาพรายละเอียดของหัวใจ วิธีนี้จะทำให้เห็นการทำงานและความผิดปกติของหัวใจได้ชัดมากขึ้น
การสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization)
โดยการสอดท่อและฉีดสารทึบแสงผ่านทางข้อพับและขาหนีบ จากนั้นจึงถ่ายภาพเอกซเรย์เพื่อดูการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ
เอกซเรย์ทรวงอก
ช่วยให้แพทย์เห็นว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจโตหรือไม่ ซึ่งภาวะดังกล่าวจะช่วยให้แพทย์ทราบถึงความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยอาจจะมีโรคลิ้นหัวใจรั่ว หรือปัญหาเกี่ยวกับปอด
การรักษาลิ้นหัวใจรั่ว
ควบคุมระดับความดันโลหิต
ระดับความดันโลหิตที่เป็นปกติจะช่วยให้หัวใจทำงานไม่หนักจนเกินไป และทำให้ลิ้นหัวใจที่มีความผิดปกติไม่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
อาหารที่มีรสเค็มจัด
อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูง
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควบคุมน้ำหนัก
การควบคุมน้ำหนัก จะช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้
ป้องกันภาวะลิ้นหัวใจอักเสบ
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงจนต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยอาจจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะควบคู่ไปด้วย
ลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์
พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
จะช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมอาการได้ดียิ่งขึ้น เพราะแพทย์จะสามารถติดตามอาการและความผิดปกติต่าง ๆ ได้อย่างใกล้ชิด
การใช้ยา
ยาขับปัสสาวะ (Diuretics)
ใช้เพื่อขับของเหลวส่วนเกินที่สะสมอยู่ในปอดและส่วนอื่น ๆ ในร่างกายออกมา ทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายลดลง ช่วยลดอาการเหนื่อยและอาการบวมได้
ยาเอซีอี อินฮิบิเตอร์ (ACE Inhibitor)
เป็นยาที่ใช้เพื่อปรับสภาพการทำงานของหัวใจ เพื่อชะลอการเกิดอาการหัวใจโต
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulation Medication)
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจสั่นพริ้ว (Atrial Fibrillation) ร่วมด้วย การใช้ยาชนิดนี้จะช่วยป้องกันลิ่มเลือดที่เกิดจากอาการดังกล่าวได้
การผ่าตัด
การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ
ทำเพื่อซ่อมแซมลิ้นหัวใจที่มีความผิดปกติ ให้กลับมาทำงานได้ เป็นวิธีการรักษาที่ใช้ในบางกรณีเท่านั้น
การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
ซึ่งลิ้นหัวใจที่นำมาใช้มีทั้งชนิดที่ผลิตจากไทเทเนียม หรือเป็นลิ้นหัวใจของสัตว์ บางกรณีก็อาจใช้ลิ้นหัวใจของคนที่ได้รับการบริจาคมา
ภาวะแทรกซ้อนของลิ้นหัวใจรั่ว
ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation)
ลิ่มเลือดอุดตัน
การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ (Endocarditis)
ความดันเลือดแดงในปอดสูง (Pulmonary Hypertension)
หัวใจวาย
การป้องกันลิ้นหัวใจรั่ว
ป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากโรคอื่น ๆ
โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือมีความผิดปกติของหัวใจโดยกำเนิด ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด
https://www.pobpad.com/ลิ้นหัวใจรั่ว