Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 การบริหารยา - Coggle Diagram
บทที่ 4 การบริหารยา
หลักสำคัญในการให้ยา
ตรวจสอบวันหมดอายุของยา
ไม่ควรเตรียมยาค้างไว้ผู้เตรียมยาและผู้ให้ยาควรเป็นคนเดียวกัน double check
ตรวจสอบประวัติการแพ้ยาเขียนป้ายติดที่แผ่นรายงานการรักษาอย่างชัดเจน
ไม่ให้ยาที่ฉลากลบเลือนไม่ชัดเจน ไม่ควรเทยากลับไปในขวดเดิมอีก
ทราบวัตถุประสงค์การวินิจฉัยโรคผลของยาฤทธิ์ข้างเคียงของยา
ตรวจสอบผู้ป่วยก่อนให้ยาโดยการถามชื่อและนามสกุลก่อนทุกครั้ง
2.ตรวจสอบ Oder ก่อนให้ยาทุกครั้ง
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการให้ยาและผลข้างเคียง
ยาทางปากใช้หลักสะอาดฉีดยาใช้หลักAseptic technique
ให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้าพยาบาล
ลงบันทึกการให้ยาหลังจากให้ยาทันที
มีการประเมินประสิทธิภาพของยาที่ให้
สังเกตอาการก่อนและหลังการให้ยา
กรณีที่ให้ยาผิดต้องรีบรายงานให้พยาบาล หัวหน้าเวรรับทราบเพื่อหาทางแก้ไข
วิถีทางการให้ยา (Route)
1.ทางปาก (oral) ดูดซึมทางระบบเดินอาหาร-ลำไส้
ใช้รับประทาน
tablet
Celebrex 100 mg 1taboral bidpc
syrup
elixir
capsule
Tetracycline 250 mg 2caps o qidpc
mixture
emulsion
powder
• ใช้อม
lozenge
ทางสูดดม(inhalation) ดูดซึมทางระบบทางเดินหายใจ
ใช้พ่น
ชนิดสเปรย์sprayinhalation
nebulae
ทางเยื่อบุ(mucous) ดูดซึมทางระบบไหลเวียนเลือด
ใช้สอดช่องคลอด suppository
ใช้อมใต้ลิ้น (sublingual) tablet
ใช้เหน็บทวารหนัก suppository
ใช้ล้าง (irrigate)solution
ใช้หยอด (instillate) aqueous solution
ทางผิวหนัง (skin) ดูดซึมทางผิวหนัง
ใช้ทาถูนวด(inunction) liniment
ใช้โรยผิวหนัง powder
ใช้ทา lotion, ointment, paste
ใช้ทำลายเชื้อ incture, alcohol
ทางกล้ามเนื้อ (Perintramuscular)
ยาที่ใช้ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อของผู้ป่วย โดยดูดซึมเข้าร่างกายทางระบบไหลเวียนเลือดที่ชั้นกล้ามเนื้อ ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะยาที่ละลายในน้ำ (Aqueous solution) เท่านั้น
ทางชั้นผิวหนัง (Per intradermal)
ยาที่ใช้ฉีดเข้าทางชั้นผิวหนังของผู้ป่วย โดยดูดซึมเข้าร่างกายทางระบบไหลเวียนเลือดที่ชั้นผิวหนัง ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะยาที่ละลายในน้ำ (Aqueous solution) เท่านั้น
7.ทางใต้ผิวหนัง (Per subcutaneous/ Hypodermal)
ยาที่ใช้ฉีดเข้าที่ใต้ผิวหนังของผู้ป่วยโดยดูดซึมเข้าระบบไหลเวียนเลือดที่ชั้นใต้ผิวหนัง ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะสารละลาย (Aqueous solution) เท่านั้น
ทางหลอดเลือดดำ (Per intravenous)
ยาที่ใช้ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำของผู้ป่วย โดยเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดโดยตรง ชนิดของการปรุงยาเป็นลักษณะยาที่ละลายในน้ า (Aqueous solution) เท่านั้น
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการออกฤทธิ์ของยา
อายุ&น้ำหนักตัว
เพศ
กรรมพันธุ์
ภาวะจิตใจ
ภาวะสุขภาพ
ทางที่ให้ยา
เวลาที่ให้ยา
สิ่งแวดล้อม
คำสั่งแพทย์
คำสั่งการรักษาทางโทรศัพท์พยาบาลจะต้องเขียนคำสั่งด้วยตนเองพร้อมทั้งเวลาและชื่อของแพทย์ผู้สั่งการรักษาและให้แพทย์เซ็นชื่อกำกับทันทีเมื่อแพทย์มาบนหอผู้ป่วย
การให้ยาแก่ผู้ป่วย แพทย์จะต้องรับผิดชอบในการเขียนคำสั่งการให้ยาเป็นลายลักษณ์อักษร พยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดยา เตรียมยาและนำไปให้ผู้ป่วยโดยตรง
พยาบาลรับผิดชอบในการจัดยา ตามคำสั่งการให้ยา ที่เป็นลายลักษณ์อักษรของแพทย์
Single order/ orderfor oneday
คำสั่งใช้ภายในวันเดียวเมื่อได้ให้ยาไปแล้ว เมื่อครบ1 วันก็ระงับไปได้เลย
Stat order
คำสั่งที่ต้องปฏิบัติทันที เป็นคำสั่งการให้ยาครั้งเดียวและต้องให้ทันที
Standingorder/ Orderfor continous
คำสั่งครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป เป็นคำสั่งที่สั่งครั้งเดียวและใช้ได้ตลอดไปจนกว่าจะมีคำสั่งระงับ (Discontinue)
PRN order
คำสั่งที่ให้เมื่อจำเป็น เป็นคำสั่งที่กำหนดไว้ให้ปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีอาการบางอย่างเกิดขึ้น เช่น มีไข้ ปวดแผล ชัก
ส่วนประกอบของคำสั่งแพทย์ (order)
ชื่อยา
ขนาด/ความเข้มข้นของยา
วัน เวลา ที่สั่งยา
เวลา ความถี่ในการให้ยา
ชื่อผู้ป่วย
ทางที่ให้ยา
ลายมือชื่อของแพทย์ที่สั่งยา
วัตถุประสงค์ของการให้ยา
1.1 เพื่อการรักษา
รักษาตามอาการ Paracetamal,Plasil
รักษาเฉพาะโรค Antibiotic
ทดแทนสิ่งที่ร่างกายขาด Ferrous sulfate
ให้ร่างกายทำงานตามปกติ Digitalis
1.2 เพื่อการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ
Vaccine BCG ป้องกันวัณโรค/ Vitamin
1.3 เพื่อการตรวจวิเคราะห์โรค
กลืน Barium sulfate ผู้ป่วยทำX-ray
ฉีดสาร Iodine ผู้ป่วยทำIVP
ระบบการตวงวัดยา
1.ระบบอโพทีคารี
20 grain (gr.) = 1scruple
3 scruple = 1 dram (z)
8 dram (z) = 1 ounce (oz)
12 ounce (oz) = 1 pound
2.ระบบเมตริก
1 กรัม = 1000 มิลลิกรัม
1 มิลิกรัม = 1000 ไมโครกรัม
1กิโลกรัม =1000 กรัม
1 กรัม = 1 มิลลิลิตร(ซี.ซี)
1 ลิตร= 1000 มิลิลิตร(ซี.ซี.)
3.ระบบมาตรตวงวัดประจำบ้าน
1 dram (z) = 4 gm
1 ounce (oz) = 30 gm
1 grain (gr.) = 60mg
1 pound (lb) = 450 gm
15 grain ( gr.) = 1gm
2.2 pound (lb) = 1,000 gm
15 หยด=1 C.C
1ช้อนชํา=5 C.C.
1 ช้อนหวําน=8 C.C
1 ช้อนโต๊ะ=15 C.C
1 ถ้วยชํา=180 C.C
1 ถ้วยแก้ว=240 C.C
พยาบาลต้องรู้ตัวย่อ สามารถเทียบระบบต่ํางๆ
1 gm = 1 c.c
1 dram= 4 c.c
1tsp = 5 c.c.
1 grain= 60 mg
30 gm = 1 ounce (oz)
30 c.c. = 1 ounce (oz)
คำย่อและสัญลักษณ์เกี่ยวกับคำสั่งการให้ยา
1) ความถี่การให้ยา
tid = ter in die วันละ 3ครั้ง
qid = quar ter in die วันละ 4ครั้ง
bid = bis in die วันละ 2ครั้ง
q 6 hrs = quaque 6 hora ทุก 6ชั่วโมง
OD = omni die วันละ 1ครั้ง
2) วิถีทางการให้ยา
IM เข้ากล้ามเนื้อ
SC เข้าใต้ผิวหนัง
O รับประทานทางปาก
IV เข้าหลอดเลือดดำ
ID เข้าระหว่างชั้นผิวหนัง
subling/ SL อมใต้ลิ้น
inhal ทางสูดดม
supp เหน็บ/สอด
instill หยอด
3) เวลาการให้ยา
p.c.= post cibum หลังอาหาร
h.s.= hora somni ก่อนนอน
a.c. = ante cibum ก่อนอาหาร
p.r.n.= pro re nata เมื่อจำเป็น
stat = statim ทันทีทันใด
การบริหารยา (Medication administration)
หลัก 6 ประการ หรือกฎ Six Rights
หลักประกันความถูกต้องเพื่อสร้างความมั่นใจว่า กระบวนการให้ยาความปลอดภัย
ต่อมาเพิ่มเป็น Seven Rights = Ten Rights
Rightdose (ถูกขนาดยา)
การให้ยาถูกขนาดถูกความเข้มข้น
คำนวณยาถูกต้อง
ไม่ให้ยาซ้ำ / ยาที่แพทย์สั่งให้หยุด
ไม่ต่อยาโดยแพทย์ไม่ได้สั่ง
ไม่ลืมให้ยาโดยการข้ามไปให้เวลาใหม่
Righttime (ถูกเวลา)
ให้ยาถูกเวลา/ ตรงเวลา ความถี่ตามวงรอบเวลาที่ให้
ไม่ลืมให้ยาและให้เมื่อนึกได้
ไม่หยดยาเร็ว/ นานกว่าที่แพทย์สั่ง
ให้ยาก่อน/ หลังอาหาร
Rightdrug/ medication (ถูกชนิดยา)
อ่านชื่อยาในใบ MARทุกครั้ง
การให้ยาถูกชนิด
Rightpatient/client (ถูกคน/ถูกตัวผู้ป่วย)
ให้ยาแก่ผู้ป่วยถูกคน
ให้ยาผู้ป่วยตามที่แพทย์สั่ง
การสั่งจ่ายยาให้ถูกชื่อผู้ป่วย
เช็คชื่อผู้ป่วยกับ ป้ายชื่อข้อมือ
ถามชื่อผู้ป่วย“คุณชื่ออะไรคะ”
เทียบชื่อผู้ป่วยกับใบMAR
Rightroute (ถูกวิถีทาง)
ยาไม่ผิดช่องทาง
ยาถูกข้าง
ให้ยาถูกวิถีทาง
เป็นไปตามที่แพทย์สั่ง
Righttechnique (ถูกเทคนิค)
เทคนิคการฉีดยาที่เหมาะสม
การผสมยาถูกเทคนิค
เทคนิคการเตรียมยา
ไม่บดยาที่ไม่ควรบด
ให้ยาถูกตามวิธีการ
ไม่เดินยาเร็วเกินไป เช่น IV push
Rightdocumentation (บันทึกเอกสารถูกต้อง)
บันทึกการลงลายมือชื่อผู้ให้ยา วัน เวลาที่ให้ยา ชื่อยาที่ให้ ปริมาณที่ให้ ทางที่ให้ยา
ลงนามเวลาเดียวกับที่ให้ยากับผู้ป่วยในเอกสาร
การบันทึกการให้ยาที่ถูกต้อง
Rightto refuse (สิทธิที่จะปฏิเสธการใช้ยา)
ถ้าผู้ป่วยปฏิเสธการรับยาพยาบาลต้องอธิบายถึงผลที่เกิดขึ้นของการไม่รับยา
แต่ว่าถ้าผู้ป่วยไม่ยอมรับก็เป็นสิทธิของผู้ป่วยแต่การปฏิเสธนั้น ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยและบันทึกการปฏิเสธการรับยาของผู้ป่วย
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย
RightHistory and assessment(การตรวจสอบประวัติการแพ้ยาและทำการประเมินถูกต้อง)
สอบถามข้อมูล/ ตรวจสอบประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วยทุกครั้ง
ถ้าคาดว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยในการให้ยาควรตรวจสอบซ้ำ
ซักประวัติและการประเมินอาการก่อน-หลังให้ยา
ถ้าผู้ป่วยแจ้งประวัติการแพ้ยาต้องส่งต่อข้อมูลติดประวัติแพ้ยา
หลังการให้ยาต้องประเมินให้แน่ใจว่ายาทำงานตามที่ควรจะเป็นมีการทานยาอย่างสม่ำเสมอการสังเกตอย่างต่อเนื่องถ้าจำเป็น
Right Drug-Drug Interaction and Evaluation (การตรวจสอบปฏิกิริยาระหว่างกันของยาและการประเมินถูกต้อง )
เมื่อให้พร้อมกันก่อนการให้ยาในกรณีที่มีการให้ยามากกว่า 1 ชนิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยา / ถ้าจำเป็นจะได้มีมาตรการในการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
การที่จะต้องให้ยาร่วมกัน จะต้องดูก่อนว่ายานั้นสามารถให้ร่วมกันได้ไหม
เมื่อให้ร่วมกันจะมีผลทำให้ยาออกฤทธิ์มากขึ้น/ น้อยลง /มีผลต่อประสิทธิภาพยาระยะเวลาที่ยาคงอยู่ในร่างกายเป็นอย่างไร
เมื่อให้ร่วมกันจะมีผลทำให้ยาออกฤทธิ์มากขึ้นหรือน้อยลง หรือมีผลต่อประสิทธิภาพยาระยะเวลาที่ยาคงอยู่ในร่างกายเป็นอย่างไร
การให้ยาร่วมกัน จะต้องว่ายานั้นสามารถให้ร่วมกันได้ไหม
เมื่อมีการให้พร้อมกันก่อนการให้ยาในกรณีที่มีการให้ยามากกว่า 1 ชนิดแก่ผู้ป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาหรือถ้าจำเป็นจะได้มีมาตรการในการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ต้องแจ้งชื่อยาที่จะให้ทางที่จะให้ยาผลการรักษาผลข้างเคียงของยาที่อาจจะเกิดและอาการที่ต้องเฝ้าระวังก่อนการให้ยาทุกครั้ง
ผู้ป่วยและญาติมีสิทธิที่จะได้รับรู้ในเรื่องของยาที่ต้องได้รับ
ต้องอธิบายให้ผู้ป่วย/ ญาติได้รับรู้ความเข้าใจในการแพ้ยาของผู้ป่วยเพื่อช่วยกันในการสร้างความปลอดภัยในการให้ยา