Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive agents) - Coggle Diagram
ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive agents)
1.กลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แคลซินิวริน (Calcineurin inhibitors)
1.1 Cyclosporin A(CsA)
กลไกการออกฤทธิ์
1.ยับยั้นเอนไซม์ colcineurin ส่งผลยับยั้งการสร้างและการหลั่งIL-2
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ใช้ป้องกันและรักษา acute graft redjection ในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายไต
ผลข้างเคียงจากยา Cyclosporin A ( CsA)
2.พิษต่อระบบประสาท
3.อาจทำให้ความดันโลหิตสูง
1.พิษต่อไต
4.ยามีฤทธิ์กดไขและกระดูกเพียงเล็กน้อย
1.2 Tacrolimus(FK506)
กลไกการออกฤทธิ์
.1.ออกเหมือนกับcyclosporin แต่ยาใหม่กว่าและฤทธิ์แรงกว่า
การนำไปใช้ในคลินิก
.ใช้แทน Cyclosporin ในผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถายอวัยวะ
ผลข้างเคียงจากยา Tacrolimus
1.คล้ายกับ Cyclosporin
2.ยามีพิษต่อระบบประสาท
2.กลุ่มยาที่มีพิษต่อเซลล์
2.2Mycophenolate mofetil (MMF):Cellcept
การนำไปใช้ในคลินิก
1.ใช้ป้องกันและรักษา acute graft rejection
ผลข้างเคียง
1.มีผลค้างเคียงที่ต่ำกว่า Azathioprine
2.ผลข้างเคียงที่พบน้อย ความผิดปกติในระบบประสาทส่วนกลาง
กลไกการออกฤทธิ์
1.มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ inosine monophosphate dehydrogenase
2.ส่งผลการยับยั้งการสร้าง DNA,RNAและโปรตีน
2.3Sirolimus หรือEverolimus
กลไกการออกฤทธิ์
1.ยาไปยับยั้งการทำงานของ mammalian target of rapamycin;mTOR
2.ยับยั้งการเจริญและแล่งตัวของ T cellและการตอบสนอง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ป้องกันการเกิด acute graft rejection
ผลข้างเคียงของยา
1.กดไขกระดูก
2.หากยาใช้ sirolimus ร่วมกับ Cyclosporine จะทำให้พิษต่อไต
3.ภาวะโพแทสเซียมต่ำในเลือด
2.1Azathioprine (lmuran)
กลไกการออกฤทธิ์
1.ยับยั้งการสร้าง DNA,RNA และโปรตีน
การนำไปใช้ในคลินิก
1.ใช้รักษาโรคภูมิคุ้มกันต้านตัวเอง
ผลข้างเคียง
1.กดการทำงานของกระดูกไข
2.คลื่นไส้ อาเจียน เกิดพิษต่อตับ
3.ตัวเหลือง ตาเหลือง ผมร่วง
2.4 Leflunomide
กลไกการออกฤทธิ์
1.ยาไปยับยั้งการสังเคราะห์ pyrimidine
2.ส่งผลให้การสังเคราะห์ และการสร้าง DNAและRNAถูกยับยั้ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.รักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียงของยา Leflunomide
1.พิษต่อตับและไต
2.กดไขกระดูกทำให้เกร็ดเลือดต่ำ
3.กลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์ (Adrenocorticoids)
กลไกลการออกฤทธิ์ของยากลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์
2.ภายในเซลล์ได้เป็น drug-receptor complex ไปออกฤทธิ์ที่นิวเคลียร์
3.ไปยับยั้งการสร้างmRNAของโปรตีนหลายชนิด รวมทั้ง cytokines ชนิดต่างๆ
1.ยาจะไปควบคุมการทำงานของ gene โดยจับกับ steroid receptor
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ในด้านการกดภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียง
2.น้ำหนักตัวเพิ่ม
3.ความดันโลหิตสูง
1.ความรุนแรงของยาขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการใช้ยา
4.กลุ่มสารยับยั้งCytokines (Cytokiner inhibitors)
4.3Anti-TNF-α antibody
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียง
1.กดไขกระดูก
2.พบปฏิกิริยาบริเวณฉีดยา
3.อาจพบอาการปวดศีรษะ
กลไกลการออกฤทธิ์
1.เป็น antibodies ที่จับกับ TNF -α ซึ้งเป็น cytokine ที่เหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ
4.4Anti-lgE mAbs
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ใช้รักษาโรคหอบหืด
ผลข้างเคียง
1.อาจเกิด anaphylactic reaction
2.เสี่ยงจ่อการติดเชื้อไวรัส
3.อาจพบอาการปวดศีรษะ
กลไกลการออกฤทธิ์
1.อยากจะไปปิดกั้นการจับของ IgE กับ Fc receptor ส่งผลให้ลดการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการแพ้แบบ hypersensitivity ชนิดที่1
4.2 Anti-CD2
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ใช้รักษาผู้ป่วยสะเก็ดเงิน
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
1.อาจพบไข้หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ
2.ติดเชื้อได้ง่าย
กลไกลการออกฤทธิ์
1.ยาออกฤทธิ์โดยจับกับ CD2 บนพื้นผิวT cell ทำให้ลดการแบ่งตัว
4.1 Anti-IL-2receptor antibody
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ใช้ในผู้ป่วยที่มีการปลูกถ่าย
ผลข้างเคียง
อาการแพ้ยา
กลไกการออกฤทธิ์
2.ทำให้เกิดการปฏิเสธการปลูกถ่ายอวัยวะแบบเฉียบพลัน
1.ออกฤทธิ์ยับยั้งการกระตุ้น lymphocyte ด้วยIL-2เป็นpathway สำคัญในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย
4.5Anti-Iymphocyte globulin (ATG) และAntilymphocyte globulin (ALG):Lymphoglobulin,Thymoglobulin
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
1.ใช้รักษาภาวะปฏิเสธการปลูกถ่ายไตแบบเฉียบพลัน
ผลข้างเคียงของยา ATG และ ALG
1.มักมีไข้ หนาวสั่น ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
กลไกการออกฤทธิ์
1.ยาออกฤทธิ์โดยจับกับโมเลกุลบนพื้นผิว T cell ทำให้ลดการแบ่งตัว