Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ยาต้านโรคมะเร็ง Antineoplastic drug - Coggle Diagram

- - - - Tamoxifen เป็นตัวเลือกเเรกในการรักาามะเร็งเต้านม
      - Toremifene รักษามะเร็งเต้านม
      - Raloxifene ป้องกันการเกิดมะเร็งโรคกระดูกพรุน
    - - ร้อนวูบวาบ รบกวนทางเดินอาหาร
      - มีเลือดประจำเดือนผิดปกติ
  - - - ยา Goserelin เป็นยาใช้ฝังในกล้ามเนื้อ
      - ยา Abarelix เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ใช้บรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย
    - - ร้อนวูบวาบ
      - เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  - - - มีโอกาสติดเชื้อง่าย กลูโคสในเลือดสูง
    - - รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  - - - รักาามะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งของไต
    - - Progestins เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
- - - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการสังเคราะห์และการสร้างสารตั้งต้นของ DNA & RNA และโปรตีน
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก
        
        รักษามะเร็งปอด และ มะเร็งตับอ่อน
    - - จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
      - เกิดการแท้งและทำให้เด็กในครรภ์พิการได้
      - เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
      - ผิวหนังถูกเผาจากแดดได้ง่าย และเกิดอาการผมร่วง
    - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งเอนไซต์ DHFR
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก
        
        ใช้เป็นยาฉีด ในการรักาามะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งที่ศีรษะและคอ
  - - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการสร้างเอนไซต์ที่เกี่ยงข้องกับการสร้าง purine ทำให้ไม่สามารถสร้างและสังเคราะห์ DNA &RNA ได้
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ใช้เป็นยาเม็ดรับประทาน รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ANLL or AML
    - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        แทรกเข้าไปจับสาย DNA จนเกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ใช้เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อรักษา CLL และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรุนแรง
    - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการสร้างเอนไซต์ที่เกี่ยงข้องกับการสร้าง purine ทำให้ไม่สามารถสร้างและสังเคราะห์ DNA &RNA ได้
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ใช้เป็นยาเม็ดรับประทาน รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ANLL or AML
    - - กดไขกระดูก
      - มีแผลในปาก หรือริมฝีปาก
      - รบกวนระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง
  - - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        แทรกการเชื่อมจับของสาย DNA จนยับยั้งการสร้าง DNA
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ฉีดในหลอดเลือดดำ เพื่อรักษามะเร้งตับอ่อนที่แพร่กระจายแล้ว
    - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการเชื่อมสาย DNA
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
    - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ thymidylate synthase
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ใช้บรรเทาอาการ palliative treatment ในผู้ป่วนมะเร็งงเต้านมที่แพร่กระจายแล้ว
    - - กดการสร้างเม็ดเลือดและกดการทำงานของไขกระดูก
      - มีแผลในทางเดินอาหาร
      - พบอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง การลอกของฝ่ามือและเท้า และผิวจะถูกเผาไหม้ได้ง่าย
    - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ thymidylate synthase
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร
- - - - CYP450 เปลี่ยนให้กลายเป็นสารที่มีพิษต่อการสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์มะเร็ง
    - - รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  - - - แทรกเข้าจับสาย DNA ยับยั้ง DNA replication และ DNA transcription
    - - รักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด และทางเดินอาหาร
  - - - เกิดหมู่ Alkyl ไปจับกับCross-linking ทำให้เซลล์ไม่สามารถแบ่งตัวได้ จนเกิดเซลล์ตาย
    - - รักษามะเร็งสมอง
  - - - ใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น เช่น cyclophosphamide ก่อนการปลูกถ่ายไขกระดูก
    - - แทรกการเชื่อมจับของ Cross-linking DNA ทำให้แบ่งตัวไม่ได้และเกิดเซลล์ตาย
  - - - แทรกการจับกับของ cross-linking DNA ทำให้แย่งตัวไม่ได้ และเกิดเซลล์ตาย
    - - เป็นยามาตราฐานในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเรื้อรัง
  - - - แทรกการเชื่อมสาย DNA ทำให้สายแตกและยับยั้ง DNA transcription
    - - รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ในปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว
  - - - เหมือนกับ Cyclophosphamide
    - - รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน
  - - - CYP450 เปลี่ยนแปลงให้เป็น phosphoramine mustard แล้วแทรกเข้าไปในขนวบการสร้าง cross-linking DNA ทำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
    - - รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม และใช้เป็นยากดภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
- - - - ออกฤทธิ์โดยจับธาตุเหล็ก ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อนุมูลอิสระ ทำให้เกิดการแตกของสาย DNA
    - - ใช้เป็นยาฉีด ในการรักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  - - - เปลี่ยนเป็นสาร Alkylating agents มีฤทธิ์แรงมาก มีผลยับยั้งการสังเคราะห์ DNA
    - - ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่ในปัจจุบันใช้น้อยลง
  - - - แทรกเข้าไปในสาย DNA ยับยั้ง RNA polymerase ทำให้สาย single-strand ของ DNA แตก
    - - ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อรักษา Wilms' tumor และ rhabdomycosarcoma ในเด็ก
  - - - ยับยั้ง topoisomerase 2 ปิดกั้นการสังเคราะห์ DNA & RNA
        และสร้างอนุมูลอิสระเพื่อทำลายสาย DNA ให้แตก
    - - มีฤทธิ์ในการรักษามะเร็งหลายชนิดได้
- - - - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ใช้รักษา non-small cell lung cancer และมะเร็งเต้านม
    - - Vinblastine และ Vinorelbine กดไขกระดูกมากกว่า vincristine
      - คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเดิน เกล็ดเลือดต่ำ ซีด ความดันดลหิตต่ำ
      - Vincristine มีพิษต่อประสาทกล้ามเนื้อ เช่นชาตามปลายมือปลายเท้า
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิค
        
        ใช้ในการรักษามะเร็ง acute lymphocytic leukemia มะเร็งหลายชนิดในเด็ก
    - - ยาจับกับโปรตีน tubulin ยับยั้งการประกอบ microtubules /mitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะ M phase
  - - - ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งที่ศีรษะและคอ
    - - Paclitaxel ถ้าใช้หลายครั้งอาจทำให้เกิดภาวะคั่งน้ำในร่างกาย
      - ปฏิกิริยาแพ้ยา เช่นผื่นลมพิษ คลื่นไส้ อาเจียน
      - กดไขกระดูก
      - อวัยวะส่วนปลายบวม และปลายประสาทผิดปกติ
    - - เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules ทำให้การแบ่งเซลล์ไมโตซิสไม่สมบูรณ์
- - - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell lymphoma
      - ผลข้างเคียงของยา
        
        อาจทำให้เกิด infusion rection และกดไขกระดูก
      - กลไกการออกฤทธิ์
        
        จับกับ CD20 ที่ผิวของ B cell กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
    - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        รักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ รวมถึงมะเร็งลำไส้ส่วนล่าง
      - ผลข้างเคียงของยา
        
        ในระยะแรกทำให้เกิดความดันต่ำ
      - กลไกการออกฤทธิ์
        
        จับที่ EGFR ทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้นเซลล์มะเร็ง
    - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        รักษามะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายแล้ว
      - ผลข้างเคียงของยา
        
        อาจทำให้เกิดภาวะ CHF
      - กลไกการออกฤทธิ์
        
        จับกับ HER-2 ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นการเจริญของเซลล์มะเร็งได้
    - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B CLL
      - ผลข้างเคียงของยา
        
        อาจทำให้เกิด infusion rection และกดไขกระดูก
      - กลไกการออกฤทธิ์
        
        จับกับ CD52 กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันมากำจัดเซลล์มะเร็ง
  - - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        รักษา chronic myeloid leukemia
    - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        รักษา chronic myeloid leukemia และมะเร็งที่ดื้อยา Imatinib
    - - การนำไปใช้ในคลินิค
        
        รักษา gastrointestinal stromal tumor
    - - พิษต่อตับ ทำให้บวมน้ำ
      - ้กล็ดเลือดต่ำ กดไขกระดูก
      - มีของเหลวคั่งในร่างกาย
      - Dasatinib และ Nilotinib ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ จนทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ
    - - เกิดการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
        และยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ในก้อนเนื้อมะเร็ง