Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาต้านโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน, ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยา…
ยาต้านโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน
ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs)
ยามะเร็งมุ่งเป้า (Targeted gene therapy)
ยามุ่งเป้า เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
ยับยั้งสัญญาณที่ทําให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจํานวนและเจริญเติบโต
ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibodies)
Trastuzumab (Herceptin®)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับ human epidermoid growth actor receptor 2 (HER-2) ซึ่ง receptor ชนิดนี้เกี่ยวข้องกับ tyrosine
การนําไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
ผลข้างเคียงจากยา อาจทําให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง
Rituximab (Rituxan®)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับ CD20 ที่ผิว B cel ได้ หลังจากที่จับกัน แล้วจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากําจัดเซลล์มะเร็ง เกิด การตายของเซลล์มะเร็งในที่สุด
การนําไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ําเหลืองชนิด B-cell lymphoma
ผลข้างเคียงจากยา Rituximab (Rituxan) - อาจทําให้เกิด infusion reaction ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
Cetuximab (Erbitux®)
กลไกการออกฤทธิ์
epidermal growth factor (EGFR) ทํา ให้ไม่สามารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้น การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
การนําไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษา มะเร็งบริเวณศีรษะและลําคอ
ผลข้างเคียงจากยา Cetuximab (Erbitux )
ในระยะแรก อาจทําให้ความดันต่ำ และหายใจลําบากได้
Alemtuzumab (Campath)
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับกับ CD52 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิด B cell หรือ T cell แล้วจะไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากําจัดเซลล์มะเร็ง
การนําไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B-cell chronic lymphocytic leukemia (B CLL)
ยาโมเลกุลขนาดเล็ก (Small molecules)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปยับยั้งเอนไซม์ไคเนส (tyrosine kinase) เอนไซม์นี้มีความสําคัญในการส่งสัญญาณให้เซลล์มะเร็ง
Imatinib (Gleevec)
ใช้รักษา gastrointestinal stroma tumor ซึ่งเป็นมะเร็งลําไส้ที่พบได้น้อยชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia)
Dasatinib (Sprycel)
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด chronic myeloid leukemia
Nilotinib (Tasigna)
ใช้รักษา chronic myeloid & Tasigna leukemia และรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา Imatinib
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ยับยั้งเอนไซม์ CYP450 เช่น CYP3A4, CYP2C9 และ CYP2D6 ถ้าหากให้ร่วมกับยา Warfarin
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Small molecules
มีของเหลวคั่งในร่างกาย
มีน้ําคั่งในปอด (pulmonary edema)
เกล็ดเลือดต่ำ
ยากลุ่ม Anticancer antibiotics
Dactinomycin หรือ actinomycin D
กลไกการออกฤทธิ์: สอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ยับยัง RNA polymerase ทําให้สาย single-strand ของ DNA แตก
รักษา Wilms tumor และมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในเด็ก
ใช้ในการรักษา Ewing's tumor และ Kaposi's sarcoma
เป็นสารที่สกัดมาจากเชื้อราดินที่เรียกว่า Streptomyces
ยาจะไปรบกวนเมแทบอลิซึมของ DNA โดยสอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ซึ่งเป็นผลให้ DNA แตก และสามารถยังยั้งเซลล์มะเร็งได้
Doxorubicin (Dox)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้ง topoisomerase 2 แทรกไป อยู่ระหว่าง DNA base pairs ในสาย DNA ปิดกั้นการสังเคราะห์ DNA และ RNA รบกวนการทํางานของเยื่อหุ้มเซลล์ และสร้างอนุมูลอิสระซึ่งทําให้สาย DNA แตก
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
Bleomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยจับกับธาตุเหล็ก (Fe”)
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ยาใช้ในการรักษา มะเร็งอัณฑะ (testicular cancer)
Mitomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสาร Alkylating agents ที่ มีฤทธิ์แรงมาก ทําให้เกิดสะพานในสาย DNA มีผลยับยั้งการสังเคราะห์ DNA
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก (carcinoma of Cervix) มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งลําไส้ใหญ่
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Anticancer antibiotics
ยา doxorubicin มีพิษต่อหัวใจ (cardiotoxicity)
ยา bleomycin มีพิษต่อปอด
ยา Mitomycin ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไต
ยากดการทํางานของไขกระดูก
รบกวนทางเดินอาหาร มีอาการเบื่ออาหาร
ยากลุ่มฮอร์โมน (Hormone and hormone antagonists)
การรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมน มักจะใช้ในกรณีที่มะเร็งมีการแพร่กระจายไปแล้ว
ยากลุ่มสเตียรอยด์ (Glucocorticoids)
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ําเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL (acute lymphocytic leukemia)
ผลข้างเคียงของยากลุ่มสเตียรอยด์
ติดเชื้อง่าย
กลูโคสในเลือดสูง
โรคกระดูกพรูน
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
Tamoxifen: เป็นตัวเลือกแรกในการนํามาใช้รักษามะเร็งเต้านม
ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน (antiestrogens)
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ยา Goserelin เป็นยาที่ใช้ฝังในกล้ามเนื้อ
ยา Leuprolide เป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
ยา Abarelix เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียงของยากลุ่มออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมน androgen
ร้อนวูบวาบ
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ในระยะแรกอาจทําให้เซลล์มะเร็งเจริญมากขึ้น
ยาฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestins)
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเยื่อบุมดลูก
มะเร็งเต้านม
มะเร็งของไต
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
progestins เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
ยากลุ่ม อื่น ๆ (Other anticancer agents)
Asparaginase
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเร่งปฏิกิริยา hydrolysis ทําให้ เซลล์มะเร็งขาดสารจําเป็นที่จะนําไปสร้างการเจริญเติบโตและสร้างโปรตีน
การนําไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้ในการรักษา ALL ในเด็ก โดยใช้ “วมกับ Vincristine และ Prednisone
ผลข้างเคียงจากยา Asparaginase
อาจทําให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง อาจทําให้เสียชีวิตได้ ทําให้เกิดตับอ่อนอักเสบ พิษต่อตับ ชัก และ โคม่าได้
Mitotane
กลไกการออกฤทธิ์
รบกวนการทํางานของไมโตครอนเดรียในเซลล์ต่อมหมวก ชั้นนอก ทําให้ฝ่อลงและลดการสร้าง cortisol
การนําไปใช้รักษาทางคลินิก
รักษามะเร็งต่อมหมวกไตชั้นนอก
ผลข้างเคียงจากยา
อาจทําให้เกิดอาการซึมเศร้า (Depression)
มีนศีรษะ (Dizziness)
รบกวนทางเดินอาหาร
ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ (Natural and semi-Synthetic products)
ยากลุ่ม vinca alkaloids เป็นสารสกัดจากพืช
Vincristine (VCR): Oncovin
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic leukemi
Vinblastine (VLB): Velban
ช้รักษามะเร็งต่อม น้ําเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma
Vinorelbine: Navelbine
ใช้รักษา non-small cell lung cancer และมะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม vinca alkaloids - Vincistine
Vincistine มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียงอื่นที่พบบ่อยคือ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
อาจพบการอักเสบของหลอดเลือดดํา (phlebitis) บริเวณที่ให้ยา
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับโปรตีน tubulin ทําให้ยับยั้งการ ประกอบ microtubules ยับยั้งการประกอบตัวของ mitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะ metaphase (M phase; ระยะที่มีการแบ่งตัวแบบ mitosis)
ยากลุ่ม taxanes
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับ 8-tubulin ทําให้เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules แต่ยับยั้งการสลายของสาย microtubules ทําให้การแบ่งเซลล์ไมโตซิสไม่สมบูรณ์โดยหยุดชะงักที่ระยะ anaphase
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดํา ใช้รักษามะเร็งเต้านมมะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งที่ศีรษะและคอ
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม taxanes
กดไขกระดูก
Pacitaxel ถ้าใช้หลายครั้งอาจทําให้เกิดภาวะคั่งน้ําในร่างกาย
ปฏิกิริยาแพ้ยา
ผลต่อทางเดินอาหาร
ผลต่อทางเดินอาหาร
ยากลุ่ม Alkylating agents
ยากลุ่มนี้เป็นสาร alkylating agents ที่ทําให้เกิด หมู่ อัลคิล (Alkyl group) เข้าไปทําปฏิกิริยาทาง เคมี
Cyclophosphamide
กลไกการออกฤทธิ์
ยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้ กลายเป็น phosphoramide mustard แทรกเข้าไปในขบวนการสร้าง DNA แบบ crosslinking
มีการเติมหมู่ alkyl ที่เบส guanine บนสาย DNA และกระตุ้นให้เกิดการตาย ของเซลล์มะเร็ง
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทาน
ใช้รักษามะเร็ง รังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ําเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma
Ifosfamide (Holoxan; IFOS)
กลไกการออกฤทธิ์: กลไกเหมือน Cyclophosphamide
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะต่อมน้ําเหลือง มะเร็งเร็งอัณฑะ (testicular carcinoma) และ มะเร็งของ เนื้อเยื่ออ่อน (soft tissue sarcoma)
Chlorambucil
กลไกการออกฤทธิ์
ข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ crosslinking ส่งผลทําให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้ และทําให้เซลล์ตาย
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยามาตรฐานในการรักษา มะเร็งเม็ด เลือดขาวชนิดเรือรัง (Chronic lymphocytic leukaemia; CLL) และมะเร็งต่อม น้ําเหลืองชนิด follicular
Carmustine
กลไกการออกฤทธิ์
ทําให้เกิด หมู่ Alkyl ไปจับกับสายของ DNA ส่งผลให้ DNA ทําให้เซลล์มะเร็ง แบ่งตัวไม่ได้ เกิด DNA strand break และทําให้เซลล์ตาย
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งสมอง
Dacarbazine (DTIC)
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็นสารที่มีพิษต่อ การสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์มะเร็ง
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดํา ใช้ร่วมกับยา Adriamycin, Bleomycin, Vinblastine หรือ Dacarbazine ในการรักษามะเร็งต่อมน้ําเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma และมะเร็ง ผิวหนัง (melanoma)
Cisplatin, Carboplatin
กลไกการออกฤทธิ์
ข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทําให้เกิดการยับยั้ง
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดําหรือฉีดเข้าทางช่องท้อง
Busulfan (Myleran)
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross-linking ส่งผลทําให้ เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้ และทําให้เซลล์ตาย
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด (chronic myelgenous leukemia
Mechlorethamine (Mustargen, Mustine)
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทําให้เกิดสาย DNA
แตกและยับยั้งกระบวนการ DNA transcription
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
เดิมใช้รักษารักษามะเร็งต่อมน้ําเหลืองชนิด
Lympho Hodgkin's lymphoma แต่ปัจจุบันใช้ยานี้น้อยลง
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Alkylating agents
ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
อาการพิษต่อระบบประสาท (neurotoxicity)
ความเป็นพิษต่อไต
ทําให้เกิดการกดการทํางานของไขกระดูก
ยากลุ่มนี้มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงการเกิดพิษต่อหัวใจได้
ผลต่อผิวหนัง คือทําให้ผิวหนังมีสีคล้ำ
ยากลุ่ม Antimetabolites/Antineoplastic agents
มีฤทธิ์ต้านมะเร็งโดยการไปยับยั้งการทํางานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ DNA
ยาจะเข้า ไปขัดขวางขบวนการการสร้าง folate, purine, pyrinidine ที่มีความจําเป็นต่อการสร้าง DNA และ RNA ยา ออกฤทธิ์ทําลายเฉพาะเจาะในระยะ S ของ cell cycle โดยไปยับยั้ง DNA polymerase ทําให้หยุดการสร้าง DNA และ RNA และนําไปสู่การตายของเซลล์มะเร็ง
สารกลุ่มนี้จะมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับนิวคลีโอไทด์
Antifolate/Folate antagonist
Methotrexate (MTX)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลต (antifolate or folate antagonist) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ dihydrofolate reductase (DHFR) ที่เปลี่ยน dihydrofolate ไปเป็น tetrahydrofolate ที่เป็น cofactor สําคัญที่นําไปใช้สร้างสารตั้งต้นของ DNA, RNA และโปรตีน
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งยาชนิดเม็ดรับประทาน ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือด ดํา ยาฉีดทางกล้ามเนื้อ และยาฉีดเข้าทางน้ําไขสันหลัง
Pemetrexed
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตตัวใหม่ เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูก metabolite ให้กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการสังเคราะห์และสร้างสารตั้งต้นของ DNA, RNA และโปรตีน
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปอด (ung Cancer) มะเร็งตับ อ่อน (pancreatic cancer)
Purine analogs
ยา 6-mercaptopurine (6-MP)
เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายเบสเพียวรีน (purine analog) ซึ่งเป็นยาชนิดแรกในกลุ่มนี้ที่นํามาใช้รักษาโรคมะเร็ง
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาเม็ดรับประทาน ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL (acute lympholytic leukemia)
ยา 6-thioguanine (6-TG)
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 6-MP
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ANL หรือ AML โดยใช้ร่วมกับยา Daunorubicin และ Cytarabine
ยา Fludarabine
ข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการ สร้าง DNA
ป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดํา
ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยา Purine analogs
กดไขกระดูก
รบกวนระบบทางเดินอาหาร
Pyrimidine analogs
5-fluorouracil (5-FU)
ยับยั้งการทํางานของเอนไซม์ thymidylate Synthase ซึ่งเป็น เอนไซม์ที่จําเป็น ในการสังเคราะห์ DNA และ RNA
รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร
Capectibine
กลไกการออกฤทธิ์: คล้ายกับ 5-FU
เป็นยาชนิดเม็ดรับประทาน ใช้รักษาเพื่อบรรเทาอาการ (palliative treatment) ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์: ยาจะไปเติมหมู่ฟอตเฟต
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
Gemcitabine
ยาจะถูกกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอตเฟต จะไปเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
อ่อนที่แพร่กระจายไปแล้ว มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Pyrimidine analogs
กดการสร้างเม็ดเลือด
มีแผลในทางเดินอาหาร
คลื่นไส้อาเจียนพะอืดพะอมหรืออาการท้องเสีย
ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive agent)
กลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แคลซินิวริน (Calcineurin inhibitors)
Cyclosporin A (CSA)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งเอนไซม์ calcineurin ส่งผลยับยั้งการสร้างและการหลั่ง IL-2 จาก I cell
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ช้ป้องกันและรักษา acute graft rejection (การปฏิเสธการปลูกถ่ายอวัยวะแบบเฉียบพลัน)
ผลข้างเคียงจากยา Cyclosporin A (CSA)
พิษต่อไต (nephrotoxicity)
พิษต่อระบบประสาท (neurotoxicity)
ความดันโลหิตสูง
ยามีฤทธิ์กดไขกระดูกเพียงเล็กน้อย
Tacrolimus (FK506)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์เหมือนกับ cyclosporin แต่เป็นยาใหม่กว่า Cyclosporin และฤทธิ์แรงกว่า Cyclosporin 100 เท่า
การนําไปใช้ในคลินิก
ใช้แทน Cyclosporin ในการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
ผลข้างเคียงจากยา Tacrolimus (FK506)
ยามีพิษต่อระบประสาท
กลุ่มยาที่มีพิษต่อเซลล์ (Cytotoxic agents)
Azathioprine (Imuran)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสร้าง DNA, RNA และโปรตีน ส่วน active metabolite
การนําไปใช้ในคลินิก
ใช้ร่วมกับยากลุ่ม Corticosteroids และ Cyclosporin ในการรักษาแบบ triple therapy
ผลข้างเคียงของยา
กดการทํางานของไขกระดูก
คลื่นไส้ อาเจียน เกิดพิษต่อตับ
ตัวเหลือง ตาเหลือง ผมร่วง กล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลีย เป็นผื่น
Mycophenolate mofetil (MMF): Cellcept
กลไกการออกฤทธิ์
ยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น mycophenolic acid
มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ inosine monophosphate dehydrogenase
ส่งผลยับยั้งการสร้าง DNA, RNA และ โปรตีน ยามีผลยับยั้งการแบ่งตัวของ B และ T lymphocytes
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ป้องกันและรักษา acute graft rejection (การปฏิเสธการปลูกถ่าย อวัยวะแบบเฉียบพลัน)
Leflunomide
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปยับยั้งการสังเคราะห์ pyrinidine ส่งผลให้การ สังเคราะห์และการสร้าง DNA และ RNA ถูกยับยั้ง จึงทําให้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและ ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียงของยา Leftunomide
พิษต่อตับ พิษต่อไต
กดไขกระดูก
Sirotimus หรือ Everolimus
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปยับยั้งการทํางานของ mammalian target of rapamycin ; mTOR
ยับยั้งการเจริญและแบ่งตัวของ T cell และยับยั้งการตอบสนองของ Icell ต่อ IL-2
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ป้องกันการเกิด acute graft rejection (การปฏิเสธการปลูกถ่าย อวัยวะแบบเฉียบพลัน)
ให้ร่วมกับ cyclosporine และ Corticosteroids
ผลข้างเคียงของยา
Sirotimus หรือ Everolimus - กดไขกระดูก
ทําให้เกร็ดเลือดต่ำ
หากใช้ยา Sirolimus ร่วมกับ Cyclosporine จะทําให้พิษต่อไตของ Cyclosporine สูงขึ้น
กลุ่มสารยับยั้ง Cytokines (Cytokines inhibitors)
Anti-IL-2 receptor antibody
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการกระตุ้น lymphocyte ด้วย IL-2 ที่ เป็น pathway สําคัญในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ที่ทําให้เกิดการปฏิเสธการปลูก ถ่ายอวัยวะแบบเฉียบพลัน
ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Daclizumab (ดาคลิซูแมบ) และ Basiliximab (บาซิลิซิแมบ)
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ในผู้ป่วยที่มีการปลูกถ่ายไต
Anti-CD2
กลไกการออกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์โดยจับกับ CD2 บนพื้นผิว T cell ทําให้ลดการแบ่งตัว ยับยั้งการ กระตุ้นและเกิดการทําลาย T cell และทําให้จํานวน T cell ในกระแสเลือดลดลง
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis)
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
ไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ติดเชื้อได้ง่าย
Anti-TNF-d antibody
เป็น cytokine ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างโดย monocytes และ macrophages มีฤทธิ์กระตุ้นการตอบสนองต่อการทํางานของระบบภูมิคุ้มกันโดยเพิ่มการส่งเม็ดเลือดขาวไป ยังบริเวณที่มีการอักเสบ
กลไกการออกฤทธิ์
เป็น antibodies ที่จับกับ TNF-4 ซึ่งเป็น cytokine ที่เหนี่ยวนําให้เกิดการ อักเสบ เช่น IL-1, IL-6 และกระตุ้นการเคลื่อนตัวของเม็ดเลือดขาว
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ร่วมกับยา Methothexate
Anti-IgE mAbs
ยาจะไปปิดกั้นการจับของ gE กับ Fc receptor ส่งผลให้ลด การหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการแพ้แบบ hypersensitivity ชนิดที่ 1
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักโรคหอบหืดที่เกิดจากภูมิแพ้ (allergic asthma) ในผู้ป่วยที่ไม่ ตอบสนองต่อการใช้ยากลุ่ม steroids ชนิดสูดพ่น ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
Anti-lymphocyte globulin (ATG) และ Antilymphocyte globulin (ALG): Lymphoglobulin, Thymoglobulin
กลไกการออกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์โดยจับกับโมเลกุลบนพื้นผิว T cell ทําให้ลดการ แบ่งตัว ยับยั้งการกระตุ้นและเกิดการทําลาย T cell
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาภาวะปฏิเสธการปลูกถ่ายไตแบบเฉียบพลัน
ผลข้างเคียงของยา
มีไข้ หนาวสั่น ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
กลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์ (Adrenocorticoids)
ยากลุ่มนี้เป็นยากดภูมิคุ้มกันที่ใช้ในระยะยาว
Prednisolone
Prednisone
Betamethasone
Dexamethasone uaz Methyprednisolone
กลไกการออกฤทธิ์ของยา
ยาจะไปควบคุมการทํางานของ gene โดยจับกับ steroid receptor ภายในเซลล์ได้เป็น drug-receptor Complex ไปออกฤทธิ์ที่นิวเคลียสโดยไปยับยั้ง การสร้าง mRNA ของโปรตีน
การนําไปใช้รักษาในคลินิก
ในด้านการกดภูมคุ้มกัน หากใช้ในขนาดสูง (high dose) สามารถนําไปใช้กด อาการแสดงของโรคภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียงของยา
ผลข้างเคียงเหมือนกับการใช้ยากลุ่ม Steroids
ความรุนแรงของผลข้างเคียงขึ้นกับขนาดและ ระยะเวลาในการใช้ยา
กลุ่มยาที่ใช้เพื่อกดหรือลดความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบ ภูมิคุ้มกันต้านทานโรค และระบบภูมิต้านทานในร่างกาย
ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs) มะเร็ง (Cancer)
กลุ่มของโรคที่เกิดจากความผิดปกติของรหัสสารพันธุกรรม
การเพิ่มจํานวนเซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ
เซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งจะมีวงจรการแบ่งเซลล์ที่เหมือนกัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งรอบของการแบ่ง เซลล์ จะได้จํานวนเซลล์ที่มีลักษณะเหมือนกันเพิ่มอีก 1 เท่าตัว
การเข้าใจหลักของวัฏจักรเซลล์มะเร็งจึงมีความสําคัญ เพื่อช่วยทําให้เข้าใจการทํางานของยารักษา มะเร็ง หรือที่เรียกว่า ยาเคมีบําบัด
แบ่งประเภทยาตามการออกฤทธิ์ในวัฏจักร เซลล์มะเร็ง ได้เป็น 2 ประเภท
Cell cycle-specific drugs (CCS)
Cell cycle-nonspecific drugs (CCNS)
แบ่งตามคุณสมบัติทางชีวเคมี (Biochemical) จะสามารถแบ่งยา chemotherapy ได้เป็น 6 กลุ่ม
ยากลุ่ม Anticancer antibiotics
ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ (Natural and semi-synthetic products)
ยากลุ่มฮอร์โมน (Hormone and hormone antagonists)
ยากลุ่ม Antimetabolites
ยากลุ่ม อื่น ๆ (Enzyme and adrenolytic)
ยากลุ่ม Alkylating agents
ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยา Antifolate/Folate antagonist
ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
จํานวนเม็ดเลือดขาวลดลง
อาจทําให้แท้งและเด็กในครรภ์พิการได้
ผิวหนังจะถูกแสงแดดเผาได้ง่าย
ผมร่วง พบได้น้อย แต่ผมจะงอกขึ้นใหม่หลังหยุดยา แต่ลักษณะสีและเส้นผมอาจเปลี่ยนไป