Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs) - Coggle Diagram
ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs)
มะเร็ง (Cancer)
กลุ่มของโรคที่เกิดจากความผิดปกติของรหัสสารพันธุกรรมส่งผลให้การเจริญเติบโตหรือการเพิ่มจำนวนเซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ
วัฏจักรของเซลล์
1) Go, phase เป็นระยะพักของเซลล์หลังจากที่เซลล์แบ่งตัวเสร็จสมบูรณ์แล้ว
2) G1 phase เป็นระยะแรกที่เซลล์เริ่มเข้าสู่การแบ่งตัวเป็นระยะที่เซลล์มีการสร้างองค์ประกอบต่าง ๆ
3) S phase เป็นระยะที่เซลล์ทำการสร้างและสังเคราะห์ DNA ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเพื่อใช้ในการแบ่งเซลล์
4) G2 phase เป็นระยะที่เซลล์สร้างองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อใช้ในการแบ่ง DNA และแบ่งเซลล์เป็น 2 เซลล์
5) MM. phase เป็นระยะที่โครโมโซมหนาตัวขึ้นและเซลล์มีการแบ่งตัวแบบ mitosis
ยาตามการออกฤทธิ์ในวัฏจักรเซลล์มะเร็ง
1. Cell cycle-specific drugs (CCS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่อยู่ในระยะใดระยะหนึ่งของวงจรเซลล์เท่านั้นไม่มีผลต่อเซลล์ในระยะอื่น
2. Cell cycle-nonspecific drugs (CCNS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้ทุกระยะในวงจรของเซลล์ยากลุ่มนี้ใช้ได้ผลดีในมะเร็งที่มีอัตราการโตของก้อนมะเร็งทั้งต่ำและสูง
ยาต้านโรคมะเร็ง
1. ยากลุ่ม Alkylating agents
1.1 Cyclophosphamide
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็น phosphoramide mustard แทรกเข้าไปในขบวนการสร้าง DNA แบบ cross linking และมีการเติมหมู่ alkyl ที่เบส guanine บนสาย DNA
และกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทานใช้รักษามะเร็งรังไข่มะเร็งเต้านมมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia)
1.2 Ifosfamide (Holoxan; IFOS)
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกเหมือน Cyclophosphamide
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทานใช้รักษามะต่อมน้ำเหลืองมะเร็งเร็งอัณฑะ (testicular carcinoma) และมะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน (soft tissue sarcoma) เช่นกระดูกกระดูกอ่อนไขมันกล้ามเนื้อและหลอดเลือด
1.3 Chlorambucil
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross Lining ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยามาตรฐานในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic lymphocytic leukaemia; CLL)
1.4 Carmustine
กลไกการออกฤทธิ์
ทำให้เกิดหมู่ Alkyl ไปจับกับสายของ DNA ส่งผลให้ DNA ทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้เกิด DNA strand break และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งสมอง Are Chlorambucil Tablets IP CLOKERAN2
1.5 Dacarbazine (DTIC)
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็นสารที่มีพิษต่อการสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำใช้ร่วมกับยา Adriamycin, Bleomycin, Minblastine หรือ Dacarbazine ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma และมะเร็งผิวหนัง (melanoma)
1.6 Cisplatin, Carboplatin
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทำให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ DNA replication และ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าทางช่องท้องใช้ร่วมกับยื่นในการรักษามะเร็งอัณฑะมะเร็งรังไข่มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมะเร็งปอดและมะเร็งทางเดินอาหาร
1.7 Busulfan (Myleran)
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross-linking ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด (chronic myelgenous leukemia, CML) และใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น เช่น Cyclophosphamide ก่อนการปลูกถ่ายไขกระดูก
1.8 Mechlorethamine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทำให้เกิดสาย DNA MUSTA ก็ทั้ง 3 pancy topenia แตกและยับยั้งกระบวนการ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เดิมใช้รักษารักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's Lymphoma
2. ยากลุ่ม Antimetabolites / Antineoplastic agents
2.1 Antifolate / Folate antagonist
2.1.1 Methotrexate (MTX)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลต (antifolate or folate antagonist) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ dihydrofolate reductase (DHFR) ที่เปลี่ยน dihydrofolate ไปเป็น tetrahydrofolate ที่เป็น cofactor สำคัญที่นำไปใช้สร้างสารตั้งต้นของ DNA, RNA และโปรตีน
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งยาชนิดเม็ดรับประทานยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำยาฉีดทางกล้ามเนื้อและยาฉีดเข้าทางน้ำไขสันหลังใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด
2.1.2 Pemetrexed
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปอด (lung cancer) มะเร็งตับอ่อน (pancreatic cancer) ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยา Antifolate / Folate antagonist ระคายเคือง
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตตัวใหม่เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูก metabolite ให้กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการสังเคราะห์และสร้างสารตั้งต้นของ DNA, RNA และโปรตีน
2.2 Purine analogs
2.2.1 ยา 6-mercaptopurine (6-MP)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายเบสเพียวรีน (purine analog) ซึ่งเป็นยาชนิดแรกในกลุ่มนี้ที่นำมาใช้รักษาโรคมะเร็งเมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะถูก RPI. Mercaptop
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาเม็ดรับประทานใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL (acute lympholytic leukemia) และ AIML (acute myelogenous leukemia) หรือ acute nonlymphocytic leukemia; ANLL
2.2.2 ยา 6-thioguanine (6-TG)
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 6-MP
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ANLL หรือ AML โดยใช้ร่วมกับยา Dainorubicin และ Cytarabine
2.2.3 ยา Fudarabine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำเนื่องจากเป็นพิษต่อทางเดินอาหารมาก
2.3 Pyrimidine analogs
2.3.1 5-fluorouracil (5-FU)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ thymidylate Synthase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ DNA และ RNA
กลไกการออกฤทธิ์
รักษามะเร็งเต้านมมะเร็งทางเดินอาหาร
2.3.2 Capectibine
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้วปัจจุบันนิยมใช้ร่วมกับยา Oxaltiplatin ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แพร่กระจาย
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 5-FU
2.3.3 Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเติมหมู่ฟอตเฟตทำให้เกิดการยับยั้งการเชื่อมต่อสายของสาย DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
2.3.4 Gemcitabine
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่เซลล์ยาจะถูกกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอตเฟตจะไปเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งตับอ่อนที่แพร่กระจายไปแล้วมะเร็งปอดมะเร็งรังไข่มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งที่ศีรษะและคอ
ผลข้างเคียงจากยา
กดการสร้างเม็ดเลือด (myelosuppression)
การกดการทำงานของไขกระดูก (bone marrow suppression)
มีแผลในทางเดินอาหารตั้งแต่ที่ริมฝีปากในช่องปากและเยื่อบุทางเดินอาหาร
3. ยากลุ่ม Anticancer antibiotics
3.2 Doxorubicin (DOX)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
มีฤทธิ์ในการรักษามะเร็งหลายได้ชนิดเช่นใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (acute leukemia) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ymphomas) มะเร็งของพลาสมาเซลล์ (multiple myeloma) มะเร็งเต้านมมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมะเร็งรังไข่มะเร็งไทรอยด์และมะเร็งปอด
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้ง topoisomerase 2 แทรกไปอยู่ระหว่าง DNA base pairs ในสาย DNA ปิดกั้นการสังเคราะห์ DNA และ RNA รบกวนการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์และสร้างอนุมูลอิสระซึ่งทำให้สาย DNA
3.1 Dactinomycin หรือ actinomycin D
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
การรักษา Wilms” tumor และมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในเด็ก (thabdomycosarcoma) และใช้ร่วมกับยา Methotrexate ในการรักษา choriocarcinama
กลไกการออกฤทธิ์
สอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ยับยั้ง RNA polymerase ทำให้สาย single-strand ของ DNA แตก
3.3 Bleomycin
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ในการรักษามะเร็งอัณฑะ (testicular cancer) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma และ Epithelial tumor เช่น squamous cell carcinoma
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยจับกับธาตุเหล็ก (Fe) ได้เป็นสารประกอบเชิงซ้อนของยากับเหล็กซึ่งทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อนุมูลอิสระทำให้เกิดการแตกของสาย DNA และสอดแทรกในสาย DNA ยามีผลต่อเซลล์ระยะ G2
3.4 Mitomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสาร Alkylating agents ที่มีฤทธิ์แรงมากทำให้เกิดสะพานในสาย DNA มีผลยับยั้งการสังเคราะห์ DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก (carcinoma of cervix) มะเร็งปอดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยอาจใช้ร่วมกับ 5-FU, displatin
4. ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ
(Natural and semi-synthetic products)
4.1 ยากลุ่ม vinca alkaloids
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับโปรตีน tubulin ทำให้ยับยั้งการประกอบ microtubules ยับยั้งการประกอบตัวของ mitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะ metaphase (M phase; ระยะที่มีการแบ่งตัวแบบ mitosis)
4.1.1 Vincristine (VCR): Oncovin
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic leukemia, มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin Lymphoma
4.1.2 Vinblastine (VLB): Velban
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma, มะเร็งลูกอัณฑะ (testicular cancer) และมะเร็งเต้านม
4.1.3 Vinorelbine: Navelbine
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษา non-small cell tung cancer และมะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียง
มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อเช่นชาตามปลายมือปลายเท้าเดินเซ (ataxia) และอาจทeให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบ Vinblastine และ Minoretbine กดไขกระดูกมากกว่า vincristine ผลข้างเคียงอื่นที่พบบ่อยคือคลื่นไส้อาเจียนเบื่ออาหารท้องเดินปวดท้องเม็ดเลือดขาวต่ำเกล็ดเลือดต่ำซีดความดันโลหิตต่ำอาจพบการอักเสบของหลอดเลือดดำ (phlebitis)
4.2 ยากลุ่ม taxanes
Pacitaxe และ Taxot และ Docetaxe Taxotereและ Cabazitaxel
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับ 8-tubulin ทำให้เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules แต่ยับยั้งการสลายของสาย microtubules ทำให้การแบ่งเซลล์ไมโตซิสไม่สมบูรณ์โดยหยุดชะงักที่ระยะ anaphase
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งเต้านมมะเร็งปอดมะเร็งรังไข่มะเร็งที่ศีรษะและคอ (head and neck cancers)
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูกทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำโดยเฉพาะยา Docetaxel จะกดไขกระดูกมากกว่ายาตัวอื่น Pacitaxel ถ้าใช้หลายครั้งอาจทำให้เกิดภาวะคั่งน้ำในร่างกาย (fluid retention) ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดปอดบวมน้ำ (pulmonary edema)
5. ยากลุ่มฮอร์โมน (Hormone and hormone antagonists)
5.1 ยากลุ่มสเตียรอยด์ (Glucocorticoids)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's non-Hodgkin Lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL lymphocytic leukemia)
ผลข้างเคียง
มีโอกาสติดเชื้อง่ายกลูโคสในเลือดสูง (hyperglycemia) โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
5.4 ยาฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestins)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเยื่อบุมดลูก (endometrial carcinoma) มะเร็งเต้านม (breast cancer) และมะเร็งของไต (renal carcinoma)
ผลข้างเคียง
เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
5.3 ยาออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมน androgen
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยา Goserein เป็นยาที่ใช้ฝังในกล้ามเนื้อส่วนยา Leuprolide เป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังกลุ่มยานี้ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก (prostate cancer) มะเร็งเต้านมในระยะแพร่กระจาย (metastatic breast cancer) และโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ (endometriosis) ยา Abarelix เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อใช้บรรเทาอาการผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในระยะแรกอาจทำให้เซลล์มะเร็งเจริญมากขึ้นจากผลกระตุ้นการหลั่ง FSH และ LH ในช่วงแรก
5.2 ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน (antiestrogens)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
Tamoxifen: เป็นตัวเลือกแรกในการนำมาใช้รักษามะเร็งเต้า, Toremifene: ใช้รักษามะเร็งเต้านม, และ Raloxifene: ใช้การป้องกันการเกิดมะเร็งโรคกระดูกพรุน (osteoporosis)
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบรบกวนทางเดินอาหารคลื่นไส้อาเจียนมีเลือดประจำเดือนผิดปกติ
6. ยามะเร็งมุ่งเป้า (Targeted gene therapy)
6.2 ยาโมเลกุลขนาดเล็ก (Small molecules)
6.2.1 Imatinib (Gleevec)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
: ใช้รักษา gastrointestinal stromal tumor ซึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ที่พบได้น้อยชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia) โดย Imatinib จัดเป็น smal-molecule drug ที่สามารถผ่านเข้าสู่เยื่อหุ้มเซลล์ไปออกฤทธิ์ที่ target ได้โดยตรง
6.2.2 Dasatinib (Sprycel)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
: ใช้รักษา gastrointestinal stromal tumor ซึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ที่พบได้น้อยชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia) โดย Imatinib จัดเป็น smal-molecule drug ที่สามารถผ่านเข้าสู่เยื่อหุ้มเซลล์ไปออกฤทธิ์ที่ target ได้โดยตรง
6.2.3 Nilotinib (Tasigna)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
: ใช้รักษา chronic myeloid & Tasigna leukemia และรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา Imatinib ได้ปฏิกิริยาระหว่างยายับยั้งเอนไซม์ CYP450
6.1 ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibodies)
6.1.4 Alemtuzumab (Campath)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
: ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B-cell chronic lymphocytic leukemia (B CLL)
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับกับ CD52 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิด B cell หรือ T cell แล้วจะไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิด infusion reaction ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตเช่นมีอาการความดันเลือดต่ำหลอดลมบีบเกร็งบวม angioedema
6.1.3 Cetuximab (Erbitux®)
กลไกการออกฤทธิ์
ซึ่งไปจับที่ epidermal growth factor (EGFR) ทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอและมะเร็งลำไส้ส่วนล่าง (colorectal cancer)
ผลข้างเคียง
ในระยะแรกอาจทำให้ความดันต่ำและหายใจลำบากได้
6.1.1 Trastuzumab (Herceptin)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับ human epidermoid growth factor receptor 2 (HER-2) ซึ่ง receptor ชนิดนี้เกี่ยวข้องกับ tyrosine kinase ที่มีมากในมะเร็งเต้านมทำให้ HER-2 receptor ไม่สามารถส่งสัญญาณไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้วผลข้างเคียงจากยา Trastuzumab (Herceptin) อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง (congestive heart failure)
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
6.1.2 Rituximab (Rituxan®
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell lymphoma
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับ CD20 ที่ผิว B cell ได้หลังจากที่จับกันแล้วจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็งเกิดการตายของเซลล์มะเร็งในที่สุด
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิด infusion reaction ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตเช่นมีอาการความดันเลือดต่ำหลอดลมบีบเกร็ง บวม angioedema เป็นต้น กดไขกระดูก
7. ยากลุ่มอื่น ๆ
(Other anticancer agents)
7.2 Mitotane
กลไกการออกฤทธิ์
รบกวนการทำงานของไมโตครอนเดรียในเซลล์ต่อมหมวกไตชั้นนอกทำให้ฝ่อลงและลดการสร้าง Cortisol
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมหมวกไตชั้นนอก (Adrenocortical carcinoma)
ผลข้างเคียง
ยา Mitotane อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า (Depression) มีนศีรษะ (Dizziness) มีผื่น (Skin rash) รบกวนทางเดินอาหารเช่นคลื่นไส้อาเจียนเบื่ออาหารอุจจาระร่วงเป็นต้นและทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
7.1 Asparaginase
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเร่งปฏิกิริยา hydrolysis ทำให้เซลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะนำไปสร้างการเจริญเติบโตและสร้างโปรตีนทำให้เซลล์ไม่สามารถสังเคราะห์และสร้างตัวเองได้
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้ในการรักษา ALL ในเด็กโดยใช้ร่วมกับ Vincristine และ Prednisone
ผลข้างเคียง
ยา Asparaginase อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบพิษต่อตับชักและโคม่าได้เร็งอด
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งโดยรวม
ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาครั้งแรกพยาบาลเตรียมความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวโดยการให้ความรู้และคำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับเหตุผลของการให้ยาเคมีบำบัด
ประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาโดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาที่มีผลข้างเคียงสูงและได้รับยาหลาย ๆ ชนิดในเวลาเดียวกัน
ประเมินสัญญาณชีพก่อนและหลังให้ยา
ประเมินผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัดที่พบบ่อย
กรณีได้ยาชนิดรับประทานดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาและดื่มน้ำ
กรณีที่ได้รับยาชนิดฉีดน้ำตามมาก ๆ หลังรับประทานยา
7.ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษาและสังเกตผลข้างเคียงหลังได้รับยาเช่นประเมินผิวหนังอาการปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด
ถ้าผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเหลวเย็น
แนะนำให้ดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลเช่นการล้างมือบ่อยๆสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดเพื่อลดหรือป้องกันการติดเชื้อ
แนะนำให้ดูแลสุขภาพปากและฟัน
แนะนำผลข้างเคียงที่อาจพบเช่นผมร่วงเพื่อป้องกันความวิตกกังวล
ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสัมผัสกับบุคคลที่เป็นโรคติดต่อโรคติดเชื้อ
ผู้ป่วยมีโอกาสการเป็นหมันชั่วคราวหรือถาวร
ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วงดผักสดผลไม้