Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs) - Coggle Diagram
ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs)
1.ยากลุ่ม Alkylating agents
1.4 Carmustine
กลไกการออกฤทธิ์
ทำให้เกิดหมู่ alkyl ไปจับกับสายของ DNA ส่งผลให้ DNA ทำลายเซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้
เกิด DNA strand break และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งสมอง
1.5 Dacarbazine (DTIC)
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450
กลายเป็นสารพิษที่มีต่อการสร้าง DNA & RNA ของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ใช้ร่วมกับยา Adriamycin , Bleomycin , Vinblastine หรือ Dacarbazine
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma และมะเร็งผิวหนัง
1.2 Ifosfamide (Holoxan;IFOS)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์เหมือน Cyclophosphamide
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทาน
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ และมะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด เป็นต้น
1.6 Cisplatin,Carboplatin
กลไกการออกฤทธิ์
แทรกเข้าไปจับสายของ DNA ทำให้เกิดกระบวนการยับยั้งกระบวนการ DNA replication & DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ หรือฉีดเข้าทางช่องท้อง
ใช้ร่วมกับยื่นในกรรักษา มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด และมะเร็งทางเดินอาหาร
1.3 Chlorambucil
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross linking
ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งสร้าง หรือแบ่งตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยามาตราฐานในการรักษา มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง
และต่อมน้ำเหลืองชนิด follicular
1.7 Busulfan (Myleran)
กลไกการออกฤทธิ์
ข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross linking
ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งรังไข่ไม่สามารถปรับตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด และใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น
1.1 Cyclophosphamide
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็น phosphoramind mustard แทรกเข้าไปในขบวนการสร้าง DNA แบบ cross linking และมีการเติมหมู่ alkyl ที่เบส guanine บนสาย DNA
กระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
มีทั้งแบบฉีดและแบบกิน
ใช้รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวทุกชนิด และมัเร็งหลายชนิดในเด็ก
ใช้เป็นยากดภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
1.8 Mechlorethamine (Mustargen,Mustine)
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทำให้เกิดสาย DNA แตก
ยับยั้งกระบวนการ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เดิมใช้ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma
ปัจจุบันใช้ยาตัวนี้น้อยลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปใช้ cyclophosphamide และยาอื่นๆแทน
5.ยากลุ่มฮอร์โมน
(Hormone and hormone antagonists)
5.2 ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน (antiestrogens)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
Tomoxifen : เป็นตัวเลือกแรกในการนำมารักษามะเร็งเต้านม Toremifene : ใช้รักษามะเร็งเต้านม
และ Raloxifene : ใช้การป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคกระดูกพรุน
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ รบกวนทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
มีประจำเดือนผิดปกติ
ใช้ระยะเวลายาวเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
5.3 ยาต้านฮอร์โมน androgen (anti androgens)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยา Goserelin เป็นยาที่ฝังในกล้ามเนื้อ ส่วนยา Leuprolide เป็นยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ยากลุ่มนี้ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านมในระยะแพร่กระจาย
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ในระยะแรกอาจทำให้เซลล์มะเร็งเจริญมากขึ้น จากผลกระตุ้นการหลั่ง FSH & LH ในช่วงแรก
5.1 กลุ่มยาสเตียรอยด์ (Glucocorticoids)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL
ผลข้างเคียง
มีโอกาสติดเชื้อง่าย กลูโคสในเลือดสูง โรคกระดูกพรุน โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
5.4 ยาฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestins)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็วของไต
ผลข้างเคียง
Progestins เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
2.ยากลุ่ม Antimetabolites / Antineoplastic agents
2.2 Purine analogs
ยา Fludarabine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
เป็นพิษต่อทางเดินอาหารมาก หากให้โดยการรับประทาน ใช้รักษา CLL และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ไม่รุนแรง
ยา 6-thioguanine (6-TG)
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 6-MP
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL หรือ AML โดยใช้ร่วมกับยา Daunorubicin & Cytarabine
ยา 6-mercaptopurine (6-MP)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นโครงสร้างคล้ายแบบเบสเพียวรีน
เป็นยาชนิดแรกในกลุ่มนี้ที่นำรักษามะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาเม็ดรับประทาน
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL & AML หรือ ANLL
ผลข้างเคียงจากกลุ่มยา
มีแผลในปาก อาจบรรเทาด้วยการอมน้ำแข็ง และรักษาในช่องปากให้สะอาด
อาการอื่นๆ แต่พบไม่บ่อย เช่น อุจจาระดำ ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด
กดไขกระดูก เกิดพิษต่อตับ และระบบทางเดินอาหาร
2.3 Pyrimidine analogs
Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเติมหมู่ฟอสเฟต ทำให้เกิดการยับยั้งการเชื่อมต่อของสาย DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
นิยมใช้การหยดแบบช้าๆ เป็นเวลา 5-7 วัน
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
Gemcitabine
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่เซลล์ ยาจะกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอสเฟต จะเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้างDNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ชนิดยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
ใช้รักษามะเร็งตับอ่อนที่อพร่กระจายไปแล้ว มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งที่ศีรษะและคอ
Capectibine
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 5-FU
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาชนิดเม็ดรับประทาน
ใช้รักษาเพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมท่แพร่กระจายไปแล้ว
ัจจุบันนิยมใช้ร่วมกับยา Oxaliplatin ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แพร่กระจาย
ผลข้างเคียงจากยา
มีการลอกของฝ่ามือและเท้าเมื่อใช้ยาติดต่อเป็นเวลานาน
อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
อาจพบอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง
ผิวหนังถูกแสงแดดเผาได้ง่าย ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงจากการถูกแสงแดด
มีแผลในทางเดินอาหารตั้งแต่ที่ริมฝีปาก ในช่องปากและเยื่อบุทางเดินอาหาร
ผมร่วง แต่ผมจะงอกขึ้นใหม่หลังหยุดยา
กดการสร้างเม็ดเลือด และกดการทำงานของไขกระดูก
5-fluorouracil (5-FU)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ thymidylate synthase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ DNA & RNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
ยาเป็นพิษต่อทางเดินอาหารเมื่อให้โดยการกิน
รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร ชนิดยาทาใช้รักษามะเร็งผิวหนัง
2.1 Antifolate / Folate antagonist
Methotrexate (MTX)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตที่ออกฤทธิ์ยัลยั้งเอนไซม์ dihydrofolate reductase (DHFR)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
มีทั้งยาชนิดเม็ดรับประทาน ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ยาฉีดทางกล้ามเนื้อ ยาฉีดเข้าทางน้ำไขสันหลัง
ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด ทะเร็งรก มะเร็งที่ศีรษะและคอ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด non-Hodgkin lymphoma มะเร็งกระดูก และมัเร็งเต้านม
Pemetrexed
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาโฟเลตตัวใหม่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูก metabolite
กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการสังเคราะห์ และสร้างสารตั้งต้นของ DNA , RNA และโปรตีน
ผลข้างเคียงจากกลุ่มยา
อาจทำให้แท้งและเด็กในครรภ์พิการได้
ผิวหนังจะถูกแสงแดดเผาได้ง่าย หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด
เม็ดเลือดขาวลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น จำนวนเกล็ดเลือดลดลง เลือดออกง่าย
ผมร่วง พบได้น้อย ผมจะงอกใหม่หลังหยุดยา
ระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เยื่อบุในช่องปากอักเสบ
4.ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ
(Natural and semi-synthetic products)
4.1 ยากลุ่ม vinca alkaloids
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม vinca alkaloids
ยาจะไปจับกับ tubulin ทำให้ยับยั้งการประกอบ microtubules ยับยั้งการประกอบตัวของ mitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะ M phase
vincristine (VCR) : Oncovin
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL มะเร็วต่อมน้ำเหลือง Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma และมะเร็งหลายชนิดในเด็ก
Vinblastine (VLB) : Velban
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma มะเร็งลูกอัณฑะ และมะเร็งเต้านม
Vinorelbine : Navelbine
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษา non-small cell lung cancer และมะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียงจากกลุ่มยา
Vinblastine และ Vinorelbine กดไขกระดูกมากกว่า vincristine
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ คลื่นไว้ อาเจียน เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
vincristine มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ
อาจพบการอักเสบของหลอดเลือดดำ บริเวณที่ให้ยา
4.2 ยากลุ่ม taxanes
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม taxanes
ยาจะไปจับกับ β-tubulin ทำให้เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules แต่ยังยั้งการสลายของสาร microtubules ทำให้การแบ่งเซลล์ไมโตซิสไม่สมบูรณ์โดยหยุดชะงักที่ระยะ anaphase
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม taxanes
ปฏิกิริยาแพ้ยา เช่น ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก
ผลต่อทางเดินอาหาร
Paclitaxel ถ้าใช้หลายครั้งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในร่างกาย ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดปอดบวมน้ำ
อวัยวะส่วนปลายบวม
กดไขกระดูก ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ
ปลายประสาทผิดปกติ
การนำไปใช้รักษาในคลินิกของยากลุ่ม taxanes
เป็นยาฉ๊ดเข้าหลอดเลือดดำ
ใช้รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งที่ศีรษะและคอ
6.ยามะเร็งมุ่งเป้า (Targeted gene therapy)
6.1 ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibodies)
Rituximab (Rituxan)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับ CD20 ที่ผิว B cell ได้ หลังจากที่จับกันแล้วจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell lymphoma
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
ความดันเลือดต่ำ หลอมลมบีบเกร็ง
Cetuximab (Erbitux)
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับที่ epidermal growth factor ทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้น การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ และ มะเร็งลำไส้ส่วนล่าง
ผลข้างเคียง
ในระยะแรกอาจทำให้ความดันต่ำ และหายใจลำบาก
Transyuzumab (Herceptin)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับ human epidermoidgrowth factor receptor 2
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง เป็นผลข้างเคียงที่สำคัญผลข้างเคียงอื่นๆ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เป็นต้น
Alemtuzumab (Campath)
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับกับ CD52 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิด B cell หรือ T cell แล้วไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็งต่อไป
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B CLL
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
ความดันเลือดต่ำ หลอมลมบีบเกร็ง
6.2 ยาโมเลกุลขนาดเล็ก (Small molecules)
Dasatinib (Sprycle)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด chronic myeloid leukemia & ALL และรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา
Nilotinib (Tasigna)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษา chronic myeloid leukemia และรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา
Imatinib (Gleevec)
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษา gastrointestinal stromal tomor ซึ่งเป็นมะเร็งที่ลำไส้เล็กชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Small molecules
เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้เลือดออกง่าย
กดไขกระดูกทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ต่ำ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
พิษต่อตับ ทำให้บวมน้ำ
มีของเหลวคั่งภายในร่างกาย
3.ยากลุ่ม Anicancer antibiotics
3.3 Bleomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยออกฤทธิ์จับกับธาตุเหล็ก
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดชั้นใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าช่องต่างๆของร่างกาย
ใช้รักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma & Epithelisl tomor
3.4 Mitomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสาร Alkylating agents ที่มีฤทธิ์แรงมาก ทำให้เกิดสะพานในสาย DNA มีผลยังยั้งการสังเคราะห์ DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่
3.2 Doxorubicin (DOX)
ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Anthracyclines
กลไกการออกฤทธิ์
มีหลายกลไก เช่น ยับยั้ง topoisomerase 2 แทรกไปอยู่ระหว่าง DNA base pairs ในสาย DNA
ปิดกั้นการสังเคราะห์ DNA & RNA รบกวนการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ และสร้างอนุมูลอิสระซึ่งทำให้สาย DNA แตก
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
หากเป็นยารับประทาน ยาจะถูกทำลายในกระเพาะอาหาร
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งของพลาสมาเซลล์ มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งไทรอยด์ มะเร็งปอด
ผลข้างเคียงจากยา
ยากดการทำงานของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำและเกล็ดเลือดต่ำมาก
รบกวนทางเดินอาหาร เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ยา Mitomycin ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไต และเกิดพังผืดในปอด
ผิวหนังไวต่อการฉายรังสี
ยา Bleomycin มีพิษต่อปอด ทำให้ปอดอักเสบมีพังผืดในปอด
หากยารั่วออกจากหลอดเลือด จะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆตาย
ยา Doxorubicin มีพิษต่อหัวใจ มีทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง
3.1 Dactinomycin หรือ actinomycin D
กลไกการออกฤทธิ์
สอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ยับยั้ง RNA polymerase
ทำให้สาย single-strand ของ DNA แตก
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
ใช้ร่วมกับยา Vincristine ในการรักษา Wilms'tumor และมะเร็งเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในเด็ก
7.ยากลุ่ม อื่นๆ (Other anticancer agents)
Asparaginase
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ในการรักษา ALL ในเด็ก
ผลข้างเคียงจากยา
อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้ ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบ พิษต่อตับ ชัก และ โคม่าได้
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะเร่งปฏิกิริยา hydrolysis ทำให้เซลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะนำไปสร้างการเจริญเตอบโตและโปรตีน ทำให้ซลล์ไม่สามารถสังเคราะห์และสร้างตัวเองได้
Mitotane
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อหมวกไตชั้นนอก
ผลข้างเคียงจากยา
อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า มึนศีรษะ มีผื่น รบกวนทางเดินอาหาร และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
กลไกการออกฤทธิ์
รบกวนการทำงานของไมโตครอนเดรียในเซลล์ต่อมหมวกไตชั้นนอก ทำให้ฝ่อลงและลดการสร้าง corcinoma