ยาต้านโรคมะเร็ง (Antineoplastic drugs)

1.ยากลุ่ม Alkylating agents

5.ยากลุ่มฮอร์โมน
(Hormone and hormone antagonists)

2.ยากลุ่ม Antimetabolites / Antineoplastic agents

4.ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ
(Natural and semi-synthetic products)

6.ยามะเร็งมุ่งเป้า (Targeted gene therapy)

3.ยากลุ่ม Anicancer antibiotics

7.ยากลุ่ม อื่นๆ (Other anticancer agents)

1.4 Carmustine

1.5 Dacarbazine (DTIC)

1.2 Ifosfamide (Holoxan;IFOS)

1.6 Cisplatin,Carboplatin

1.3 Chlorambucil

1.7 Busulfan (Myleran)

1.1 Cyclophosphamide

1.8 Mechlorethamine (Mustargen,Mustine)

กลไกการออกฤทธิ์

เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็น phosphoramind mustard แทรกเข้าไปในขบวนการสร้าง DNA แบบ cross linking และมีการเติมหมู่ alkyl ที่เบส guanine บนสาย DNA

กระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

มีทั้งแบบฉีดและแบบกิน

ใช้รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวทุกชนิด และมัเร็งหลายชนิดในเด็ก

ใช้เป็นยากดภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะ

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross linking

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ออกฤทธิ์เหมือน Cyclophosphamide

ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทาน

ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ และมะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด เป็นต้น

ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งสร้าง หรือแบ่งตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย

เป็นยามาตราฐานในการรักษา มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง
และต่อมน้ำเหลืองชนิด follicular

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ทำให้เกิดหมู่ alkyl ไปจับกับสายของ DNA ส่งผลให้ DNA ทำลายเซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้

เกิด DNA strand break และทำให้เซลล์ตาย

ใช้รักษามะเร็งสมอง

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450

กลายเป็นสารพิษที่มีต่อการสร้าง DNA & RNA ของเซลล์มะเร็ง

เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ใช้ร่วมกับยา Adriamycin , Bleomycin , Vinblastine หรือ Dacarbazine

ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma และมะเร็งผิวหนัง

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

แทรกเข้าไปจับสายของ DNA ทำให้เกิดกระบวนการยับยั้งกระบวนการ DNA replication & DNA transcription

เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ หรือฉีดเข้าทางช่องท้อง

ใช้ร่วมกับยื่นในกรรักษา มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด และมะเร็งทางเดินอาหาร

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross linking

ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งรังไข่ไม่สามารถปรับตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย

รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด และใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทำให้เกิดสาย DNA แตก

ยับยั้งกระบวนการ DNA transcription

เดิมใช้ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma

ปัจจุบันใช้ยาตัวนี้น้อยลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปใช้ cyclophosphamide และยาอื่นๆแทน

2.2 Purine analogs

2.3 Pyrimidine analogs

2.1 Antifolate / Folate antagonist

Methotrexate (MTX)

Pemetrexed

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

เป็นยาต้านโฟเลตที่ออกฤทธิ์ยัลยั้งเอนไซม์ dihydrofolate reductase (DHFR)

มีทั้งยาชนิดเม็ดรับประทาน ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ยาฉีดทางกล้ามเนื้อ ยาฉีดเข้าทางน้ำไขสันหลัง

ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด ทะเร็งรก มะเร็งที่ศีรษะและคอ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด non-Hodgkin lymphoma มะเร็งกระดูก และมัเร็งเต้านม

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

เป็นยาโฟเลตตัวใหม่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูก metabolite

กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการสังเคราะห์ และสร้างสารตั้งต้นของ DNA , RNA และโปรตีน

ใช้รักษามะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน

ยา Fludarabine

ยา 6-thioguanine (6-TG)

ยา 6-mercaptopurine (6-MP)

ผลข้างเคียงจากกลุ่มยา

อาจทำให้แท้งและเด็กในครรภ์พิการได้

ผิวหนังจะถูกแสงแดดเผาได้ง่าย หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด

เม็ดเลือดขาวลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น จำนวนเกล็ดเลือดลดลง เลือดออกง่าย

ผมร่วง พบได้น้อย ผมจะงอกใหม่หลังหยุดยา

ระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เยื่อบุในช่องปากอักเสบ

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

เป็นโครงสร้างคล้ายแบบเบสเพียวรีน

เป็นยาชนิดแรกในกลุ่มนี้ที่นำรักษามะเร็ง

เป็นยาเม็ดรับประทาน

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL & AML หรือ ANLL

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

คล้ายกับ 6-MP

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL หรือ AML โดยใช้ร่วมกับยา Daunorubicin & Cytarabine

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA

เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ

เป็นพิษต่อทางเดินอาหารมาก หากให้โดยการรับประทาน ใช้รักษา CLL และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ไม่รุนแรง

ผลข้างเคียงจากกลุ่มยา

มีแผลในปาก อาจบรรเทาด้วยการอมน้ำแข็ง และรักษาในช่องปากให้สะอาด

อาการอื่นๆ แต่พบไม่บ่อย เช่น อุจจาระดำ ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด

กดไขกระดูก เกิดพิษต่อตับ และระบบทางเดินอาหาร

Cytarabine

Gemcitabine

Capectibine

ผลข้างเคียงจากยา

5-fluorouracil (5-FU)

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ thymidylate synthase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ DNA & RNA

ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ยาเป็นพิษต่อทางเดินอาหารเมื่อให้โดยการกิน

รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร ชนิดยาทาใช้รักษามะเร็งผิวหนัง

คล้ายกับ 5-FU

เป็นยาชนิดเม็ดรับประทาน

ใช้รักษาเพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมท่แพร่กระจายไปแล้ว

ัจจุบันนิยมใช้ร่วมกับยา Oxaliplatin ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แพร่กระจาย

ยาจะไปเติมหมู่ฟอสเฟต ทำให้เกิดการยับยั้งการเชื่อมต่อของสาย DNA

เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ

นิยมใช้การหยดแบบช้าๆ เป็นเวลา 5-7 วัน

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML

เมื่อยาเข้าสู่เซลล์ ยาจะกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอสเฟต จะเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้างDNA

ชนิดยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ

ใช้รักษามะเร็งตับอ่อนที่อพร่กระจายไปแล้ว มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งที่ศีรษะและคอ

มีการลอกของฝ่ามือและเท้าเมื่อใช้ยาติดต่อเป็นเวลานาน

อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน

อาจพบอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง

ผิวหนังถูกแสงแดดเผาได้ง่าย ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงจากการถูกแสงแดด

มีแผลในทางเดินอาหารตั้งแต่ที่ริมฝีปาก ในช่องปากและเยื่อบุทางเดินอาหาร

ผมร่วง แต่ผมจะงอกขึ้นใหม่หลังหยุดยา

กดการสร้างเม็ดเลือด และกดการทำงานของไขกระดูก

3.3 Bleomycin

3.4 Mitomycin

3.2 Doxorubicin (DOX)
ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Anthracyclines

ผลข้างเคียงจากยา

3.1 Dactinomycin หรือ actinomycin D

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

สอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ยับยั้ง RNA polymerase
ทำให้สาย single-strand ของ DNA แตก

เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ

ใช้ร่วมกับยา Vincristine ในการรักษา Wilms'tumor และมะเร็งเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในเด็ก

มีหลายกลไก เช่น ยับยั้ง topoisomerase 2 แทรกไปอยู่ระหว่าง DNA base pairs ในสาย DNA

ปิดกั้นการสังเคราะห์ DNA & RNA รบกวนการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ และสร้างอนุมูลอิสระซึ่งทำให้สาย DNA แตก

ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ หากเป็นยารับประทาน ยาจะถูกทำลายในกระเพาะอาหาร

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งของพลาสมาเซลล์ มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งไทรอยด์ มะเร็งปอด

ออกฤทธิ์โดยออกฤทธิ์จับกับธาตุเหล็ก

เป็นยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดชั้นใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าช่องต่างๆของร่างกาย

ใช้รักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma & Epithelisl tomor

ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสาร Alkylating agents ที่มีฤทธิ์แรงมาก ทำให้เกิดสะพานในสาย DNA มีผลยังยั้งการสังเคราะห์ DNA

ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่

ยากดการทำงานของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำและเกล็ดเลือดต่ำมาก

รบกวนทางเดินอาหาร เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน

ยา Mitomycin ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไต และเกิดพังผืดในปอด

ผิวหนังไวต่อการฉายรังสี

ยา Bleomycin มีพิษต่อปอด ทำให้ปอดอักเสบมีพังผืดในปอด

หากยารั่วออกจากหลอดเลือด จะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆตาย

ยา Doxorubicin มีพิษต่อหัวใจ มีทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง

4.1 ยากลุ่ม vinca alkaloids

4.2 ยากลุ่ม taxanes

กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม vinca alkaloids

ยาจะไปจับกับ tubulin ทำให้ยับยั้งการประกอบ microtubules ยับยั้งการประกอบตัวของ mitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะ M phase

vincristine (VCR) : Oncovin

Vinblastine (VLB) : Velban

Vinorelbine : Navelbine

ผลข้างเคียงจากกลุ่มยา

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL มะเร็วต่อมน้ำเหลือง Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma และมะเร็งหลายชนิดในเด็ก

เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma มะเร็งลูกอัณฑะ และมะเร็งเต้านม

ใช้รักษา non-small cell lung cancer และมะเร็งเต้านม

Vinblastine และ Vinorelbine กดไขกระดูกมากกว่า vincristine

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ คลื่นไว้ อาเจียน เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ

vincristine มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ

อาจพบการอักเสบของหลอดเลือดดำ บริเวณที่ให้ยา

กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม taxanes

ยาจะไปจับกับ β-tubulin ทำให้เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules แต่ยังยั้งการสลายของสาร microtubules ทำให้การแบ่งเซลล์ไมโตซิสไม่สมบูรณ์โดยหยุดชะงักที่ระยะ anaphase

ผลข้างเคียงของยากลุ่ม taxanes

การนำไปใช้รักษาในคลินิกของยากลุ่ม taxanes

เป็นยาฉ๊ดเข้าหลอดเลือดดำ

ใช้รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งที่ศีรษะและคอ

ปฏิกิริยาแพ้ยา เช่น ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก

ผลต่อทางเดินอาหาร

Paclitaxel ถ้าใช้หลายครั้งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในร่างกาย ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดปอดบวมน้ำ

อวัยวะส่วนปลายบวม

กดไขกระดูก ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ

ปลายประสาทผิดปกติ

5.2 ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน (antiestrogens)

5.3 ยาต้านฮอร์โมน androgen (anti androgens)

5.1 กลุ่มยาสเตียรอยด์ (Glucocorticoids)

5.4 ยาฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestins)

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ผลข้างเคียง

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ผลข้างเคียง

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ผลข้างเคียง

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ผลข้างเคียง

ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's & non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL

มีโอกาสติดเชื้อง่าย กลูโคสในเลือดสูง โรคกระดูกพรุน โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้

Tomoxifen : เป็นตัวเลือกแรกในการนำมารักษามะเร็งเต้านม Toremifene : ใช้รักษามะเร็งเต้านม
และ Raloxifene : ใช้การป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคกระดูกพรุน

ร้อนวูบวาบ รบกวนทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน

มีประจำเดือนผิดปกติ

ใช้ระยะเวลายาวเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด

ยา Goserelin เป็นยาที่ฝังในกล้ามเนื้อ ส่วนยา Leuprolide เป็นยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ยากลุ่มนี้ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านมในระยะแพร่กระจาย

ร้อนวูบวาบ

เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

ในระยะแรกอาจทำให้เซลล์มะเร็งเจริญมากขึ้น จากผลกระตุ้นการหลั่ง FSH & LH ในช่วงแรก

ใช้รักษามะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็วของไต

Progestins เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

6.1 ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibodies)

6.2 ยาโมเลกุลขนาดเล็ก (Small molecules)

Rituximab (Rituxan)

Cetuximab (Erbitux)

Transyuzumab (Herceptin)

Alemtuzumab (Campath)

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

กลไกการออกฤทธิ์

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ยาจะไปจับกับ human epidermoidgrowth factor receptor 2

ใช้รักษามะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว

ผลข้างเคียง

อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง เป็นผลข้างเคียงที่สำคัญผลข้างเคียงอื่นๆ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เป็นต้น

ยาไปจับกับ CD20 ที่ผิว B cell ได้ หลังจากที่จับกันแล้วจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง

ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell lymphoma

ผลข้างเคียง

กดไขกระดูก

ความดันเลือดต่ำ หลอมลมบีบเกร็ง

ไปจับที่ epidermal growth factor ทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้น การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

ใช้รักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ และ มะเร็งลำไส้ส่วนล่าง

ผลข้างเคียง

ในระยะแรกอาจทำให้ความดันต่ำ และหายใจลำบาก

ไปจับกับ CD52 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิด B cell หรือ T cell แล้วไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็งต่อไป

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B CLL

ผลข้างเคียง

กดไขกระดูก

ความดันเลือดต่ำ หลอมลมบีบเกร็ง

Dasatinib (Sprycle)

Nilotinib (Tasigna)

Imatinib (Gleevec)

ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Small molecules

การนำไปใช้รักษาทางคลินิก

การนำไปใช้รักษาทางคลินิก

การนำไปใช้รักษาทางคลินิก

ใช้รักษา gastrointestinal stromal tomor ซึ่งเป็นมะเร็งที่ลำไส้เล็กชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด chronic myeloid leukemia & ALL และรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา

ใช้รักษา chronic myeloid leukemia และรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา

เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้เลือดออกง่าย

กดไขกระดูกทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ต่ำ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

พิษต่อตับ ทำให้บวมน้ำ

มีของเหลวคั่งภายในร่างกาย

Asparaginase

Mitotane

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ผลข้างเคียงจากยา

การนำไปใช้รักษาในคลินิก

ผลข้างเคียงจากยา

กลไกการออกฤทธิ์

กลไกการออกฤทธิ์

ยาจะเร่งปฏิกิริยา hydrolysis ทำให้เซลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะนำไปสร้างการเจริญเตอบโตและโปรตีน ทำให้ซลล์ไม่สามารถสังเคราะห์และสร้างตัวเองได้

ใช้ในการรักษา ALL ในเด็ก

อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้ ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบ พิษต่อตับ ชัก และ โคม่าได้

รบกวนการทำงานของไมโตครอนเดรียในเซลล์ต่อมหมวกไตชั้นนอก ทำให้ฝ่อลงและลดการสร้าง corcinoma

ใช้รักษามะเร็งต่อหมวกไตชั้นนอก

อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า มึนศีรษะ มีผื่น รบกวนทางเดินอาหาร และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง