Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่3 การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ - Coggle Diagram
บทที่3
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ
3.1 การส่งเสริมสุขอนามัย
สุขอนามัย (Hygiene) หมายถึง หลักการและความรู้ของการคงไว้หรือรักษาไว้ซึ่งสุขภาพและ การป้องกันโรค
สุขอนามัยส่วนบุคคล (Personal hygiene) คือ การดูแลตนเอง
การอาบน้ำ
การขับถ่าย
การแต่งตัว
3.1.1 ความสำคัญของการส่งเสริมสุขอนามัย
การดูแลสุขภาพตนเองเป็นส่ิงท่ีมนุษย์ปฏิบัติกันมาช้านาน การทำความสะอาดร่างกาย ตนเองเป็นพฤติกรรมสุขภาพขั้นพื้นฐานท่ีต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ทุกวัน เพื่อสร้างความมั่นใจในการอยู่รวมกับสังคมได้อย่างมีความสุข
3.1.2 ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อสุขอนามัยส่วนบุคคล
5.เศรษฐกิจ
6.อาชีพ
4.การศึกษา
7.ถิ่นที่อยู่
3.ภาวะสุขภาพ
8.ภาวะเจ็บป่วย
2.เพศ
9.สิ่งแวดล้อม
1.อายุ
ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ
11.ความชอบ
3.1.3 การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
1.การพยาบาลตอนเช้าตรู่หรือเช้ามืด (Early morning care)
เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลเวรดึกท่ีให้การพยาบาลตอนเช้าตรู่หรือเช้ามืด เมื่อผู้ปรวยตื่นนอนแล้ว พยาบาลจะดูแลผู้ป่วย
การพยาบาลตอนเช้า (Morning care/ A.M care)
เป็นหน้าที่ของพยาบาลเวรเช้า ท่ีจะให้การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เป็นการพยาบาลเพื่อดูแล สุขอนามัยส่วนบุคคลประจำวัน
การพยาบาลตอนบ่ายหรือตอนเย็น (Afternoon care/ P.M. care)
เป็นหน้าที่ของ พยาบาลเวรเช้า หากทากิจกรรมภายในช่วงก่อนเวลา 16.00 น. หากทำในช่วงเวลาตอนเย็น จะเป็นหน้าที่ของเวรบ่ายในการดูแลทำความสะอาดปากและฟัน การล้างมือ ล้างหน้า
การพยาบาลตอนก่อนนอน (Evening care/ Hour of sleep care/ H.S. care)
เป็นหน้าท่ีของพยาบาลเวรบ่าย เป็นการพยาบาลท่ีให้การดูแลเรื่องการให้หม้อนอนหรือกระบอก ปัสสาวะ การล้างมือ ล้างหน้าทำความสะอาดปากฟัน การนวดหลัง การจัดท่าให้ผู้ป่วยได้พักผ่อน อย่างสุขสบาย
การพยาบาลเมื่อจำเป็นหรือเมื่อผู้ป่วยต้องการ (As needed care/ P.r.N. care)
พยาบาลให้การพยาบาลตามความต้องการของผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง
3.1.4 การดูแลความสะอาดร่างกาย
3.1.4.1 การดูแลความสะอาดของผิวหนัง/การอาบน้ำ(Bathing)
การอาบน้ำที่ห้องน้ำ (Bathing in bath room/ Shower)
การช่วยเหลือพาผู้ป่วยไปทำความสะอาดร่างกายในห้องน้ำ โดยมากเป็นการอาบโดยใช้ฝักบัวหรือตัก น้ำอาบร่างกาย
การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงเฉพาะบางส่วน (Partial bath)
เป็นการทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ไม่สามารถอาบน้ำเช็ดตัวได้ครบทุกส่วน
การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงชนิดสมบูรณ์ (Complete bed bath)
เป็นการทำความสะอาดร่างกายโดยการอาบน้ำเช็ดตัวให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งหมด หรือผู้ป่วยที่จำกัดการเคลื่อนไหวบนเตียง
จุดประสงค์ การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียง
1.กำจัดสิ่งสกปรก ท่ีสะสมบนผิวหนังและส่งเสริมความมั่นใจในตนเอง
2.ให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย สดชื่นและผ่อนคลาย
3.ประเมินการเคลื่อนไหวของร่างกายและส่งเสริมการออกกำลังกายของข้อต่างๆ
4.สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง
5.กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและป้องกันแผลกดทับ
3.1.4.2 การดูแลความสะอาดปากและฟัน
การดูแลทำความสะอาดปากและฟัน (Mouth care) เป็นความสะอาดพื้นฐาน ทาให้ลมหายใจหอมสดช่ืน ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการสื่อสารด้วยวาจา และเมื่อสุขภาพของฟันแข็งแรง การเคี้ยวอาหารก็จะรับรู้ถึงความอร่อย ทาให้รับประทานอาหารได้มากข้ึน
วัตถุประสงค์
ปากและฟันสะอาด มีความชุ่มชื่น
กำจัดกลิ่นปาก ลมหายใจสดช่ืน ป้องกันฟันผุ
ลดการอักเสบของเหงือก กระพุ้งแก้ม
สังเกตฟัน เหงือก กระพุ้งแก้ม ลิ้น มีแผล หรือการติดเชื้อ หรือเลือดออก
3.1.4.3 การดูแลความสะอาดของเล็บ
การดูแลความสะอาดของเล็บ (Nail care) เล็บเป็นโครงสร้างจากโปรตีน ซึ่งจะงอกยาวตามเวลา จึงต้องทำการตัดให้สั้นตามเหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากการทำความสะอาด เล็บและตัดให้เรียบร้อยยังเป็นการช่วยเสริมบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย
จุดประสงค์
ให้เล็บสะอาด และสุขสบาย
ป้องกันการเกิดเล็บขบ
3.1.4.4 การดูแลความสะอาดของตา
การดูแลความสะอาดของตา (Eye care) เป็นการทำความสะอาดตา รวมท้ังการกระทำเพื่อแก้ปัญหาด้านอนามัยของตา
จุดประสงค์
กำจัดขี้ตา ทำให้ดวงตาสะอาด
ความสุขสบายของผู้ป่วย
ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ป่วย
3.1.4.5 การดูแลทำความสะอาดของหู
การดูแลทำความสะอาดหู (Ear care) หูเป็นอวัยวะรับรู้สึกที่เก่ียวกับการได้ยินและการทรงตัว โดยปกติคนท่ัวไปจะดูแลหูเฉพาะด้านนอกให้สะอาดปราศจากขี้ไคลบริเวณหลังใบ หู หลังสระผมมักจะมีน้าเปียกในช่องหูใช้ผ้าขนหนูนุ่ม เช็ดให้แห้ง การเช็ดทำความสะอาดช่องหูหลัง อาบน้ำควรใช้ไม้พันสาลีเช็ดทาความสะอาดในช่องหูทั้ง 2 ข้าง สำหรับผู้ป่วยท่ีใส่เครื่องช่วยฟังต้องดูแลเป็นพิเศษ
จุดประสงค์
กำจัดสิ่งสกปรกภายในช่องหู
ทำความสะอาดใบหูและหลังใบหู
3.1.4.6 การดูแลทำความสะอาดของจมูก
การทำความสะอาดจมูก (Nose care) เป็นการทำความสะอาดรูจมูกและรักษาสุขภาพ ของเน้ือเยื่อจมูก โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผู้ป่วยท่ีคาสายไว้ เช่น สายยางให้อาหาร (nasogastric tube: NG tube) สายออกซิเจน
จุดประสงค์
กำจัดสิ่งขับถ่ายและสิ่งสกปรกภายในจมูก
ป้องกันสารคัดหลั่งแห้งยึดขนจมูกกับสายที่คาไว้
ป้องกันการเกิดแผลกดทับท่ีด้านในรูจมูกจากสายท่ีคาไว้
3.1.4.7 การดูแลความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ
การดูแลความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ เป็นการทำความสะอาดเส้น ผมและหนังศีรษะรวมท้ังการกระทาเพื่อแก้ปัญหาของเส้นผมและหนังศีรษะซึ่งในที่นี้หมายถึง การสระผมให้ผู้ป่วยบนเตียง (shampoo in bed)
วัตถุประสงค์
ขจัดความสกปรกและสารท่ีใส่บนผมและหนังศีรษะเพื่อการตรวจรักษา
ความสุขสบายและสดช่ืนของผู้ป่วย
ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ป่วยและรู้สึกมีความมั่นใจ
3.1.4.8 การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอกของชายและหญิง
การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอกของผู้ชาย (Perineal care of male) เป็นการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและบริเวณใกล้เคียง เช่น ขาหนีบ ฝีเย็บ และ บริเวณทวารหนัก ปกติจะชำระให้วันละ 1-2 คร้ัง และหลังจากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ เรียกสั้นๆว่า P-care หรือ flushing
การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอกของผู้หญิง (Perineal care of female) เป็นการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและบริเวณใกล้เคียง เช่น ขาหนีบ ฝีเย็บ และบริเวณทวารหนัก ปกติจะชำระให้วันละ 1-2 ครั้ง และหลังจากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ เรียกสั้นๆว่า P-care หรือ flushing
จุดประสงค์
กำจัดส่ิงขับถ่ายส่ิงสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์
ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะในผู้ป่วยที่ได้รับ การสวนปัสสาวะคาไว้
3.1.4.9 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคลของผู้ป่วย
การประเมินผู้ป่วย (Health assessment)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
3.2 การส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
การพักผ่อนนอนหลับที่ดีมีคุณภาพ และเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เป็นพฤติกรรม สุขภาพขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีทุกวัน เพื่อสร้างความสุขของชีวิตให้มีการพักผ่อนและการนอนหลับอย่างมีความสุข
3.2.1 ความหมายของการพักผ่อนและการนอนหลับ
การพักผ่อน (Rest)
การพักกิจกรรมการทำงานของร่างกาย หรือการพักการทำงานของอวัยวะต่างๆโดยนั่งเฉย ชั่วขณะหนึ่งอาจทากิจกรรมเบา นันทนาการเปลี่ยน อิริยาบท หรือชมวิว เพื่อให้อวัยวะได้ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความกังวล
ผ่อนคลาย และมีความสงบท้ังจิตใจและร่างกาย รวมถึงความไม่วิตกกังวล สงบหรือผ่อนคลายโดยไม่มีความเครียดทางอารมณ์ เพราะฉะนั้นการพักผ่อนไม่ได้ หมายถึงการไม่มีกิจกรรม ความจริงแล้วการเปลี่ยนอิริยาบถก็เป็นการพักผ่อนสาหรับบางคนได้
การพักผ่อนของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
Absolute bed rest
เป็นการพักผ่อนโดยให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียง ไม่ให้
ร่างกายออกแรงในกิจกรรมใด ท่ีจะทำให้รู้สึกเหนื่อย ห้ามลุกออกจากเตียง การทำกิจกรรมการพยาบาล พยาบาลจะต้องเป็นผู้จัดกิจกรรมให้
Bed rest
เป็นการพักผ่อนโดยให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียง สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามความสามารถของผู้ป่วย
การนอนหลับ
เป็นกระบวนการทางสรรีรวิทยาพื้นฐานที่สอดประสานกับจังหวะการทำงานของร่างกายด้านอื่นๆโดยมีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะต่างๆของร่างกายไปในทางผ่อนคลาย
3.2.2 ความสำคัญของการพักผ่อนและการนอนหลับ
เป็นพฤติกรรมพื้นฐานเพื่อก่อให้เกิดความสมดุลของร่างกายและจิตใจในการดำรงชีวิต การนอนหลับจึงเป็นการพักผ่อนท่ีดีที่สุดและมีความสำคัญ
ส่งเสริมการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
ซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อข้ึนใหม่ ช่วยส่งเสริมการหายของแผลรวมถึงมีการช่วยสะสมพลังงานไว้ใช้ในวันต่อไป
สงวนพลังงาน พลังงานท่ีใช้ของร่างกายและสมองจะลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงตื่น
ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และความจำ เนื่องจากการนอนหลับในระยะ (Rapid eye movement sleep: REM) จะมีการทำงานของระบบประสาทเต็มท่ี
ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายอยู่ใต้สมองส่วนไฮโปธาลามัสและต่อมใต้สมองส่วนหน้าทำหน้าท่ีในการควบคุมอุณหภูมิ
3.2.3 ผลกระทบจากปัญหาการนอนหลับ
3.2.3.1 ผลกระทบต่อร่างกาย
อาการเมื่อยล้า คลื่นไส้
วิงเวียนเหมือนบ้านหมุน(vertigo)
ความทนต่อความเจ็บป่วยลดลง
ความคิดและการรับรู้บกพร่อง
3.2.3.2 ผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์
เกิดความสับสนและความสามารถในการควบคุมตนเองจากสิ่งเร้าลดลง
อาการเซื่องซึมและหงุดหงิด
3.2.3.3 ผลกระทบต่อสติปัญญาและการรับรู้
เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอทำให้การปฏิบัติกิจกรรมในช่วงกลางวันลดลง สมาธิไม่ดี และแก้ไขปัญหาได้ช้า
3.2.3.4 ผลกระทบทางสังคม
บุคคลที่นอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลทางสังคม
การมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคมลดลง
ความมั่นใจในการทำงานลดลง
3.2.3 วงจรการนอนหลับ
1) ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep: NREM)
ระยะที่ 1 (เร่ิมมีความง่วง)
ใช้เวลาต้ังแต่ 30 วินาที - 7 นาทีเป็นสภาพที่แม้จะได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็จะตื่น
ระยะที่ 2 (หลับตื้น)
เป็นระยะแรกที่มีการหลับอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน ระยะน้ีจะถูกปลุกให้ตื่นได้ โดยง่าย
ระยะท่ี 3 (หลับปานกลาง)
ความมีสติ รู้ตัวจะหายไป การเคลื่อนไหวของตาจะหยุดลง ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที
ระยะที่ 4 (หลับลึก)
เป็นช่วงหลับสนิทของการนอน ใช้เวลา 30 - 50 นาที หากว่าร่างกายนอนหลับโดยปราศจากระยะท่ี 4 นี้ อาจมีการนอนละเมอหรือฝันร้ายได้
2) ช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM)
เป็นช่วงที่กล้ามเน้ือต่างๆของร่างกายแทบจะหยุดการทำงานกันหมดแต่ระบบการทำงานของหัวใจกระบังลมเพื่อการหายใจ กล้ามเน้ือตา และกล้ามเนื้อเรียบ
ช่วงเวลาหลับฝันนี้จะกินเวลาประมาณ 30 นาที หลังจากผ่านช่วงหลับฝันไปแล้ว ก็จะกลับเริ่มท่ีระยะท่ี 1 ของ NREM ใหม่ หมุนเวียนอย่างน้ีไปเรื่อยๆโดยแต่ละรอบจะใช้เวลา 80-120 นาที
3.2.4 ปัจจัยท่ีมีผลต่อการพักผ่อนและการนอนหลับ
3.2.4.1 ปัจจัยภายใน
1) ปัจจัยส่วนบุคคล
อายุ
เพศ
2.ความไม่สุขสบาย
1) ความเจ็บปวด
2) การใส่สายยางและท่อระบายต่างๆจากสายยางและท่อระบายต่างๆ
3) ท่านอนท่ีไม่เหมาะสม
4) อาการคลื่นไส้ อาเจียน มักพบหลังจากได้รับยาระงับรู้สึกทั่ว
ร่างกาย (general anesthesia)
5) ภาวะไข้หลังผ่าตัด
3) ความวิตกกังวล
3.2.4.2 ปัจจัยภายนอก
1.เสียง
เสียงท่ีเกิดจากกิจกรรมการพยาบาลดูแล ผู้ป่วยของพยาบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม
2.อุณหภูมิ
อุณหภูมิท่ีต่ำหรือสูงเกินไป จะทำให้ผู้ป่วยกระสับกระส่ายเพิ่มขึ้น
3.แสง
แสงเป็นปัจจัยท่ีรบกวนการนอนหลับ โดยส่งผลต่อระยะการเริ่มต้นของการนอนหลับ
4) ความไม่คุ้นเคยต่อสถานที่ส่ิงแวดล้อมของโรงพยาบาล
5)กิจกรรมการรักษาพยาบาล
การพลิกตะแคงตัว
การตรวจวัดสัญญาณชีพ
6) อาหาร
การรับประทานอาหารที่มีสารทริพโทแฟ็น(tryptophan) ซึ่งมีอยู่ในนมจะส่งเสริมการนอนหลับ
7.ยา
ยาบาบิทูเรต (barbiturates) โดยยาจะไปออกฤทธิ์รบกวนการนอนหลับในระยะ REM เกิดฝันร้ายและภาพหลอน
3.2.5 การประเมินคุณภาพการนอนหลับและการนอนหลับท่ีผิดปกติ
3.2.5.1 Insomnia
1) การนอนหลับไม่เพียงพอชั่วคราว (Transient insomnia)
2) การนอนหลับไม่เพียงพอระยะสั้น(Short term insomnia)
3) การนอนหลับไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง (Chronic insomnia)
สาเหตุ
1) โรคทางจิตเวช
2) โรคทางอายุรกรรม
3) อาการข้างเคียงท่ีไม่พึงประสงค์ของยารักษาโรคบางชนิด
4) โรคของการนอนหลับโดยตรง
3.2.5.2 Hypersomnia
เป็นการนอนหลับมาก หรือง่วงนอนมากกว่าปกติ ซึ่งจะแสดงออกในแง่การนอนหลับในท่ีไม่ควรหลับ
3.2.5.3 Parasomnia
1) ความผิดปกติของการตื่น (around disorder)
2) ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงจากหลับมาตื่นหรือจากตื่นมาหลับ
3) กลุ่มอาการที่เกิดข้ึนขณะหลับชนิดที่มีการกรอกตา
4) กลุ่มอื่นๆ
การนอนกัดฟัน (sleep bruxism)
การกรน (primary snoring)
การไหลตาย (suddenunexplained nocturnal death) เป็นต้น
ผลที่เกิดจาการนอนหลับผิดปกติ
1.ผลจากการนอนไม่เพียงพอในการนอนชนิด NREM
เมื่อยล้า
ท้องผูก
กล้ามเนื้อคออ่อนแรง
2.ผลจากการนอนไม่เพียงพอในการนอนชนิด REM
ประสาทหลอน
ความคิดบกพร่อง
ผลในภาพรวมจะทำให้การทำงานของร่างกายขาดประสิทธิภาพจากร่างกาย อ่อนล้าและขาดสมาธิ
3.2.6 การส่งเสริมการพักผ่อนการนอนหลับ
3.2.6.1 การจัดส่ิงแวดล้อม
ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามและน่าอยู่อาศัย สภาพแวดล้อมของที่พักต้องสะอาด สวยงาม และน่าอยู่
ความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆจัดให้มีของใช้เฉพาะท่ีจำเป็นสำหรับผู้ปรวย
อุณหภูมิ มีความเหมาะสมของอุณหภูมิระหว่าง 20-25 องศา
เซลเซียส มีการถ่ายเทระบายอากาศดี มีแสงสว่างส่องเพียงพอ
เสียง แหล่งกาเนิดเสียงจากภายนอกห้องหรือเกิดจากผู้ให้บริการ หรือ จากญาติท่ีมาเยี่ยมไข้ ส่วนในห้องอาจเกิดจากอุปกรณ์ภายในห้องหรือเครื่องอำนวยความสะดวกที่มีเสียง
5.กลิ่น
5.1 กลิ่นหอม อาจคิดว่าเป็นเฉพาะน้าหอมเท่าน้ัน แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว น้ำหอมไม่ได้เป็นกลิ่นที่พึงประสงค์ของทุกคน
5.2 กลิ่นเหม็น กลิ่นที่ส่งออกมาจากสิ่งขับถ่ายภายในร่างกายของคน
แสงสว่าง สภาพแวดล้อมท่ีดีต้องไม่มืดสลัวหรือสว่างจ้าจนเกินไป
แสงสว่างท่ีดีท่ีสุดควรเป็นแสงธรรมชาติ
ความเป็นส่วนตัว และมิดชิดอย่างปลอดภัย
ความอบอุ่น และความประทับใจในบุคลิกภาพของพยาบาล
3.2.6.2 การจัดท่าทางสำหรับผู้ป่วย
Dorsal position (supine position) เป็นท่านอนหงายราบ ขาชิดติดกัน ใช้ในการตรวจร่างกายทั่วไป
Fowler’s position เป็นท่านอนราบศีรษะสูง 30-90 องศา เป็นท่านอนท่ีสุขสบายและเพื่อการรักษา ท่าน้ีลักษณะคล้ายท่านั่งบนเตียง สะดวกสาหรับให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมบนเตียง
Prone position เป็นท่านอนคว่ำเป็นท่านอนที่สุขสบาย สำหรับผู้ป่วยท่ีไม่รู้สึกตัวแต่มีการหายใจปกติ
Lateral position เป็นท่านอนตะแคง จัดเพื่อความสุขสบายของ ผู้ป่วย ที่ช่วยเหลือเคลื่อนไหวด้วยตนเองไม่ได้ ช่วยป้องกันการเกิดแผลกดทับด้านหลัง
Sitting position เป็นท่านั่งที่สุขสบายสาหรับผู้ป่วยได้เปลี่ยนอิริยาบถ และพักผ่อนได้อย่างมีความสุข เพื่อความปลอดภัย
3.2.7 การทำเตียง
การทำเตียง (Bed making) เป็นการส่งเสริมการพักผ่อนกลการนอนหลับให้มีความสุข มีคุณภาพการนอนหลับท่ีดี พยาบาลต้องดูแลจัดความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยให้ผู้ป่วย นอนหลับได้อย่างมีความสุขตลอดระยะเวลาขณะท่ีนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
1) การทำเตียงว่าง (Close bed)
2) การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงได้ (Open/unoccupied bed)
3) การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงไม่ได้ (Occupied bed)
4) การทำเตียงรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผู้ป่วยที่ได้รับยาสลบ (Surgical/ ether/anesthetic bed)
หลักปฏิบัติการทำเตียง
เตรียมของพร้อมใช้ตามลำดับก่อนหลังและวางให้ง่ายในการหยิบใช้สะดวก
จัดบริเวณรอบๆให้สะดวกต่อการปฏิบัติ
วางผ้าให้จุดกึ่งกลางของผ้าทับลงตรงจุดกึ่งกลางของท่ีนอน
ควรทำเตียงให้เสร็จทีละข้าง โดยเริ่มจากผ้าปูท่ีนอน ผ้ายางขวางเตียง ผ้าขวางเตียง ใส่ปลอกหมอน
คลุมผ้าคลุมเตียง วางผ้าห่มและและผ้าเช็ดตัวท่ีราวพนักหัวเตียง จัดโต๊ะข้างเตียงให้เรียบร้อย
ไม่ควรสะบัดผ้าหรือปล่อยให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่สัมผัสกับเครื่องใช้ของผู้ป่วย
หากมีปูเตียงที่มีผู้ป่วยควรแจ้งให้ผู้ป่วยทราบก่อนการปฏิบัติ
รักษาท่าทางให้อยู่ในลักษณะท่ีดี
หันหน้าไปทิศทางในงานท่ีจะทำ ไม่ควรบิดหรือเอี้ยวตัว
ควรใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ในการหยิบของและควรย่อเข่าแทนการก้มทำงานอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ
ยึดหลักการทำเตียงให้เรียบ ตึง ไม่มีรอยย่น สะอาด ไม่เปียกชี้น
จุดประสงค์
จัดสิ่งแวดล้อมสะอาดให้ส่งเสริมความสุขสบาย ให้หอผู้ป่วยเป็นระเบียบ เรียบร้อย สวยงามน่าอยู่พักอาศัย
จัดเตรียมความพร้อมเตรียมรับผู้ป่วยใหม่
3.2.8 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการพักผ่อนและการนอนหลับ
ตัวอย่าง
ผู้ป่วยหญิงรายหนึ่ง แพทย์วินิจฉัยเป็นโรค insomnia จึงรับตัวไว้ใน
โรงพยาบาล ให้ประวัติว่ามีอาการนอนไม่หลับมา 3 วัน
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
S: “นอนไม่หลับมา 3 วัน บางคืนหลับได้สักครู่ก็สะดุ้งตัวตื่น ”
O: จากการตรวจร่างกาย พบท่าทางอิดโรย ไม่สดชื่น ขอบตาทั้งสองข้างเขียวเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน วัดสัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีไข้ ชีพจร และการหายใจปกติ ความดันโลหิตปกติ
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
พักผ่อนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเนื่องจากมีความวิตกกังวล
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
เกณฑ์การประเมินผล
คุณภาพการนอนหลับเชิงปริมาณไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 80
คุณภาพการนอนหลับเชิงคุณภาพ ผู้ป่วยนอนหลับสนิทได้มากขึ้น
การวางแผน
วางแผนให้ผู้ป่วยได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอกับความต้องการของร่างกายและปลอดภัย
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
1.ประเมินสาเหตุและแบบแผนการนอนตามปกติ (แบบแผนที่ 5)
2.ประเมินคุณภาพการนอนหลับทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
3.จัดส่ิงแวดล้อมให้เงียบ แสงสว่างเพียงพอ ขจัดส่ิงรบกวน
4.จัดกิจกรรมการพยาบาลเป็นช่วง ไม่รบกวนการนอนของผู้ป่วย
5.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบเรื่องแขกผู้มาเยี่ยม เพื่อขอความร่วมมือ
6.ไม่ให้ดื่มน้ำหลัง 6 โมงเย็น เพื่อไม่ให้ลุกขึ้นถ่ายปัสสาวะตอนกลางคืน
7.งดกาแฟ ชา โค้ก ก่อนนอน
8.ให้มีกิจกรรมทำในตอนกลางวัน เช่น การอ่านหนังสือ ดูทีวี
สร้างสัมพันธภาพให้ผู้ป่วยไว้วางใจและระบายความวิตกกังวล
สอนเรื่องเทคนิคการคลายเครียด และการจัดการกับความเครียด
พิจารณาให้ยาคลายเครียด ตามแผนการรักษา และดูแลความปลอดภัย อาจเกิดอุบัติเหตุ เช่น การพลัดตกเตียง การลท่นล้ม
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ผลการประเมินคุณภาพการนอนหลับเชิงปริมาณไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 80
ผลการประเมินคุณภาพการนอนหลับเชิงคุณภาพ ผู้ป่วยนอนหลับสนิทได้มากข้ึน ผู้ป่วยบอกว่า “นอนหลับสบายดีนอนหลับเต็มอิ่ม” และพยาบาลสังเกตว่าผู้ป่วยนอนหลับได้มากข้ึน และไม่แสดงอาการอ่อนเพลีย