Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Oligohydramnios ภาวะน้ำคร่ำน้อย - Coggle Diagram
Oligohydramnios ภาวะน้ำคร่ำน้อย
ข้อมูลผู้ป่วย
หญิงไทย อายุ 33 ปี G2P1A0 GA 39 weeks by date ANC โรงพยาบาลตำรวจ 10 ครั้ง
การเจ็บป่วยครอบครัว : ปฎิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
Maternal Disease
เมื่อปี 2550 คลอดบุตร ทารกเพศหญิง ครรภ์ครบกำหนด คลอดด้วยวิธี Normal Labor น้ำหนัก 3,000 กรัม ที่ รพ.ภูเก็ต
ได้รับวัคซีน dt ครบ 3 เข็ม
Labor
GA 39 weeks by date
Medication During Labor : RLS 1000 ml IV drip at 13.00 น.
Newborn
ทารกคลอดเวลา 13.40 น. วันที่ 29/06/2563 เพศชาย น้ำหนัก 3,020 กรัม ยาม 50 ซม. Apgar scores 9 10 10 หักคะแนนสีผิว
พยาธิสรีรวิทยา
น้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios) หมายถึง ภาวะตั้งครรภ์ที่มีจำนวนน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ ในบางรายปริมาณน้ำคร่ำมีน้อยจากค่าปกติมากอาจจะลดลงจนเหลือเพียง 2-3 มล.ของน้ำคร่ำที่ข้นเหนียวทั่ว ๆ ไปภาวะนี้มักมีน้ำคร่ำประมาณ 100-300 มล.
เมื่อน้ำคร่ำน้อยก็เกิดภาวะ pulmonary hypoplasia ในทารกได้บ่อย เนื่องจาก
มีการกดต่อผนังทรวงอก โดยมดลูกที่มีน้ำคร่ำน้อย ซึ่งจะขัดขวางการขยายตัวของปอด และผนังทรวงอก
ขาดน้ำที่จะหายใจเข้าไปใน terminal airway ของปอด และผลตามมาคือการหยุดการเติบโตของปอด
อาจจะเกิดจากความผิดปกติของปอดเอง จะเห็นว่าปริมาณน้ำคร่ำที่หายใจเข้าในตัวทารกที่ปกติ มีบทบาทสำคัญในการทำให้ปอดขยายตัว แล้วส่งผลให้มีการเจริญเติบโตของปอดเป็นปกติสาเหตุยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจน
การวินิจฉัยและการตรวจค้น
การวินิจฉัยด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
สามารถประเมินในเชิงคุณภาพ ซึ่งบอกได้เพียงว่าปกติหรือลดลง และเชิงปริมาณซึ่งวิธีที่ใช้บ่อยคือ วัดแอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำ(Single deepest pocket, SDP) ได้ 2 ซม. หรือน้อยกว่า หรือ วัดดัชนีน้ำคร่ำ (Amniotic fluid index, AFI)ได้ 5-8 ซม. หรือน้อยกว่า อาจแบ่งระดับความรุนแรงได้ดังนี้
วัดแอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำแบ่งเป็น รุนแรงน้อย คือวัดได้ 1-2 ซม. รุนแรงมาก วัดได้ น้อยกว่า 1 ซม.
วัดดัชนีน้ำคร่ำ แบ่งเป็น ก้ำกึ่งหรือน้อยกว่าปกติ คือวัดได้ 5-8 ซม. น้ำคร่ำน้อยวัดได้น้อยกว่า 5 ซม.
ในกรณีที่อายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์ ถ้าขนาดของถุงการตั้งครรภ์ (mean gestational sac) กับขนาดของทารกโดยวัดจาก crown-rump length (CRL) ต่างกันน้อยกว่า 5 หรือ สัดส่วนระหว่าง mean gestational sac ต่อ crown-rump length ผิดไปจากค่าสัดส่วนตามเกณฑ์ในแต่ละอายุครรภ์ ให้ถือว่ามีภาวะน้ำคร่ำน้อย
การวินิจฉัยจากประวัติและตรวจร่างกาย
ให้ประวัติว่ามีน้ำเดินทางช่องคลอด มดลูกไม่ค่อยโตขึ้น ความสูงของมดลูกน้อยกว่าอายุครร
การตรวจทางหน้าท้องจะคลำได้ส่วนของทารกได้ง่าย
มักจะไม่สามารถทำ ballottement ของศีรษะทารกในครรภ์ได้
รายที่สงสัยถุงน้ำคร่ำแตกอาจต้องตรวจภายใน เพื่อดูน้ำคร่ำที่อยู่ภายในช่องคลอด หรือ ทดสอบด้วย nitrazine หรือ fern test
การรักษา
การดูแลในกรณีอายุครรภ์น้อย
ไตรมาสแรก ควรให้คำแนะนำและเฝ้าระวังภาวะแท้ง และตรวจติดตามด้วยอัลตราซาวด์
ไตรมาสที่สอง ควรให้การดูแลรักษาตามสาเหตุ ถ้าปริมาณน้ำคร่ำน้อยไม่มากหรือต่ำกว่าปกติเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่พยากรณ์โรคจะดี ให้ตรวจติดตามด้วยอัลตราซาวด์และเฝ้าระวังภาวะทารกโตช้าในครรภ์ที่เป็นภาวะแทรกซ้อนตามมา แต่ถ้าน้ำคร่ำน้อย จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง ไม่ว่าจะเป็น skeletal deformations contractures หรือ pulmonary hypoplasia อาจพิจารณาให้ทางเลือกในการยุติการตั้งครรภ์ หรือ ให้การรักษาเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำคร่ำดังนี้
การเติมน้ำคร่ำ (amnioinfusion)
การดื่มน้ำมาก ๆ ทำให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และชั่วคราว (ทารกได้น้ำเพิ่มและปัสสาวะเพิ่ม) จึงมีคุณค่าน้อย การให้สารขับปัสสาวะ (1-de amino vasopressin) ร่วมกับการดื่มน้ำปริมาณมากก็เพิ่มปริมาณน้ำคร่ำได้เล็กน้อย ยังไม่มีการนำมาใช้ในทางคลินิก
สารเคลือบ (sealants) เช่น fibrin glue, gelatin sponge, amnio patch อาจใช้อุดรูรั่วจากภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
การรักษาภาวะทารกเจริญเติบโตช้าที่เหมาะสม และตรวจเช็คดูภาวะความผิดปกติแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ จากการตรวจอัลตราซาวด์จะช่วยให้การพยากรณ์โรคดีขึ้น
การดูแลกรณีอายุครรภ์ในไตรมาสที่สาม
ส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับภาวะแทรกซ้อน เช่น สายสะดือถูกกด รกเสื่อมสภาพ สำลักขี้เทา ทำให้อัตราการผ่าตัดคลอดเนื่องจาก non reassuring fetus เพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญคือ ระยะเวลาที่มีน้ำคร่ำน้อย ถ้ายิ่งนานยิ่งไม่ดี
ควรเฝ้าตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด โดยทำ non stress test (NST)
ตรวจวัดดัชนีปริมาณน้ำคร่ำ หรือตรวจ biophysical profile หนึ่งถึงสองครั้งต่อสัปดาห์จนคลอด
การตรวจคลื่นเสียง Doppler จะมีประโยชน์ในรายที่น้ำคร่ำน้อยโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือในภาวะทารกโตช้าในครรภ์