การพยาบาลแบบองค์รวมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพสำหรับบุคคลวัยเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับอุติเหตุ
การบาดเจ็บที่ศีรษะ(Head injury)
กลไกการบาดเจ็บที่ศีรษะ
การบาดเจ็บโดยตรง(direct injury) เป็นการบาดเจ็บที่เกิด บริเวณศีรษะโดยตรง เช่น ถูกตี รถชน
การบาดเจ็บโดยอ้อม(Indirect injury) เป็นการบาดเจ็บที่เกิด ขึ้นกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกายแล้วมีผลสะท้อนท าให้เกิดการ ศีรษะ เช่น ตกจากที่สูงก้นกระแทกพื้น ท าให้ศีรษะกระแทกลง ของกระดูกคอ เกิดอันตรายต่อแกนสมอง
การประเมินสภาพ
สัญญาณชีพ
การตรวจประเมินทางระบบประสาท
การตรวจประเมินอื่น ๆ เช่น การถ่ายภาพรังสีกะโหลกศีรษ CT SCAN หรือMRI รวมทั้งการตรวจประเมินอาการและอาการแสดง อื่น ๆ เช่น อาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อาเจียนชักเกร็ง
จมน้ำ(Drowning)
การประเมินสภาพ
การจมน้ำ
จมน้ำจืด
น้ำจืดมีปริมาณเกลือต่ำ เมื่อสำลักเข้าไปในปอด จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดทางปอดผ่านถุงลมปอด สารเคลือบผนังถุงลมในถุงลมปอดจะถูกทำลายทำให้ปอดแฟบ(Atelectasis)
จมน้ำเค็ม
น้ำเค็มมีปริมาณเกลือสูงทำให้ของเหลวในหลอดเลือดถูกดึงเข้าไปในถุงลมปอด มีของเหลวในถุงลมปอดเพิ่ม ถุงลมปอดจะโป่งและแตก เกิดเลือดออกในปอดและมีน้ำคั่งเกิด pulmonary edema
1.กลุ่มA (awake) เด็กรู้สึกตัวดีตลอดคะแนนGCS15 ได้รับ บาดเจ็บเล็กน้อย ฟื้นเป็นปกติ
2.กลุ่มB (blunt) เป็นกลุ่มที่เด็กพอจะรู้สึกตัวบ้าง แต่ย อยู่บ้างคะแนนGCS 10-13 ตัวเย็นเล็กน้อยถึงปานกลาง หายใจปกติ ผิดปกติเล็กน้อย
3.กลุ่มC (Coma) เป็นกลุ่มที่สมองได้รับอันตรายรุนแรงหร ออกซิเจน หมดสติ ปลุกไม่ตื่นตอบสนองต่อความเจ็บปวดอย่างไร้จุดหมาย
3.1 กลุ่มC1 (decorticate) มีการตอบสนองต่อความเจ็บปวด โดยการงอแขน ขาเข้าหากันและหายใจไม่สม่ าเสมอ ช้าสลับเร็ว(chyne-strokes) คะแนน GCS 5
3.2 กลุ่มC2 (decerebrate) มีการตอบสนองต่อความเจ็บปวด โดยแขนเกร็ง เหยียดบิดออกหายใจหอบเร็ว คะแนนGCS 4
3.3 กลุ่มC3 (flaccid) เด็กจะอ่อนปวกเปียกไม่มีปฏิกิริยา ตอบสนองต่อการเจ็บปวดสมองถูกท าลายเกือบหมด คะแนน GCS น้อยกว่าหรือเท่ากับ3
การสำลักสิ่งแปลกปลอม
การช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ
ช่วยเหลือเด็กขึ้นจากน้ำโดยเร็ว
เริ่มช่วยหายใจทันทีที่ขึ้นสู่ผิวนน้ำ CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
นำขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจบาดเจ็บที่ศีรษะ
นำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วทุกราย
การรักษา
ช่วยหายใจพยายามเพิ่มออกซิเจน และอาจให้ยาช่วยขยายหลอดลมลดการหดเกร็งของหลอดลม
ลดการบวมของสมอง ด้วยการให้ยาขับปัสสาวะ บางรายอาจให้สเตียรอยด์
ยาปฏิชีวนะมีความจำเป็นในเด็กที่ไม่ได้จมน้ำสระว่าย
ให้การรักษาตามอาการ เช่น แก้ไขสมดุลของกรดด่าง ลดอาการชักเกร็ง ให้สารอาหาร
สาเหตุ
เด็กเล็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางกายที่ยังไม่สมบูรณ์ ฟันกรามยังไม่ขึ้น ท บดอาหารไม่ละเอียด และความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อที่ควบคุ และหายใจยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กอายุต่3ปี เป็นช่วงวัยที่อยากรู้อากว่า เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ชอบเอาของใส่เข้าในช่องต่าง ๆ ของ ร่างกาย เช่น ปาก จมูก ชอบวิ่งเล่นตะโกนขณะมีของเล่นหรือ อาหารอยู่ในปาก ท าให้เกิดการส าลักได้ง่าย
อาการ
ไออย่างรุนแรง ขย้อน อาเจียน เสียงแหบ หายใจมีเสียงฮื้ดหอบ หายใจล าบาก เขียว หรือหยุดหายใจ ซึ่งอาการมีความแตกต่างกัน ขึ้นกับตำแหน่ง ชนิดและลักษณะของสิ่งแปลกปลอม
สิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กจะอุดกั้นทางเดินหายาให้มีอาการสาลักหรือหลุดผ่านกล่องเสียงและหลอดลมคอ มาหลอดลมเกิดปอดแฟบ ปอดบวม
สิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่จะอุดกั้นบริเวณกล่องเสียงบริเวณหลอดลมคอ ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจอย่างสมบูรณ์ เด็กจะมีอาการอย่างรวดเร็ว รุนแรง ไม่มีเสียง หายใจลำบาก เขียว หยุดหายใจ เสียชีวิตได้
การช่วยเหลือ
- กรณีที่เด็กรู้สึกตัว หายใจเองได้ไม่ลำบากมาก
มากกว่า1ปีทำHeimlich maneuver
น้อยกว่า1ปีทำback blows & chest thrust
2.กรณีที่เด็กไม่รู้สึกตัว หายใจเองได้ไม่ลำบากมาก
มากกว่า1ปีให้ช่วยหายใจและช่วยฟื้นคืนชีพ ระหว่างรอการช่วยเหลือขั้นต่อไป
น้อยกว่า1ปีทำAbdominal thrust
การได้รับสารพิษ
การช่วยเหลือ
กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย เป็นสิ่งที่ต้องทำโดยการดูดซึมเข้าร่างกายน้อยที่สุดซึ่งวิธีการกำจัดสารพิษขึ้นกับว่าได้รับสารพิษทางใด
สารพิษ
พิษจากซาลิซัยเลต
ให้การช่วยเหลือตามอาการ
การทำให้สารพิษเจือจาง เด็กที่กินสารกัดกร่อนพวกกรดหรือด่าง และไม่มีอาการหายใจลำบากให้ดื่มนมหรือน้ำเพื่อเจือจางสารพิษที่เข้าไป
ให้ยาแก้พิษ สารต้านพิษ จะช่วยลดปริมาณความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากสารพิษ แต่จะต้องให้ด้วย ระมัดระวัง เพราะถ้าให้มากเกินอาจเกิดพิษ
ได้สารซาลิซัยเลตเข้าไปในร่างกายมากเกินขนาด จะมีผลต่อการเผาผลาญ และการทำหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ผิดปกติไป
พิษจากพาราเซตามอล
พิษจากธาตุเหล็ก
การได้รับยาที่มีธาตุเหล็กเกินขนาด
พิษจากสารกัดกร่อน
การรรักษา
ดื่มน้ำหรือนมห้ามทำให้อาเจียนเพราะจะทำให้เกิดการเผาไหม้ซ้ำอีกขณะขย้อนขึ้น
ช่วยหายใจ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่หลอดคอจะบวม ทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจ
ให้สเตียรอยด์ในรายที่มีความรุนแรงระดับ2,ระดับ1 มักไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน, ระดับที่3เกิดการตีบแคบของหลอดอาหาร การให้สเตียรอยด์อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นมากขึ้น