Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม, Islam-Fastest…
การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม
สัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม
รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและดาวอยู่ข้างบน
เดือนครึ่งเสี้ยว คือเครื่องหมายของกาลเวลา เดือนส่งผลถึงระดับน้ำขึ้นลงที่แตกต่างกัน เดือน คือ การกำหนดเวลาเริ่มต้นของเดือนใหม่และสิ้นสุดต สัญลักษณ์รูปเดือนครึ่งเสี้ยวสำคัญที่สุด จะเป็นศิริมงคลที่สุดของมุสลิมคือ ในเดือนรอมฎอน เข้าสู่เดือนแห่งการถือศีล-อด
สองสิ่งนี้เป็นสิ่งเตือนใจและเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตของมนุษย์ชาติมุสลิมจึงให้ความสำคัญและนำมาเป็นสัญลักษ์ของอิสลาม
ดาว คือเครื่องหมายนำทาง บอกทิศเมื่อมนุษย์ต้องเดินทางกลางทะเล ชาวอาหรับสมัยก่อนเดินทางตอนกลางคืนเพราะกลางวันอากาศกลางทะเลทรายจะร้อนมาก
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
เป็นคณะผู้บริหารกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย
ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 ซึ่งระบุให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่าคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ประกอบด้วยจุฬาราชมนตรีเป็นประธานกรรมการ และกรรมการ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งจากกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ซึ่งเป็นผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จังหวัดละหนึ่งคน
หลักการอันเป็นข้อบังคับ สำหรับมุสลิมทุกคน
จะต้องรู้ จะต้องประพฤติ
เริ่มตั้งแต่อายุ 3 ขวบเป็นต้นไป
หลักศรัทธา ความเชื่อในศาสนา
หลักปฏิบัติหน้าที่ในศาสนา (อิบาดะห์)
หลักคุณธรรม (อิห์ซาน)
ทุกคนต้องเรียนรู้หลักการของศาสนาอิสลาม ไม่มีขอยกเว้นเป็นหน้าที่พึงปฏิบัติ
นิกายซุนนี(Sunni)
ซุนนี แปลว่า มรรคา หรือจารีต เป็นนิกายของศาสนาอิสลามที่นับถือคัมภีร์เล่มหนึ่งชื่อ ”ซุมนา เป็นคัมภีร์อรรถกถาของคัมภีร์อัลกุรอาน ต้องการให้คัมภีร์เดิมอ่านง่ายและเข้าใจง่ายขึ้น
เป็นพวกออร์ธอดอกซ์ของอิสลาม และไม่ชอบให้ใครมาเปลี่ยนแปลงคำสอนที่มีอยู่เดิมในคัมภีร์ เพราะป้องกันการคลาดเคลื่อนในหลักคำสอนแท้จริง
พวกซุนนีถือว่าภายหลังจากที่นบีมุฮัมมัดเสียชีวิตแล้ว และได้มีกาหลิบที่สืบต่อมาอีกเพียง 4 คนเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ไม่มีกาหลิบสืบต่อ มีแต่ผู้นับถือศาสนาอิสลามธรรมดา
นิกายนี้ใช้หมวกสีขาวเป็นสัญลักษณ์และเป็นนิกายที่มีผู้นับถือมากที่สุดประมาณ 700 ล้านคน ถือว่าเป็นนิกายดั้งเดิม
ส่วนมากมีอยู่ในประเทศสาธารณรัฐตุรกี ซาอุดิอาระเบีย แอฟริกา และชาวมุสลิมส่วนใหญ่ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย
นิกายชีอะฮ์ หรือชิเอฮ์ (Shiah)
ชีอะฮ์ หรือชิเอฮ์ แปลว่า ผู้ปฏิบัติตาม หรือสาวก
แยกออกมาจากนิกายซุนนี พวกชีอะฮ์ถือว่าต่อจากกาหลิบอะลีมาแล้ว เชื้อสายของอาลีควรจะได้รับการแต่งตั้งหรือทำการเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าทางศาสนาออกมาอีก
เชื่อกันว่าอิหม่าม หมายถึง หัวหน้าสุเหร่าหรือมัสยิด ซึ่งเป็นผู้สืบต่อศาสนาจากนบีมุฮัมมัด
อิหม่ามเป็นผู้หมดมลทินจากบาป และ เป็นสื่อกลางการติดต่อระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เป็นผู้แปลถ้อยคำของพระเจ้าที่ปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน
นิกายชีอะฮ์มีผู้นับถือมากที่สุดในประเทศอิหร่าน อิรัก อินเดีย อัฟกานิสถาน และซีเรีย
หลักคุณธรรม (อิห์ซาน)
อิห์ซาน
เป็นหลักเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมที่มุสลิมทุกคนจะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการดำเนินวิถีชีวิต
ฮาลาล Halal คือ การกระทำที่อนุญาต
ฮารอม Harom คือ การกระทำที่ต้องห้ามการแต่งกาย การปกปิดส่วนควรสงวนของร่างกาย
เพศชาย ให้ปิดระหว่างสะดือกับหัวเข่า
เพศหญิง ให้ปิดทั้งร่าง ยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ
วัฒนธรรมแต่งกายของมุสลิมทั้งชายและหญิงมีสาระสำคัญเหมือนกันคือ มิดชิดและปิดศีรษะ เรียกว่า การสวมใส่ “ ฮิญาบ “
รูปแบบนั้นไม่ได้บังคับว่าจะต้องตามรูปแบบของอาหรับ หรือของประเทศใด จะเป็นรูปแบบใดก็ได้
ขอให้อยู่ในลักษณะของการปกปิดโดยมิดชิดดังกล่าวเท่านั้น ถือเป็นการแต่งกายที่ผิดต่อบทบัญญัติของอิสลาม
อิสลามยังบัญญัติไว้ในเรื่องของความสะอาด กล่าวคือเครื่องแต่งกายทุกชิ้นจะต้องสะอาดหมดจด ไม่มีกลิ่นอับ จะต้องหมั่นซักเป็นประจำ เมื่อมีรอยขาดก็จะเย็บหรือชุน
พิธีสุหนัต
เด็กชายมุสลิมอายุระหว่าง 2-10 ขวบ จะต้องได้รับพิธีสุหนัต
การตัดหนังหุ้มปลายองคชาติซึ่งถือว่า เป็นหน้าที่และเป็นสิ่งควรสรรเสริญ ทั้งเป็นธรรมเนียมเบื้องต้นเพื่อประโยชน์สำหรับการแต่งงาน
จะมีการเชิญญาติพี่น้องอย่างน้อย 2-3 คน มาร่วมเป็นสักขีพยาน
จะมีการสวมพวงมาลัยให้เด็กก่อนแล้วจึงผ่าหรือตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เสร็จแล้วให้ของขวัญแก่เด็ก
ปัจจุบันนี้ เมื่อไปคลอดที่โรงพยาบาลอาจจะให้แพทย์ที่ทำคลอดทารกเพศชาย ตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของทารกนั้น เป็นการทำพิธีสุหนัตด้วย
พิธีถือศีลอด
เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่ชาวมุสลิมปฏิบัติในเดือนรอมฎอน ตลอด 1 เดือน
เป็นการอดอาหารการดื่มกินและเว้นการร่วมประเวณี และการทำชั่วต่างๆ อย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษในช่วงถือศีลอด
มุสลิมทุกคนควรจะได้ถือปฏิบัติกันโดยเคร่งครัด (ยกเว้นผู้ป่วย , มีประจำเดือน , สตรีมีครรภ์)
ข้องดเว้นจากการกระทำต่างๆ
ตั้งแต่แสงอรุณขึ้น...จนถึงตะวันตกในเดือนรอมฎอน
งดการกินและการดื่ม
งดการมีเพศสัมพันธ์
งดการใช้วัตถุภายนอกเข้าไปในอวัยวะภายใน
งดการแสดงอารมณ์ร้ายและความผิดต่างๆ
มุสลิมที่บรรลุนิติต้องถือศีลอดทุกคน ยกเว้นสำหรับบุคคลบางประเภทต่อไปนี้
ยกเว้นสำหรับบุคคลบางประเภทต่อไปนี้
คนป่วยหรือสุขภาพไม่ดี
หญิงที่มีครรภ์ที่เกรงว่าจะเป็นอันตรายแก่บุตร
บุคคลที่ทำงานหนัก เช่น กรรมกรแบกหาม
บุคคลที่อยู่ในระหว่างเดินทาง
คนชรา
หญิงขณะมีรอบเดือนและหลังคลอด
หลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม
หลักปฏิบัติหน้าที่ในศาสนา
อิบาดะห์
1.การปฏิญาณตนเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม
2.การละหมาด หรือ สวด (นมาซ หรือ นมัสการ) 5 เวลาต่อวัน
3.การถือศีลอด
4.การบริจาคศาสนทานซะกาต
5.การประกอบพิธีฮัจญ์
หลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม
ศรัทธาในพระเจ้าเป็นฐาน ต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในพระเจ้า คือ พระอัลลอฮ์ อย่างไม่มีข้อสงสัย พระเจ้าทรงเป็นผู้อยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง ทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่งในเอกภพ พระเจ้าสร้างอดัม (อิสลามเรียกท่านนบีอาดัม)
ศรัทธาในมลาอิกะฮ์ คือ บ่าวผู้สัตย์ซื่อของพระอัลลอฮ์ ไม่มีรูปกาย ไม่มีเพศ ไม่มีการดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ เป็นสื่อกลางระหว่างพระอัลลอฮ์กับมนุษย์
ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต หรือ ศาสดาซึ่งมี 258 ท่านที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ อัลกุรอาน
ศรัทธาในพระคัมภีร์อัลกุรอาน และมีคัมภีร์อื่นๆ
ศรัทธาในวันกียามะฮ์ หรือ วันปรโลก วันคืนชีพ หลังจากวันสิ้นโลก มนุษย์ทุกคนรอวันตัดสินชำระความ
ศรัทธาในการลิขิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า
การละหมาด หรือ สวด (นมาซ หรือ นมัสการ)
1.เวลาย่ำรุ่ง
เวลากลางวัน
เวลาเย็น
เวลาพลบค่ำ
เวลากลางคืน
การถือศีลอด
1.เป็นการฝึกฝนให้ตัวเองมีจิตผูกพัน และยำเกรงต่อพระเจ้าเพื่อการดำเนินชีวิตในทุกด้านตามคำบัญชาของพระองค์
2.เป็นการอดอาหารในช่วงเวลาที่ถูกกำหนดไว้อย่างตายตัวนั้น จะทำให้ร่างกายได้ละลายส่วนเกินของไขมันที่สะสมเอาไว้
3.เป็นการเพิ่มพูนภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายเคยชินกับความหิว และการรับประทานอาหารตรงตามเวลาใน 24 ชั่วโมง
4.ผู้ถือศีลอดจะรับประทานอาหารสองมื้อ คือ มื้อตอนดึกถึงก่อนฟ้ารุ่งสาง และมื้อค่ำตอนเมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า
5.การถือศีลอดทำให้เกิดการประหยัดทั้งอาหารของโลก และสิ่งฟุ่มเฟือยสิ่งต่างๆ
ความเชื่อเกี่ยวกับความตายของมุสลิม
ความเชื่อความตายมุสลิม
เป็นภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกคนต้องเผชิญและยอมรับเพราะเป็นความประสงค์ของพระอัลเลาะฮ์
ชีวิตมนุษย์มาจากพระองค์ประทานมาให้สุดท้ายต้องกลับไปหาพระองค์
อิสลามไม่ให้มนุษย์ฆ่าตัวตาย แต่ทุกคนต้องรำลึกถึงความตายอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อทุกคนได้เตรียมตัวเตรียมใจและพร้อมที่จะกลับไปสู่พระอัลเลาะฮ์ เปรียบเสมือนการก้าวผ่านจากชีวิตหนึ่งไปสู่อีกชีวิตหนึ่ง
ภาวะใกล้ตายเป็นภาวะที่มุสลิมต้องการอยู่ใกล้พระอัลเลาะฮ์มากที่สุด และเป็นการดูแลให้ผู้ป่วยลดความทุกข์ทรมาน
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ให้มนุษย์เกิดและให้มนุษย์ตาย
6.พระเจ้าเป็นผู้ทรงกำหนดอายุขัยของมนุษย์
มนุษย์ไม่สามารถรู้ได้ว่าที่ใดและเมื่อใดเขาจะตาย
มนุษย์ต้องรำลึกถึงความตายให้มาก
ความตายเป็นข่าวดีและสบายใจสำหรับผู้ศรัทธา
การจัดการศพตามวิถีอิสลาม
ให้นำศพมาอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกที่ติดอยู่รีดท้อง เพื่อให้สิ่งปรกภายในเคลื่อนที่ออกมา แล้วรดน้ำให้สะอาดทั้งตัว
นำศพมาวางบนผ้าขาวซึ่งปูไว้ 3 ชั้น นำมือทั้งสองไว้ที่ระดับอกให้มือขวาทับบนมือซ้ายแล้วห่อด้วยขาว 3 ชั้น
นำศพไปบรรจุในหีบศพถ้าหากอยู่ในที่กันดาร ไม่ใช้หีบศพก็ได้แต่ให้ทำหลุมเพื่อเตรียมฝัง
ฝังในหลุมลึก คะเนพอไม่ให้มีกลิ่นขึ้น หรือสัตว์ป่าคุ้ยเขี่ยขึ้นมาได้
เมื่อฝังในที่ใดแล้ว ห้ามขุดศพนั้นขึ้นมาไม่ว่าประการใด ๆ
หากจำเป็นต้องรักษาศพ ให้รักษาไว้ไม่ให้มีกลิ่นเหม็น ถ้าปล่อยให้มีกลิ่นเหม็นทางศาสนาถือว่าเป็นการบาป
การฝังให้วางศพนอนตะแคงข้างขวา หันหน้าศพไปทางทิศตะวันตก แล้วนำดินที่ขุดขึ้นมากลบไปจนหมด
แนะนำในการไปเยี่ยมเคารพศพผู้นับถือศาสนาอิสลาม
กรณีศพอยู่ที่บ้าน
นำศพมาอาบน้ำชำระสิ่งสกปรก รดน้ำให้สะอาดทั้งตัว
2.นำศพมาวางบนผ้าข้าวซึ่งปูไว้ 3 ชั้น หรือนำศพบรรจุในหีบศพ
ผู้ไปเยี่ยมเคารพศพ ควรไปแสดงไว้อาลัยกับญาติที่มีชีวิตอยู่ เป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ
ทำความเคารพศพ โดยกล่าวคำไว้อาลัยได้ (ไม่นิยมนำพวงหรีดไปวาง)
มอบเงินซองให้เจ้าภาพ
กรณีศพอยู่ที่มัสยิดหรือสุเหร่า
ผู้ร่วมพิธีจะรอเคารพศพก่อนพิธีละหมาด
ผู้ร่วมพิธีมุ่งไปแสดงความเสียใจกับญาติ
พิธีฝังจะเป็นพิธีของญาติ ๆ
มอบเงินซองให้เจ้าภาพ
พิธีศพ
เมื่อมี “มัยยิสหรือมัยยัต” (คนตาย) ขึ้นในหมู่บ้าน เป็นหน้าที่ของมุสลิมที่จะต้อง ไปเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือโดยไม่ต้องรอรับคำเชิญ
ให้แต่งกายธรรมดาไม่ต้องแต่งชุดดำ เพราะไม่มีการไว้ทุกข์ และการไปบ้านผู้ตาย จะต้องไม่ไปเป็นภาระแก่เจ้าของบ้านโดยไปรับประทานอาหารหรือแม้แต่น้ำ
ให้รีบไปส่งผู้ตายหรือศพยังสุสาน และให้รีบละหมาด(บทสวดสำหรับผู้เสียชีวิต/คนตาย)
ก่อนนำไปฝัง จะต้องนำไปยังมัสยิดเพื่อละหมาดให้ผู้ตายและอวยพรขอพรให้แก่ผู้ตาย
เมื่อเสร็จจากการละหมาดแล้ว จึงนำผู้ตายไปฝังยังหลุมที่ขุดเตรียมไว้ในท่านอน
ต้องจัดการฝังให้เรียบร้อยภายใน 24 ชั่วโมง
ฝังเสร็จจะกลบดินหลุมฝังให้นูนขึ้นมา และปักไม้ธรรมดา ไว้ที่หลุมฝังศพ จะไม่มีการโบกปูนหรือทำให้ถาวรเพื่อการไปเคารพบูชาที่หลุมฝังศพอย่างเด็ดขาด
การอุทิศศพ เมื่อผู้ตายสั่งเสียมอบร่างกายศพ
ผู้สั่งเสียต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติครบ คือ บรรลุนิติภาวะมีสติสัมปชัญญะจริงจัง และยินยอมในการบริจาคอวัยวะ
คำสั่งเสียบริจาคนั้นต้องเป็นลายลักษณ์อักษร
จุดประสงค์ในการถ่ายอวัยวะนั้นเพราะความจำเป็นทางการแพทย์
จุดประสงค์ต้องไม่ใช่เพื่อการค้า แสวงหากำไร แลกเปลี่ยนหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิพิเศษ
อวัยวะที่ผู้สั่งเสียได้แสดงเจตนาบริจาคนั้น ต้องไม่ใช่ส่วนที่ค้านกับหลักการและคำสอน
คาดการณ์ได้ว่าการผ่าตัดถ่ายอวัยวะจากผู้ตายที่ได้สั่งเสียไว้ไปสู่ผู้ที่ยังมีชีวิต จะต้องประสบผลค่อนข้างสูง
ดำเนินการตามคำสั่งเสียได้ก็เมื่อผู้สั่งเสียตายเท่านั้น
การให้บริการทางการแพทย์และพยาบาล
การให้บริการ
จำกัดการสบตาไม่จ้องผู้ป่วยมากเกินไป
ผู้หญิงมุสลิมจะใส่เสื้อผ้าที่มีการปกคลุมร่างกายหากต้องการตรวจควรมีเสื้อคลุมที่ยาวสามารถปกผิดร่างกายได้ทั่ว
มุสลิมไม่ได้ห้ามการได้รับบริการสุขภาพจากเพศตรงข้าม
4 ผู้ให้บริการควรเป็นเพศเดียวกับผู้ป่วย
ถ้ามีความจำเป็นต้องให้บริการจากผู้รักษาเพศตรงข้าม เช่น แพทย์เป็นผู้ชายควรให้สามีของผู้ป่วยเข้าไปด้วย
การดูแลเรื่องอาหาร
การดูแลอาหารเป็นอาหาร ฮาลาลไม่มีหมูไม่มีแอลกอฮอล์
การอดอาหารจะทำปีละครั้งช่วงเดือนรอมฎอน ยกเว้นผู้ป่วยและหญิงตั้งครรภ์
มุสลิมจะล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหารควรมีการเตรียมสถานที่
มุสลิมจะใช้มือขวาในการจับอาหารและเครื่องดื่มในการประทาน หากผู้ดูแลสัมผัสอาหารควรใช้มือขวา
การดูแลทางจิตวิญญาณ
จัดสถานที่ละหมาด
มีสถานที่ล้างเท้าก่อนทำพิธี หรือจัดทำอ่างน้ำสำหรับอาบเพื่อทำการสวดทางศาสนา
การสวดมนต์จะทำวันละ 5 ครั้ง
ผู้มีข้อจำกัดด้านสติปัญญา ผู้หญิงหลังคลอด และ ผู้หญิงที่มีประจำเดือนจะเป็นข้อยกเว้น การสวดมนต์จะหันหน้าไปทางเมืองเมกกะ
ควรเอาสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาอื่นออกจากห้องผู้ป่วย
การดูแลผู้ป่วยระสุดท้าย
การให้การดูแลในทุกด้านของผู้ป่วย ที่กำลังใจเจ็บป่วยจากพยาธิสภาพที่กำลังลุกลามและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยวิทยาการทางการแพทย์มุ่งแก้ไขปัญหาที่สำคัญ
บรรเทาความเจ็บปวด ปัญหาทางกายภาพต่างๆ ปัญหาทางสุขภาพจิต สังคม และจิตวิญญาณ โดยมุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตทั้งของผู้ป่วยและครอบครัว
เป็นการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ด้วยความรัก ความเมตตา เพื่อลดความทุกข์ทรมานและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ยังเหลืออยู่ให้แก่ผู้ป่วย มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทั้งผู้ป่วย ญาติ และผู้ดูแล
เป้าหมายการดูแล
ลดความเจ็บปวดและอาการไม่สบายต่างๆ
ยอมรับเรื่องการมีชีวิตและการตายตามบริบทของศาสนาและวัฒนธรรม
บูรณาการมิติทางสังคม จิตใจ และจิตวิญญาณ
ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือญาติ
มีการทำงานเป็นทีมเพื่อการดูแลผู้ป่วยและญาติอย่างมีคุณภาพ
การดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิตชาวมุสลิม
การเจ็บป่วยเป็นสิทธิของพระอัลลอฮ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น ศาสนาอิสลามได้สอนให้ทุกคนเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระอัลลอฮ์เพียงผู้เดียวทั้งหมด
ผู้ป่วยต้องอดทนต่อการเจ็บป่วย การเจ็บป่วยย่อมได้รับการลดบาปและได้กุศล
ผู้ป่วยต้องเอามือตนเองวางบนส่วนที่ตนเจ็บ แล้วให้การละหมาด
การขอพรจากพระอัลลอฮ์ พร้อมจับมือผู้ป่วยหรือสัมผัส
การส่งเสริมกำลังใจ ตักเตือนให้เขาระลึกถึงความอดทน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น และเชื่อมั่นว่าจะหายป่วย
ต้องไม่ตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ผู้ป่วยและไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ญาติต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ทอดทิ้งผู้ป่วย ถ้าไม่ดูแลถือว่าเป็นการกระทำที่สังคมรังเกียจ
สิทธิมุสลิม 5 ประการ
การเยี่ยมเยือนผู้ป่วย
การเดินตามศพ
การตอบรับสลาม (ทักทาย)
การตอบรับคำเชิญ
การกล่าวตอบคำกล่าว
การบริจาคศาสนทาน “ซะกาต”
การบริจาคซะกาต (การจ่ายภาษีทางศาสนาแก่คนยากจน) คือ การจ่ายทรัพย์สินส่วนเกินจำนวนหนึ่งที่มุสลิมต้องจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับเมื่อครบปี
เพื่อผดุงสังคมลดปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน
เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ถ้ามุสลิมคนใดมีทรัพย์สินเงินทองหรือสินแร่ที่เหลือใช้ในรอบปี แล้วไม่ทำการบริจาคผู้นั้นเป็นบุคคลหนึ่งที่ทำผิดบทบัญญัติของอิสลาม
มีสิทธิรับซะกาต 8 ประเภท
ผู้ขัดสน (คนยากจน แม่หม้าย เด็กพร้า)
คนเข็ญใจ (พิการ)
ผู้เข้าอิสลามและถูกญาติมิตรตัดขาด
ผู้มีหนี้สินล้นตัว (ไม่ใช่มีหนี้เพราะประพฤติมิชอบ)
ผู้พลัดถิ่น (ไม่สามารถกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม)
ทาสหรือเชลยเจ้าหน้าที่ดูแลกองทุนซะกาต
และเพื่อประโยชน์ต่อสังคมในวิถีของพระอัลลอฮ์
วัตถุประสงค์ของการบริจาคซะกาต
เพื่อชำระจิตใจของผู้บริจาคให้บริสุทธิ์ไม่ตกเป็นทาสแห่งวัตถุด้วยความโลภ และเห็นแก่ตัว
เพื่อปลูกฝังให้มุสลิมทั้งหลายเป็นผู้มีจิตใจเมตตา กรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งกันและกัน
เพื่อลดช่องว่างระหว่างชนชั้นในสังคมด้วยวิธีการสังคมสงเคราะห์