Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาต้านโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน - Coggle Diagram
ยาต้านโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน
ยาต้านโรคมะเร็ง
ยากลุ่ม Alkylating agents
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ต่อ cancer cell ในทุกระยะของ cycle cell จัดอยู่ในกลุ่ม CCNS
Cyclophosphamide
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็น phosphoramide mustard แทรกเข้าไปในกระบวนการสร้างDNA รบกวนกาารสร้างDNAของ cancer cell ทำให้ cancer cell ตาย
การนำไปใช้ทางคลินิก
ยามีทั้งฉีดและทาน ใช้รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวทุกชนิด
Ifosfamide (Holoxan ;IFOS)
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกเหมือนCyclophosphamide
การนำไปใช้ทางคลินิก
ยามีทั้งฉีดและรับประทานใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ มะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน
Chlorambucil
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสายDNA แบบ Cross-linking ส่งผลให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถแบ่งตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยามาตรฐานในการรักษามะเร็งชนิดเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดfollicular
Carmustine
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษามะเร็งสมอง
กลไกการออกฤทธิ์
ทำให้เกิดหมู่Alkyl ไปจับกับสายDNA ส่งผลให้DNAทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้ เกิด DNA strand break
Dacarbazine (DTIC)
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยCYP450ให้กลายเป็นสารพิษตอการสร้าง DNAและRNA ของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ใช้ร่วมกับยา adriamycin, Bleomycin,Vinblastine หรือ Dacarbazine ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด Hodgkin's lymphoma และมะเร็งผิวหนัง
Cisplatin, Carboplatin
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าช่องท้อง ใช้ร่วกับยาอื่นในการรักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด มะเร็งทางเดิอาหาร
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกในการจับของสายDNA ทำให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ DNA replication และ DNA transcription
Busulfan (Myleran)
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกการออกฤทธิ์เหมือนCisplatin
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษามะเร็งเม็ดเือดขาวบางชนิด และใช่ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น
Mechlorethamine (Mustargen, Mustine)
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกการออกฤทธิ์เหมือนCisplatin
การนำไปใช้ทางคลินิก
เดิใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma แต่ปัจจุบันใช้ยานี้น้อยลง เนื่องจากเปลี่ยนไปใช้ cyclophosphamide และยาอื่นๆแทน
ผลข้างเคียง
เกิดการกดการทำงานของไขกระดูก
ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
พิษต่อระบบประสาท อารมณ์แปรปรวน เสียการทรงตัว เดินเซ
ความเป็นพิษต่อไต
เสี่ยงต่อการเป็นพิษต่อหัวใจ
ผลต่อผิวหนัง
ยากลุ่มAntimetabolites
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ต่อระยะ S ของcabcer cycle
Antifolate/Folate antagonist
Methotrexate (MTX)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลต ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์DHFR ที่เปลี่ยนdihydrofolate ไปเป็น tetrahydrofolate ที่เป็น cofactor สำคัญที่นำปสร้างDNA และRNA โปรตีน
การนำไปใช้ทางคลินิก
มีทั้งชนิดเม็ดรับประทานและฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ฉีดทางกล้ามเนื้อ ฉีดเข้าทางร้ำไขสันหลัง ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร้งรก มะเร็ง่ศรีษะและคอ มะเร้งปอด ท
Pemetrexed
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกmetaboliteในร่างกาย
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษามะเร้งปอด มะเร็งตับอ่อน
ผลข้างเคียง
ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง
อาจทำให้แท้งและเด็กในครรภ์พิการได้
ผิวหนังถูกแดดเผาได้ง่าย
ผมร่วง แต่พบได้น้อย
Purine analogs
ยา 6-meracaptopurine (6-MP)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาเข้าสู่กระแสเลือด จะถูกเป่ยนเป็นribonucleotide ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการสร้าง purine ที่จำเป็นในการสร้างDNA ทำให้ไม่สามารถสร้างและสังเคราะห์ DNA และ RNA ได้
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาเม็ดรับประทาน รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL และ AML หรือANLL
ยา6-thioguanine (6TG)
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ6-MP
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL และ AML ใช้ร่วมกับยาDAunorubicin และ Cytarabine
ยา Fludarabine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสายDNA เกิดการยับยั้งการสร้างDNA
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เนื่องจากเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหารมาก หากให้โดยการรับประทาน จะใช้รักษา CLL และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ไม่รุนแรง
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
มีแผลในปาก ริมฝีปาก
อุจจาระสีดำ แต่พบได้ไมบ่อย
Pyrimidine analogs
Capectibine
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ5-FU
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาชนิดเม็ดรับประทาน รักษาเพื่อบรรเมาอาการในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์
เติมหมู่ฟอตเฟต ทำให้เกิดการยับยั้งการเชื่อมต่อของสายDNA
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าทางIV นิยมใชการหยดช้าๆ เป็นเวลา5-7วัน รักษามะเร็งขาวชนิดAML
5-fluorouracil (5-FU)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งกาารทำงานของเอนไซม์ thymidylate synthase เป็นเอนไซมืที่จำเป้นในการสร้างDNAและRNA
การนำไปใช้ทางคลินิก
ฉีดเข้าทางIV รักษามะเร็งเต้านม
ชนิดทา รักษามะเร็งผิวหนัง
Gemcitabine
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่เซลล์ ยากระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอตเฟต เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้างDNA
การนำไปใช้ทางคลินิก
ฉีดเข้าทางIV รักษามะเร็งตับอ่อนที่แพร่กระจายไปแล้ว มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งที่ศีรษะและคอ
ผลข้างเคียง
กดการสร้างเม็ดเลือด กดการทำงานของไขกระดูก
มีแผลในทางเดินอาหารเริ่มตั้งแต่ปาก
คลื่นไส้ อาเจียน
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
ลอกของฝ่ามือและฝ่าเท้า
ผิวหนังถูกแดดเผาได้ง่าย
ผมร่วง ผมจะงอกเมื่อหยุดยา
ยากลุ่มAnticancer antibiotics
กลไกการออกฤทธิ์
ยารบกวนmetabolism ของDNA แทรกเข้าไปในสายของDNA ของcancer เป็นผลให้DNAแตก ยับยะ้งเซลล์มะเร็งได้
Dactinomycin หรืือ actinomycin
กลไกการออกฤทธิ์
แทรกเข้าไปในสายDNA ยับยั้งRNA polymerase ทำให้สายsingle- strand ของDNAแตก
การนำไปใช้ทางคลินิก
ฉีดเข้าทางIV ใช้ร่วมกับยาVincristine ในการรักษา Wilms' tumor
Doxorubicin (DOX)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งtopoisomerase
แทรกเข้าไปอยู่ระหว่าง DNA base paris ในสายDNA ปิดการสังเคราะห์ DNA และRNA
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าทางIV รักษามะเร็งได้หลาชนิด รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
Bleomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์จับกับธาตุเหล็ก ได้สารประกอบเชิงซ้อนของยากับเหล็ก ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้สารอนุมูลอิสระ ทำใหเกิดการแตกสลายของสายDNA มีผลต่อเซลล์ระยะG2
การนำไปใช้ทางคลินิก
ฉีดเข้าทางIV ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดชั้นใต้ผิวหนัง รักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
Mitomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสารAlkylating agents ที่มีฤทธิ์แรงมาก ทำให้เกิดสะพานในสายDNA ยับยั้งการสัง้คราะห์DNA
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่
ผลข้างเคียง
ยาdoxorubicin มีพิษต่อหัวใจ มีผลทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
ยา bleomycin มีผลต่อปอด ทำให้ปอดอักเสบและมีผังผืดในปอด
ยาMitomycin ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไต
กดการทำงานขแงไขกระดูก
รบกวนทางเดินอาหาร เบื่ออาหาร
ผิวหนังไวต่อการฉายรังสี
หากยารั่วออกนอกหลอดเลือด จะทำให้ผิวหนังรอบๆตาย
ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ
ยากลุ่ม vinca alkaloids
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับโปรตีนtubulin ทำให้ยับยั้งสารประกอบmicrotubules ยับยั้งmitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะM phase
Vincristine (VCR):Oncovin
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic leukemia มะเร็งต่อมน้ำเหลือง Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma
Vinblastine( VLB):Velban
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้า IV ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดHodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งอัณฑะ มะเร็งเต้านม
Vinorelbine : Navelbine
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใชัรักษา non-small cell lung cancer และมะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียง
Vincistine
มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ
Vinblastine และ vinorelbine
กดไขกระดูกมากกว่า vincristine
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเดิน
อาจพบอาการการอักเสบของหลอดเลือดดำ
ยากลุ่มtaxanes
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับ beta-tubulin ทำให้เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules แต่ยับยั้งการสลายของ microtubules ทำให้การแบ่งเซลล์แบบไมโตซิสไม่สมบูรณ์
การนำไปใช้ทางคลินิก
เป็นยาฉีดเข้า IV ใช้รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งที่ศีรษะและคอ
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
Paclitaxel ถ้าใช้หลายครั้งอาจทำให้เกิดภาวะคั่งน้ำในร่างกาย
ปฏิกิริยาแพ้ยา เช่น ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก
ผลต่อทางเดินอาหาร
อวัยวะส่วนปลายบวม
ยากลุ่มฮอร์โมน
ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน (antiestrogens)
การนำไปใช้ทางคลินิก
Toremifene
ใช้รักษามะเร็งเต้านม
Raloxifene
ใช้ป้องกันการเกิดมะเร็งกระดูกพรุน
Tamoxifen
เป็นตัวเลือกแรกที่นำมารักษามะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ รบกวนทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
มีเลือดประจำเดือนผิดปกติ
ใช้ระยะยาวเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
ยาออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมน androgen (anti androgens)
การนำไปใช้ทางคลินิก
ยา Goserelin เป็นยาที่ใช้ฝังในกล้ามเนื้อ ส่วนยา Leuprolide เป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง กลุ่มยานี้ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านมในระยะแพร่กระจาย
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ในระยะแรกอาจทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตขึ้นมาก
ยากลุ่มสเตียรอยด์ ()Glucocorticoids
ผลข้างเคียง
มีโอกาสติดเชื้อง่าย กลูโคสในเลือดสูง
โรคกระดูกพรุน โรคแผลในกระเพาะอาหาร
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดHodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดALL
ยาฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin)
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเยื่อบุดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งของไต
ผลข้างเคียง
progestins เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
ยาลดระดับฮอร์โมนในร่างกาย ลดฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ยากลุ่มอื่นๆ
Asparaginase
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปเร้งปฏิกิริยา hydolysis ทำให้เซลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะนำไปสร้างการเจริญเติบโต และสร้างโปรตีน
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาALL ในเด็ก โดยใช้ร่วมกับvincristine และ Prednisone
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้
Mitotane
กลไกการออกฤทธิ์
รบกวนการทำงานของไมโตครอนเดรียในเซลล์ต่อมหมวกไตชั้นนอก ทำให้ฝ่อลงและลดการสร้างcortisol
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษามะเร็งต่อมหมวกไตชั้นนอก
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า มึนศีรษะ มีผื่น
ยามะเร็งมุ่งเป้า
ยาโมโนโคบนอลแอนติบอดี
Trastuzumab (Herceptin)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับHER-2 ซึ่่งreceptor ชนิดนี้เกี่ยวข้องกับtyrosine kinase ที่มีมากในมะเร็งเต้านม ทำให้Her-2 receptor ไม่สามารถส่งสัญญาณไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง
Rituximab (Rituxan)
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับCD20ที่ผิวของ B cell ได้ หลังจากที่จับกันแล้ว กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลลืมะเร็ง เกิดการตายของเซลล์มะเร็งในที่สุด
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดB-cell lymphoma
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิด infusion reaction เป็นอันตรายต่อชีวิต
กดไขกระดูก
Cetuximab (Erbitux)
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาดเซลล์ที่ศีรษะและคอ มะเร็งลำไส้ส่วนล่าง
ผลข้างเคียง
ในระยะแรกอาจทำให้ความดันต่ำ หายใจลำบากได้
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับที่ epidermal growth factor ทำให้ไม่สามารถไปรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้น การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
Alemtuzumab
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B-cell chronic lymphocyte leukeia
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิด infusion reaction เป็นอันตรายต่อชีวิต
เกร็ง บวม
กดไขกระดูก
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับกับCD52 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิดB cell หรือ T cell แล้วจะไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
ยาโมเลกุขนาดเล็ก
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปยับยั้งเอนไซม์"คเนส มีความสำคัญในการส่งสัญญาณให้เซลล์มะเร็งเกิดการแบ่งตัว ทำให้กระบวนการเกิดการยับยั้งการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์ ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดให่ในเซลล์มะเร็ง
Imatinib
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษา gastrointestnal stromal tumor เป็นมะเร็งลำไส้ที่พบได้น้อย และมะเร็งเม็ดเลือดขาว
Dasatinib
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด chronic myeloid leukemia และ acute lymphoblastic leukemia รักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา Imatinib
Nilotinib
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษา chronic myeloid leukemia ใช้รักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา Imatinib
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ยับยั้งเอนไซม์ CYP450
ยาต้านเชื้อราในกลุ่ม Azole และ Erythromycin ลดการทำลายและขับยาา Imatinib ทำให้ระดับยา Imatinib ในกระแสเลือดสูงขึ้น
ผลข้างเคียง
มีของเหลวคั่งในร่างกาย
พิษต่อตับ ทำให้บวมน้ำ
เกล็ดเลือดต่ำ
กดไขกระดูกทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ต่ำ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
Dasatinib และ Nilotinib ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งโดยรวม
กรณีได้รับยาครั้งแรก พยาบาลควรเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ป่วย
ประเมินสุขภาวะของผู้ป่วย
ประเมินสัญญาณชีพก่อนและหลังให้ยา
ประเมินผลข้างเคียงจากการให้ยา
กรณีได้รับาชนิดรบประทาน ควรดูแลให้ได้รับยาตามแบบแผน และดื่มน้ำมากๆ
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
ถ้าผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทของเหลวเย็น
แนะนำให้ดุแลสุขวิทยาส่วนตัว
แนะนำให้ดูแลสุขภาพปากและฟัน
หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วยโรคติดต่อ
ควรรับประทานอาหารปรุงสุก
แนะนำให้สังเกตอาการเลือดออกง่าย
ยาแบ่งตามการออกฤทธิ์เซลล์มะเร็ง
cell cycle-nonspecific drugs (CCNS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้ทุกระยะในวงจรของเซลล์ ใช้ได้ผลดีกับมะเร็งทุกขนาด
cell cycle-specific drugs (CCS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่อยู่ในระยะใดระยะหนึ่ง ใช้ได้ดีในมะเร็งที่มีอัตราการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว
ยากดภูมิคุ้มกัน
กลุ่มยาออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แคลซินิวริน
Cyclosporin A (CsA)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งเอนไซม์ calcineurin ส่งผลยับยั้งการหลั่งIL-2 จาก T cell ส่งผลให้ lymphocyte activation ลดลง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ป้องกันรักษา acute graft rejection ในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายไต ปอดและตับ
ผลข้างเคียง
พิษต่อไต
พิษต่อระบบประสาท
อาจทำให้ความดันโลหิตสูง
ยามีฤทธิ์กดไขกระดูกเพียงเล็กน้อย
Tacrolimus
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้แทนcyclosporin ในการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่าอวัยวะ
ผลข้างเคียง
เหมือนกับcyclosporin แตต่ยาไม่ทำให้เหงือกหนาและขนดก
พิษต่อระบบประสาท
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์เหมือนกับcyclosporin แต่เป็นยาใหม่กว่า
กลุ่มยาที่มีพิษต่อเซลล์
Azathioprine
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ร่วมกับยากลุ่มCorticosteroids และ Cyclosporin ในการรักษาแบบ triple therapy เพื่อป้องกัน acute graft rejection
ผลข้างเคียง
กดการทำงานของไขกระดูก
คลื่นไส้ อาเจียน เกิดพิษต่อตับ
ตัวเหลือง ตาเหลือง
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสร้าง DNA RNA และโปรตีน
Mycophenolate mofetil
การนำไปใช้ทางคลินิก
ป้องกันรักษา acute graft rejection ในผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะร่วมกับยาตัวอื่น
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูกทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำ
ตับอ่อนอักเสบ พิษต่อตา
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกาถูกเปลี่ยนเป็น mycophenolc acid มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ inosine monophosphate dehydrogenase ส่งผลยับยั้งการสร้างDNA RNA โปรตีน
Sirolimus หรือ Everolimus
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปยับยั้งการทำงานของ mammalian target of rapamycin ยับยั้งการเจริญของT cell ยับยั้งการตอบสนองของT cell ต่อ IL-2
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้เพื่อป้องกัน acute graft rejection ให้ร่วมกับcyclosporineและ corticosteroids
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ
ภาวะโพแทสเซียมต่ำ
Leflunomide
ผลข้างเคียง
พิษต่อตับ พิษต่อไต
กดไขกระดูก ทำให้เกร็ดเลือดต่ำ
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปยับยั้งการสังเคราะห์pyrimidine ส่งผลให้การสังเคราะห์DNA RNA ถูกยับยั้ง มีฤทธิ์อักเสบต้านการเจริญเติบโตของเซลล์
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
กลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์
การนำไปใช้ทางคลินิก
หากใช้ในขนาดสูง สามารถนำไปกดอาการและอาการแสดงของโรคภูมิคุ้มกันเช่น โรคSLE
ผลข้างเคียง
ขึ้นอยู่กับขนาดและระยะเวลาในการใช้ยา
ติดเชื้อง่าย อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักตัวเพิ่ม
กลไกการออกฤทธิ์
ควบคุการทำงานของยีน จับกับsteroids recepter ยับยั้งการสร้างmRNA เช่น cytokine ทำให้ lymphocyte ในกระแสเลือดลดลงทันที
กลุ่มสารยับยั้ง Cytokines
Anti-IL-2 receptor antibody
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต เพื่อป้องกันการเกิด acute graft rejection
ผลข้างเคียง
อาจพบอาการแพ้ยาได้
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการกระตุ้นlymphocyte ด้วย IL-2 ที่เป็นpathwayในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย
anti-TNF-alpha antibody
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นantibodies ที่จับกับTNF-alpha ซึ่งเป๋น cytokine เหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
ผื่นแดง คัน ปวดและบวม บริเวณที่ฉีดยา
ปวดศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้
Anti-CD2
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาผู้ป่วยสะเก็ดเงิน
ผลข้างเคียง
อาจพบอาการไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ติดเชื้อได้ง่าย
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้ง CD2 บนพื้นผิวT cell ทำให้ลดการแบ่งตัว ทำให้T cell ในกระแสเลือดลดลง
Anti-IgE mAbs
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักาาโรคหอบหืดที่เกิดจากภูมิแพ้
ผลข้างเคียง
เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเพิ่มกัน
ปวดศีรษะ ปวดบริเวณที่ฉีดยา
อาจเกิดการแพ้หลังได้รับยา2ชั่วโง
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปปิดกั้นการจับของIgE กับ Fc recepter ส่งผลให้ลดการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการแพ้แบบ hypersensitivity
Anti-lymphocyte globulin และ Antilymphocyte globulin: Lymphoglobulin, Thymoglobulin
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาภาวะปฏิเสธการปลูกถ่ายไไตแบบเฉียบพลัน ในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายไต
ผลข้างเคียง
มักมีไข้ หนาวสั่น ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
ติดเชื้อไวรัส
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดการจับโมเลกุลบนผิว T cell ทำให้ลดารแบ่งตัว ยับยั้งการกระตุ้น และเกิดการทำลาย T cell ยาออกฤทธิ์แรง
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้ยับยากดภูมิคุ้มกัน
กรณีรับยาครั้งแรก พยาบาลควรเตรียมความพร้อมของผู้ป่วย
ดูแลการได้รับยาตามแบบแผนการรักษา
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
กรณีผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ แนะนำผู้ป่วยถึงความจำเป้นในการรัประทานยาแบบกดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง
ยากดภูมิคุ้มกันหลายชนิดมีผลต่อการกดไขกระดุก ถ้ามีไข้ไม่สบาย จ้ำเลือดให้รีบไปพบแพทย์
กรณีผู้ป่วยกินยาอยู่ที่บ้านควรแนะนำให้ทานยาตรงเวลาและขนาดที่แพทย์กำหนด
ระหว่างที่ทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่ ควรระวังในการรับวัคซีนบางชนิด
แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ
แนะนำการดูแลสุขภาพของปากและฟัน