Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อ ระบบประสาทอัตโนมัติ - Coggle Diagram
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อ
ระบบประสาทอัตโนมัติ
ยาโคลิเนอร์จิก (Cholinergic Drugs)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้น Cholinergic receptor (Muscarinic และ Nicotinic receptor) โดยตรง
ทางอ้อมโดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Acetylcholinesterase (AChE) หรือ Cholinesterase (ChE) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลาย Ach
Cholinergic agonist
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหดตัว (detrusor muscle) เพิ่มความดัน กระเพาะปัสสาวะ เพิ่มการบีบตัวของท่อปัสสาวะ และการคลายตัวของกล้ามเนื้อหูรูด (sphincter) และ trigon88 ของกระเพาะปัสสาวะ
ระบบทางเดินอาหาร เพิ่มการหลั่งสารคัดหลั่ง คือ น้ำลาย และกรดในกระเพาะอาหาร ต่อมในตับ และกล้ามเนื้อ อ่อนและลำไส้เล็ก นอกจากนี้ยังกระตุ้นกล้ามเนื้อทางเดินอาหารบีบตัว (peristalsis) Sphincter ต่าง ๆ คลายตัวให้อาหารเคลื่อนผ่านไปได้
ระบบหายใจ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบหลอดลมหดตัว ต่อมในหลอดลม หลั่งสารคัดหลั่งเพิ่มขึ้น ถ้าการกระตุ้นมีมากจะเกิดอาการคล้ายหืด (asthma)
ฤทธิ์ต่อตา ทำให้ม่านตาหรี่ (miosis) เป็นผลจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ sphincter muscle ของ iris ลดความดันในเบ้าตา
ระบบไหลเวียนเลือด สาร Muscarinic agonist มีผลโดยตรงทำให้ลดความต้านทานหลอดเลือดส่วน ปลาย (peripheral vascular resistance) ทำให้หลอดเลือดขยายตัว (vasodilation) ลดความดันโลหิต ลดการเต้นของหัวใจ
ระบบประสาทส่วนกลาง สารมีฤทธิ์กระตุ้นสมองส่วน cortex มีบทบาทเกี่ยวกับการรับรู้ (cognitive function) การเคลื่อนไหว (motor Control) ความอยากอาหาร (appetite) ความปวด (nociception) และอื่น ๆ
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาต้อหิน (glaucoma) ยา Pilocarpine ชนิดหยอดใช้ในการรักษาต้อหินเฉียบพลัน โดยยามี ฤทธิ์กระตุ้นให้ม่านตาหรี่ ลดความดันในลูกตา และใช้เป็นยาหยอดตาลดความดันในลูกตาในการเตรียมผู้ป่วย ก่อนผ่าตัดตาหรือตรวจตา
ใช้รักษาอาการท้องอืด ไม่ถ่าย เช่น โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux) Bethanechot จะกระตุ้นการบีบตัว เพิ่มแรงบีบ การขับเคลื่อนอาหารในทางเดินอาหาร ในปัจจุบันมียาที่มีประสิทธิภาพดีกว่ากลุ่มนี้
ใช้รักษาระบบทางเดินปัสสาวะ Bethanechot ใช้รักษาอาการปัสสาวะไม่ออกจากหัตถการผ่าตัดจากการคลอดบุตร หรือโรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน เนื่องจากยากระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะให้มีการบีบตัวเพื่อขับปัสสาวะออกมาได้
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
Pilocarpine แบบเม็ด
อาการมึนเวียนศีรษะ (dizziness) คล้ายจะเป็นลม
อาเจียน ทำให้มีน้ำลาย น้ำมูก น้ำตาไหล เหงื่อออก ปวดปัสสาวะ ปวดมวนท้อง
Pilocarpine แบบหยอด
จะมีอาการตามัว ระคายเคือง คันตา ตาแดง น้ำตาไหล
ผลของยาเกิดจากการกระตุ้น muscarinic receptor โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่มีผลทั่วร่างกาย (systemic)
ข้อห้ามใช้
โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ (Peptic ulcer) เนื่องจากยากระตุ้นการหลั่งกรด และน้ำย่อยมากขึ้น
ผู้ป่วยลำไส้อุดตัน นิ่วทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากการกระตุ้นการบีบตัวจะก่ออันตรายได้
ผู้เป็นโรคหืด (Asthma) หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (chronic obstructive pulmonary disease) COPD) เนื่องจากจะทำให้หลอดลมหดตัว
เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการกระตุ้นระบบประสาทพาราชิมพาเทติก
Anticholinesterase agent (Cholinesterase inhibitors)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Acetylcholinesterase (AChE) หรือ Cholinesterase (ChE) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลาย Ach ผลทำให้ Ach ไม่ถูกทำลาย Ach จึงไปกระตุ้น cholinergic receptors อย่างมากทั้ง central และ peripheral nervous system การจับกับเอนไซม์ถ้าเป็นชั่วคราว
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ผลต่อ nicotinic receptor ผลต่อกล้ามเนื้อลาย การบีบตัวของใยกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีอาการสั่นพริ้ว
ผลต่อ muscarinic receptor คล้ายกับ Cholinergic agonist
ผลต่อกล้ามเนื้อเรียบและ ต่อมของกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินหายใจ ตา
ผลต่อระบบไหลเวียนอาจทำให้หัวใจเต้นช้า ลด Cardiac output ความดันโลหิตลดลง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ในการรักษาโรค Myasthenia gravis (MS)
ใช้ในการยุติฤทธิ์ของยาคลายกล้ามเนื้อกลุ่มที่เป็น competitive antagonist เพื่อให้ผู้ป่วยกลับหายใจได้ปกติเร็วขึ้นหลังการผ่าตัด
ใช้ในการรักษาอาการลำไส้ กระเพาะปัสสาวะไม่บีบตัว ได้แก่ยา Neostigmine
รักษา Alzheimer's disease ยาช่วยปรับปรุงด้านความจำ ความเข้าใจ (Cognitive) ทำให้สมองเสื่อมช้าลง
อาการข้างเคียง และความเป็นพิษ
ความดันโลหิตต่ำ
มีสารคัดหลั่งในทางเดินหายใจมาก
หัวใจเต้นช้า
หลอดลมหดเกร็ง
หายใจลำบาก
การรักษาโดยให้ยาต้านพิษ
Atropine
pralidoxime (2-PAM) เพื่อยับยั้ง Muscarinic efect
รูม่านตาเล็ก
ยาต้านมัสคารินิค (Antimuscarinic Drugs)
กลไกการออกฤทธิ์
Atropine เป็น muscarinic antagonists ออกฤทธิ์แย่งที่กับ Ach ในการจับ Muscarinic receptors แบบแข่งขัน (Competitive inhibition) ทำให้ยามีผลลด parasympathetic tone ในร่างกาย ส่วนของร่างกายที่ตอบสนองต่อฤทธิ์ยาได้ไว คือ ต่อมมีท่อต่าง ๆ เช่น ต่อมเหงื่อ ต่อมน้ำลาย และต่อมสารคัด หลั่งในทางเดินหายใจ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ต่อมเหงื่อ atropine
ทำให้ร่างกายขับเหงื่อได้น้อยลง ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อน ออกทางเหงื่อได้ อุณหภูมิของร่างกายจึงสูงเกิดไข้ เรียกว่า Atropine fever
ระบบทางเดินหายใจ
มีฤทธิ์ขยายหลอดลม (bronchodilation) ยับยั้งการหลั่งของสารคัดหลั่ง (secretion) ที่จมูก ปาก คอและหลอดลมได้
ระบบทางเดินอาหาร
การปิดกั้น muscarinic receptors ทำให้ parasympathetic tone ที่ระบบทางเดินอาหารลดลง ดังนั้นจึงลดการบีบตัวของหลอดอาหารไปจนถึงลำไส้ใหญ่ เป็นการลดทั้งความแรง และ ลดการขับเคลื่อนของกระเพาะอาหารและลำไส้
กล้ามเนื้อเรียบอื่น ๆ
ลดความตึงตัวและความแรงในการบีบตัวของท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะลำบากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ รวมถึงกล้ามเนื้อเรียบของมดลูก
ระบบตา
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบ iris sphincter และ ciliary muscle ไม่สามารถหดตัวได้จึงทำให้ม่านตาขยาย (mydriasis) ไม่สามารถควบคุมเลนส์ให้มองภาพได้ชัด (loss of accommodation) และทำให้ความดันในลูกตาสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อต้อหิน (glaucoma) นอกจากนี้ยังมีผลทำให้ตาแห้ง เนื่องจากยาไปยับยั้งการหลั่งน้ำตา
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia) เนื่องจากการลด parasympathetic tone ที่หัวใจ
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้เป็นยาขยายหลอดลม (bronchodilators)
ใช้เป็นยาเตรียมผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด (anesthetic prermedication) Atropine ยับยั้งการหลั่งกรด น้ำย่อย น้ำลาย
ใช้ทางจักษุแพทย์
ใช้เป็นยารักษาโรคพาร์กินสัน
ใช้รักษาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวมากเกินไป (overactive bladder)
รักษาภาวะล้มเหลวของระบบไหลเวียนโลหิต Atropine
ใช้เป็น Antispasmodics
ยาลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในช่องท้อง กระเพาะอาหารและลำไส้ หรือมดลูก
ใช้เป็นยาป้องกันและรักษาอาการเมารถ เมาคลื่น (antimotion-sickness)
Antisecretory
รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
ใช้เป็นยาต้านพิษ (Antidote) ที่เกิดจาก organophosphate
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ใจสั่น
ร้อนวูบวาบทางผิวหนัง
ตาพร่ามัว
ท้องผูก
คอแห้ง
ปัสสาวะลำบาก
ปากแห้ง
ยากระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (Adrenergic drugs)
กลุ่ม Catecholamines ได้แก่ Epinephrine, Norepinephrine (NE), Dopamine (DA) และ Dobutamine
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ผลต่อเมแทบอลิซึม ผลต่อตับ เพิ่มการสลาย glycogen และ สร้าง glucose จาก lipid และโปรตีนผ่าน a1, B2 receptor เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มการสลายเนื้อเยื่อไขมัน ผ่าน B2-63 receptor เพิ่ม free fatty acid
ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine effect) ตับอ่อนลดการหลั่ง insulin ผ่าน G2 receptor เพิ่มการหลั่ง glucagon ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
ผลกระตุ้นหัวใจ กระตุ้นเพิ่มอัตราการเต้นและแรงบีบของกล้ามเนื้อหัวใจ เพิ่มความเร็วในการส่งสัญญานไฟฟ้าที่ AV node โดยผ่าน B1-receptor
ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ตื่นตัวและลดความอยากอาหาร
ผลต่อกล้ามเนื้อเรียบ การกระตุ้นผ่าน B2-receptor ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลายขยาย ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อหลอดลม (Bronchodilation) ทางเดินอาหารและกล้ามเนื้อมดลูก
ผลต่อตา (Eye effect) การกระตุ้น d receptor ที่ radial muscle ของม่านตา ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว มีผลให้รูม่านตาขยาย ผลต่อ B receptor ทำให้เพิ่มการสร้างน้ำลูกตา
ระบบไหลเวียนเลือด การกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดให้หดตัว (vasOConstriction) ผ่าน Q1 receptor ได้แก่ หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนัง อวัยวะภายใน ไต และเยื่อเมือก
Alpha-adrenergic agonist (C-agonist)
Alpha-1 agonist
Phenylephrine
เป็นยาออกฤทธิ์จำเพาะต่อ a1- receptor ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอด เลือดหดตัว เพิ่มแรงต้านในหลอดเลือดและเพิ่มความดันโลหิต
ยารูปแบบรับประทานหรือแบบพ่นจมูก
หลอดเลือดในเยื่อเมือกในโพรงจมูกหดตัว
ใช้เป็นยาบรรเทาอาการคัดจมูก (nasat decongestant)
ใช้เป็นยาหยอดขยายม่านตา
ยาเมื่อใช้บ่อย ๆในการพ่นจมูกจะเกิดการดื้อยาและเยื่อโพรงจมูกกลับบวมขึ้นหลังหยุดยา (rebound congestion)
Midodrine
เป็นยาออกฤทธิ์จำเพาะต่อ ai - receptor ทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้ความ ดันโลหิตเพิ่ม ออกฤทธิ์นาน 3-4 ชั่วโมง ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการ postural hypotension หรืออาการหน้ามืดจากความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
Alpha-2 agonist
ออกฤทธิ์กระตุ้น G2- receptor ที่สมองและหลอดเลือด สามารถผ่านสมองใช้เป็นยาลดความดัน
โลหิต
ชนิดรับประทานและแผ่นแปะผิวหนัง ทำให้ลดการหดตัวของหลอดเลือด ลดความต้านทานของหลอด
เลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง
ยามีฤทธิ์เป็น G2-agonist มีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงที่ a2-adrenergic receptor
ประโชน์ทางคลินิก
รักษาอาการขาดเหล้า หรือ อาการถอนพิษ (withdrawal) ของสุรา
เฮโรอีนและมอร์ฟีน คือ ยาช่วยลดอาการ ทางระบบประสาทซิมพาเทติกที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการหยุดยาเสพติดได้
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง เป็นยาที่เลือกใช้ในสตรีตั้งครรภ์
รักษาอาการร้อนวูบวาบใน สตรีวัยหมดประจำเดือน และยังใช้ร่วมกับยาอื่นในการระงับปวดจากมะเร็ง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย
ปากแห้ง
ท้องผูก
ซึมเศร้า
เบื่ออาหาร
ทำให้ ง่วง
Beta-adrenergic agonist
ยากลุ่มนี้ใช้เป็นยาขยายหลอดลมสำหรับใช้แก้การเกิดหลอดลมตีบแคบ มักใช้ในโรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ยาในรูปสูดพ่นออกฤทธิ์เฉพาะที่ ทำให้ผลข้างเคียงต่ำ
ปัจจุบันยากลุ่มนี้นิยมใช้ร่วมกับ corticosteroid เพื่อลดการอักเสบของทางเดินหายใจ
ไม่มีใช้ทางคลินิก สำหรับยาที่จำเพาะต่อ B2- receptor แบ่งตามระยะเวลาการออกฤทธิ์
B2 adrenergic agonist
ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น (Short-Acting Beta Agonists, SABAs)
ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาว (Long-acting beta agonists, LABAs)
ยาในกลุ่มนี้อาจแบ่งเป็นกลุ่มที่มีความจำเพาะกับไม่จำเพาะต่อ 3-receptor subtype
ß3 adrenergic agonist
Mirabegron เป็นยาออกฤทธิ์จำเพาะต่อ B3-receptor มีผลให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะคลายตัวใช้ในการรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ (overactive bladder)
Indirect-acting and mixed-type adrenergic agonist
Ephedrine & pseudoephedrine
ส่วน pseudoephedrine เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมีใช้อย่างจำกัดในโรงพยาบาล
อาการข้างเคียง
ความดันโลหิตสูง
นอนไม่หลับ
หัวใจเต้นเร็ว
ยา Ephedrine ไม่ได้ใช้ทางคลินิกแล้ว
Amphetamine
ผลเด่นชัดต่อระบบประสาทส่วนกลาง ผลต่ออารมณ์ จิตใจ บุคลิกภาพ เพิ่มความตื่นตัว ลดความรู้สึก
อ่อนล้า ลดความอยากอาหาร มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีอารมณ์ครื้นเครง จนกระทั่งมีอาการเคลิ้มเป็นสุข
อาการข้างเคียง
นอนไม่หลับ
กระสับกระส่าย
อาจก้าวร้าว
ประสาทหลอน
เพ้อคลั่ง
วิตกกังวล
หวาดระแวง
อาจทำให้เกิดการติดยาและต้องเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย
เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางที่มีความแรงสูง ออกฤทธิ์
โดยตรง (adrenergic receptor) และทางอ้อม
Epinephrine (Adrenaline)
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ระบบหายใจ ทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจคลายตัว หลอดลมขยายตัว
ผลต่อเมตาบอลิซึม ภายในร่างกายทำให้กลูโคสและ Lactose ในเลือดสูง
ระบบทางเดินอาหาร มีผลทำให้กล้ามเนื้อเรียบของทางเดินอาหารคลายตัว กล้ามเนื้อหูรูดบีบตัว
ยาเข้าสู่สมองได้น้อยจึงไม่มีฤทธิ์กระตุ้นสมอง
ระบบไหลเวียนโลหิต มีฤทธิ์แรงที่ในการบีบหลอดเลือดและกระตุ้นหัวใจ เนื่องจากยามีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง เพิ่มทั้งอัตราการเต้นและแรงบีบตัวของหัวใจ มีผลเพิ่มความดันโลหิต
การนำไปใช้ทางคลินิก
ภาวะแอนาฟิแล็กซิส (anaphylaxis) เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน ที่เกิดจากการแพ้ยา แพ้สารต่าง ๆ
ใช้เพื่อห้ามเลือด (Topical hemostasis) ประคบเฉพาะที่บริเวณเยื่อเมือก ลดอาการเลือดออก
. ภาวะหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest) เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ
ใช้ผสมยาชาเฉพาะที่ ใช้ใน spinal block เพื่อช่วยให้ออกฤทธิ์นานขึ้น ลดการแพร่กระจายของยาชาออกไป
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นสาร agonist ออกฤทธิ์กระตุ้นได้ทั้ง ๔ (G1 และ 2) และ B (B1 และ82) receptor ถูกทำลายอย่างรวดเร็วโดย MAO และ COMT ดังนั้นให้โดยการรับประทานไม่ได้
Norepinephrine / Noradrenaline (Levophed)
ประโยชน์ทางคลินิก
รักษาความดันโลหิตต่ำรุนแรง ที่ไม่ตอบสนองต่อยาอื่น
Dopamine; DA (Dopaminex, Dopmin, Intropin
DA ขนาด ปานกลาง กระตุ้น B1 receptor เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ เพิ่มอัตราการเต้นหัวใจเพียงเล็กน้อย ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่ต้องใช้ออกซิเจนมากขึ้น มีประโยชน์ในภาวะหัวใจล้มเหลวและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
DA ในขนาดสูงกระตุ้น ai receptor ทำให้เกิดหลอดเลือดหดตัว (vasOConstriction) เพิ่มความดันโลหิต
ประโยชน์ทางคลินิก รักษาภาวะช็อกจากหัวใจ (Cardiogenic shock) จากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction)
DA ในขนาดต่ำ (renal dose) กระตุ้น D1- receptors ทำให้เกิด vasoditation ของหลอดเลือดในไต และหลอดเลือดในหัวใจ Coronary มี ผลเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงที่ไต (glomerular filtration rate; GFR) เพิ่มการขับโซเดียมทางปัสสาวะ จึงมีประโยชน์ในการรักษาภาวะช็อกที่เกิดจาก Cardiac Output ลดลงร่วมกับการทำงานของไตไม่ดี
Dobutamine
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ระบบไหลเวียน หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปอดบวมน้ำ เจ็บหน้าอก (ความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นใน ผู้ป่วย hyperthyroidism)
ระบบประสาท วิตกกังวล ปวดศีรษะ อาการสั่น อาจเกิด cerebral hemorrhage
ยาปิดกั้นอะดรีเนอร์จิครีเซพเตอร์ (Adrenoceptor blocking drugs)
d-adrenergic antagonists
ยากลุ่มนี้ไม่แนะนำให้ใช้เป็นยาอันดับแรกในการลดความดันโลหิตแต่อาจใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง ที่มีโรคต่อมลูกหมากโตร่วมด้วย
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
การที่ความดันโลหิตต่ำในขณะเปลี่ยนอิริยาบถ (postural hypotension) ซึ่งมักพบบ่อยจากการใช้ยาในระยะแรกๆ
ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ลดความต้านทานของหลอดเลือดแดง
ยาที่มีใช้ในปัจจุบัน คือ selective Gi-antagonist
B-adrenergic antagonists (ß-blocker)
Non-selective B-blocker löuri propranolol, Timolol, Sotalol
ประโยชน์ในการรักษา
ลดอาการใจสั่น และมือสั่นในผู้ป่วยที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ (hyperthyroidism) และลดหัวใจเต้นเร็ว หรือป้องกันอาการใจสั่นจากสาเหตุต่าง ๆ
ลดอาการตื่นเต้นได้ง่ายทำให้เกิดภาวะสงบ
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง โดยใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะหรือยาขยายหลอดเลือด เนื่องจากการขัดขวางที่ B receptor ลดการกระตุ้นหัวใจ และลดความดันโลหิต
รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ (supraventricular และ ventricular arrhythmias)
Selective B-blocker
ใช้ ป้องกันไมเกรน
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ระบบหายใจ
จากการปิดกั้นตัวรับ B2 อาจทำให้หลอดลมตีบแคบ ผู้ป่วยโรคหอบหืดไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้หัวใจเต้นผิดจังหวะ แม้ว่ายากลุ่มนี้จะรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ระบบประสาท
อาจพบอาการ ปวดศีรษะ วิงเวียน นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า
ระบบหัวใจและหลอดเลือด propranolol
ทำให้หัวใจเต้นช้า เกิดจากการปิดกั้นตัวรับ 8 ที่หัวใจ และหลอดเลือด และ atrioventricular block
ยากลุ่มนี้มีผลกับระบบต่อมไร้ท่อและกระบวนการเมแทบอลิซึม จึงอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือด ต่ำ จากการตอบสนองเพิ่มระดับน้ำตาลผิดปกติ
ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง หัว ใจเต้นผิดจังหวะ เจ็บหน้าอก