Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ - Coggle Diagram
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ
การดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคล
การส่งเสริมสุขอนามัย
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสุขอนามัยส่วนบุคคล
ถิ่นที่อยู่
การดำเนินชีวิตภายใต้ถิ่นที่อยู่ที่แตกต่างกัน เช่น การดำเนินชีวิตใน
เขตเมือง และเขตชนบท จะมีการใช้ชีวิตและมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันส่งผลให้การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลมีความแตกต่างกันอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
ภาวะเจ็บป่วย
ในภาวะการเจ็บปุวย อาจส่งผลในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลดลง
สิ่งแวดล้อม
ในฤดูร้อนอุณหภูมิจะสูงทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าวบุคคลที่อาศัยอยู่ในที่อากาศร้อนก็จะอาบน้ำ หรือลูบตัวบ่อยครั้ง อากาศร้อนทำให้คนเรามีเหงื่อไคลและกลิ่นตัวที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขอนามัยเพิ่มมากขึ้น
ภาวะสุขภาพ
เมื่อมีการเจ็บปุวยที่รุนแรงหรือเรื้อรัง หรือเจ็บปวดหรือมีการเจ็บปุวยทางสุขภาพจิต ทำให้ขาดความสนใจ
เพศ
ความแตกต่างของเพศจะมีความต้องการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน
การศึกษา
บุคคลที่มีการศึกษา มักจะศึกษาค้นคว้า และมีความรู้ในการดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทราบถึงประโยชน์ และโทษของการดูแลสุขอนามัย
อายุ
เด็กเล็กไม่สามารถดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลได้ด้วยตนเองผู้ปกครองต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้สูงอายุที่ความสามารถในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลดลงผู้ดูแลต้องให้การดูแลทดแทนแบบพึ่งพา
เศรษฐกิจ
บุคคลที่มีฐานะดี ย่อมมีโอกาสเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บารุงผิว ผม ปาก ฟัน และให้เวลากับดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลมากขึ้น
อาชีพ
คคลที่มีอาชีพเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจะมีความรู้ ความเข้าใจและให้ความสำคัญของการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลต่อการดำเนินชีวิต
ประจำวัน
ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ และวัฒนธรรมของแต่ละบุคคล
จะเป็นผลต่อการดูแลตนเองเกี่ยวกับสุขอนามัยส่วนบุคคล
ความชอบ
ความชอบของแต่ละบุคคล อาจไม่เหมือนกัน บางคนชอบโกนหนวดก่อนอาบน้ำ แต่บางคนชอบโกนหนวดหลังอาบน้ำ บางคนชอบอาบน้ำอุ่น หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพต่างตามความต้องการ
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
3.การพยาบาลตอนบ่ายหรือตอนเย็น
หน้าที่ของพยาบาลเวรเช้า หากทำกิจกรรมภายในช่วงก่อนเวลา 16.00 น. หากทำในช่วงเวลาตอนเย็น จะเป็นหน้าที่ของเวรบ่ายในการดูแลทำความสะอาด
4.การพยาบาลตอนก่อนนอน
หน้าที่ของพยาบาลเวรบ่าย เป็นการพยาบาลที่ให้การดูแลเรื่องการให้หม้อนอนหรือกระบอกปัสสาวะ การล้างมือ ล้างหน้าทำความสะอาดปากฟัน การนวดหลัง การจัดท่าให้ผู้ปุวยได้พักผ่อนอย่างสุขสบาย
2.การพยาบาลตอนเช้า
หน้าที่ของพยาบาลเวรเช้าที่จะให้การพยาบาลภายหลังผู้ปุวยรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เป็นการพยาบาลเพื่อดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลประจำวัน
5.การพยาบาลเมื่อจ าเป็นหรือเมื่อผู้ปุวยต้องการ
พยาบาลให้การพยาบาลตามความต้องการของผู้ปุวยตลอด 24ชั่วโมง
1.การพยาบาลตอนเช้าตรู่หรือเช้ามืด
หน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลเวรดึก ที่ให้การพยาบาลตอนเช้าตรู่หรือเช้ามืด เมื่อผู้ป่วยตื่นนอนแล้ว พยาบาลจะดูแลผู้ป่วย
ความสำคัญของการส่งเสริมสุขอนามัย
การดูแลสุขภาพตนเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ปฏิบัติกันมาช้านาน การทำความสะอาดร่างกายตนเองเป็นพฤติกรรมสุขภาพขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ทุกวัน เพื่อสร้างความมั่นใจ ในการอยู่รวมกับสังคมได้อย่างมีความสุข
การดูแลความสะอาดส่วนต่างๆร่างกาย
7.การดูแลความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ
เครื่องใช้
2.รถเข็นสระผมเคลื่อนที่ พร้อมถังรองน้ำทิ้ง
ผ้ายางรองสระผม
ถุงมือสะอาดและmask
4.เครื่องเป่าผม
1.ถาดใส่ยาสระผมหวีหรือแปรงผม ที่หนีบผ้า (ถ้าใช้ผ้ายางเป็นอุปกรณ์รองรับน้ำจากศีรษะ)ผ้าเช็ดตัว 2 ผืนสำลี 2ก้อน ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก 1 ผืนแก้วน้ำ และน้ำมันมะกอก (ถ้ามี)
วิธีปฏิบัติ
3.จัดผู้ป่วยนอนหงายทแยงมุมกับเตียง ให้ศีรษะอยู่ริมเตียง นำผ้าเช็ดตัวม้วนกลมรองไว้ใต้คอผู้ป่วย
4.รองผ้าเช็ดตัววางบนผ้าม้วนกลม แล้วรองผ้ายางบนผ้าเช็ดตัวผืนนั้น เพื่อช่วยซับน้ำหากหกไหลเลยผ้ายางออกไป และใช้เช็ดผมเมื่อสระเสร็จแล้ว
2.วางของใช้บนรถเข็นสระผมเคลื่อนที่นำไปที่เตียง จัดวางเครื่องใช้ให้สะดวกแก่การหยิบใช้
ใช้เครื่องเป่าผม เป่าผมให้แห้ง หวีผมให้ได้ทรง ถ้าผมยาวควรรวบผมมัดให้เรียบร้อย
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
5.เลื่อนรถสระผมฯเทียบกับขอบเตียงวางศีรษะผู้ปุวยบนผ้าผืนที่ม้วนรองใต้คอจัดชายผ้ายางให้ลงในอ่างล้างผมใช้ไม้หนีบผ้าหนีบผ้ายางให้ติดกัน
6.ใช้หวีหรือแปรงสางผมให้ทั่ว
ใช้สำลีชุบน้ำบีบให้หมาดใส่หูข้างละก้อน ป้องกันน้ าเข้าหู
8.ใช้แก้วน้ำตักน้ าราดผมพอเปียก เทแชมพูใส่มือถูกัน ชโลมแชมพูให้ทั่วศีรษะ
9.ใช้แก้วน้ำตักน้ำราดผมให้ทั่วโดยราดน้ าที่ละครึ่งศีรษะ ใช้มือลูบฟองยาสระผมจนหมด ทำการสระผมอีกครั้ง ทำเหมือนข้อ 8และ 9
รวบปลายผมบิดให้หมาด เอาสำลีออกจากหู และคลี่ผ้าปิดตาทำเป็นสามเหลี่ยมโดยเอาสายผ้าแต่ละข้างเช็ดใบหู รูหูและหน้าหูและหลังหู จนสะอาดทั่ว
เก็บของใช้ไปท าความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ปลดผ้ายางออกจากคอผู้ปุวย รวบลงอ่างสระผม ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนที่รองใต้ผ้ายางสระผม เช็ดผมให้หมาดพันรวบผม และบอกให้ผู้ป่วยลงนั่งหรือย้ายศีรษะผู้ป่วยวางบนหมอน
ลงบันทึกทางการพยาบาล
วัตถุประสงค์
2.ความสุขสบายและสดชื่นของผู้ป่วย
3.ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ป่วยและรู้สึกมีความมั่นใจ
1.ขจัดความสกปรกและสารที่ใส่บนผม และหนังศีรษะเพื่อการตรวจรักษา
2.การดูแลความสะอาดปากและฟัน
วัตถุประสงค์
2.กำจัดกลิ่นปาก ลมหายใจสดชื่น ป้องกันฟันผุ
3.ลดการอักเสบของเหงือก กระพุ้งแก้ม
1.ปากและฟันสะอาด มีความชุ่มชื่น
4.สังเกตฟัน เหงือก กระพุ้งแก้มลิ้น มีแผล หรือการติดเชื้อ หรือเลือดออกหรือฝ้าในช่องปาก
หลักการทำความสะอาดปากและฟัน
2.ผู้ป่วยที่มีปัญหาในช่องปาก มีแผล ปากแห้ง ไม่สามารถรับประทาน
อาหารและน้ำทางปากได้ ต้องทำความสะอาดปากและฟันให้ทุก2ชั่วโมง
3.ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว พยาบาลต้องทำความสะอาดปากและฟันให้เป็นพิเศษ สำลีที่ใช้เช็ดทำความสะอาดต้องเปลี่ยนบ่อย
1.แปรงฟันทุกซี่ ทุกด้าน นาน 5นาที เพื่อขจัดคราบหินปูน และเศษอาหารในเวลาเช้า หลังอาหารทุกมื้อและก่อนนอน
วิธีการทำความสะอาดปากและฟันผู้ป่วยที่ช่วยตนเองได้
3.ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูง หรือท่านั่ง เพื่อความสะดวกของผู้ป่วย
4.ล้างมือและสวมถุงมือ เพื่อปูองกันจุลินทรีย์ จากน้ำในช่องปากผู้ป่วยสู่พยาบาล
2.นำเครื่องใช้ไปที่เตียงผู้ป่วย เพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน
5.ปูผ้ากันเปื้อนใต้คาง วางชามรูปไตใต้คาง ให้ผู้ปุวยช่วยถือไว้ หรือวางบนโต๊ะคร่อมเตียง (over bed)เพื่อป้องกันเสื้อผ้าและที่นอนเปียก
1.พยาบาลแนะนำตนเอง บอกให้ผู้ปุวยทราบและอธิบายวัตถุประสงค์
และวิธีการทำความสะอาดปากและฟันอย่างง่ายเพื่อความร่วมมือ
ให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด และแปรงฟันตามขั้นตอน
1.แปรงฟันบนด้านนอกและด้านใน วางแปรงหงายขึ้น วางขนแปรงที่รอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน เอียงแปรงทำมุม 45องศา
8.เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
9.ลงบันทึกทางการพยาบาล
2.แปรงฟันล่าง วางขนแปรงที่รอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน เอียงแปรงทำมุม 45องศา บนฟัน 2-3ซี่ และปัดขนแปลงลงล่าง ผ่านตลอด ตัวฟัน ทำจนครบทุกซี่ทั้งด้านนอกและด้านใน
3.วางขนแปรงบนด้านบนของฟันบดเคี้ยว แปรงถูไปมาทั้งฟันบนและฟันล่าง
4.บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด
5.ควรแปรงลิ้น
6.ให้บ้วนปากและกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากเพื่อให้ปากสะอาดสดชื่น
7.ถ้าริมฝีปากแห้ง ให้ทาด้วยวาสลินทาปาก หรือครีมป้องกันปากแห้งแตก เพื่อให้ริมฝีปากนุ่ม ไม่แตก
การทำความสะอาดปากฟัน ในผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองได้น้อยเครื่องใช้
1.syringe 10 cc
2.ลูกสูบยางแดง (baby ball หรือ syringe ball)
3.น้ำยาบ้วนปาก เช่นน้ำเกลือ น้ำยาบ้วนปาก (special mouth wash)
4.แก้วน้ำ
สารหล่อลื่นทาริมฝีปาก เช่น วาสลินทาปาก เป็นต้น
5.ไม้พันสำลี
3%hydrogen peroxide
6.ชามรูปไต
ไม้กดลิ้นหรือไม้กดลิ้นพันสำลี
วิธีทำความสะอาดปากฟันผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
3.ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำยาบ้วนปาก
4.ทำความสะอาดเหมือนการแปรงฟันด้านนอกและเหงือกให้ทั่วอย่าง
ถูกวิธี
2.ตรวจดูสภาพของปากและฟัน
5.ใช้ไม้กดลิ้น พันด้วยผ้าก๊อซเพื่อช่วยอ้าปาก
1.ใช้ลูกสูบยางดูดน้ำฉีดล้างช่องปากและในซอกระหว่างกระพุ้งแก้มและฟัน ปล่อยให้น้ำไหลลงชามรูปไตที่รองไว้
6.ตรวจดูสภาพของเยื่อบุปาก เหงือก ฟัน และลิ้น
7.ทำความสะอาดเหมือนการแปรงฟันด้านใน ด้านบดเคี้ยวให้ทั่ว
8.สูบฉีดล้างช่องปากให้ทั่ว ดูดน้ำออกให้หมด หากมีน้ำเหลือค้างอยู่อาจทำให้สำลักได้ ปลดเครื่องถ่างปากออก
9.เช็ดปากให้ผู้ปุวย ถ้าริมฝีปากแห้งทาด้วยวาสลิน
เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
9.กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคลของผู้ป่วย
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
-มีความทนในการท ากิจกรรมลดลงเนื่องจากเหนื่อยง่ายจากการเป็นโรค.....
-การเคลื่อนไหวร่างกายบกพร่องงเนื่องจากเป็นอัมพาต...
-ไม่สนใจดูแลความสะอาดร่างกายด้วยตนเองเนื่องจากมีความเครียดเกี่ยวกับ......
-พร่องความสามารถในการดูแลความสะอาดร่างกายเนื่องจาก....
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
-ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
-ประเมินผลคุณภาพการบริการ
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
-กำหนดวัตถุประสงค์ และเกณฑ์การประเมิน
-เลือกกิจกรรมการดูแล เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงตามข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาความต้องการของผู้ป่วย
การประเมินผู้ปุวย(Health assessment)
-ประเมินความชอบ ความเชื่อและวัฒนธรรมของผู้ปุวย
-ประเมินผิวหนัง ช่องปาก เส้นผมและหนังศรีษะ ตา หู จมูก
-ประเมินระดับความสารถในการดูแลตนเอง
-ประเมินปัญหาและความเสี่ยงของการรักษาและอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดูแล
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ปฏิบัติการดูแลความสะอาดร่างกาย การอาบน้ำ การนวดหลัง การทำความปากและฟัน เส้นผมและหนังศรีษะ และอวัยวะสืบพันธุ์
3.การดูแลความสะอาดของเล็บ
จุดประสงค์
1.ให้เล็บสะอาด และสุขสบาย
2.ป้องกันการเกิดเล็บขบ
เครื่องใช้
2.อ่างใส่น้ำอุ่น
ถุงมือสะอาด และmask
1.ถาดใส่สบู่ ผ้าถูตัว ผ้าเช็ดตัว กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ กระดาษรอง
วิธีการปฏิบัติ
5.ยกอ่างน้ าออก เช็ดมือหรือเท้าให้แห้ง
6.ปูกระดาษรอง ตัดเล็บให้ปลายเล็บตรงและข้างไม่โค้งไม่ตามซอกเล็บ ปลายเล็บควรปล่อยให้ยาวกว่าปลายนิ้ว
4.ใช้ผ้าเช็ดตัวถูสบู่พอกขัดตามซอกเล็บ ง่ามนิ้ว
7.ใช้ตะไบถูเล็บให้ขอบเล็บเรียบ
3.คลี่ผ้าเช็ดตัวรองอ่างน้ำ แช่มือ หรือเท้าสักครู่เพื่อให้เล็บและขี้เล็บอ่อนตัว ช่วยให้ตัดเล็บและแคะสิ่งสกปรกที่เล็บออกได้ง่ายขึ้น
8.เปลี่ยนน้ า ล้างมือหรือล้างเท้าอีกครั้งหนึ่ง เช็ดให้แห้ง
2.ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงผู้ป่วย จัดวางให้เรียบร้อยเพื่อสะดวกในการใช้
เก็บของใช้ไปท าความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
ลงบันทึกทางการพยาบาล
6.การดูแลทำความสะอาดของจมูก
เครื่องใช้
ผ้าก๊อซ
ชามรูปไต
ไม้พันสำลีขนาดเล็ก4-8 อัน
กระดาษเช็ดปาก
1.ถาดใส่แก้วใส่น้ าสะอาดหรือ 0.9%NSS
อับสำลีชุบแอลกอฮอล์70% สำลีชุบเบนซินและสำลีชุน้ำเกลือใช้ภายนอก
พลาสเตอร์ ถุงมือสะอาดและmask
วิธีปฏิบัติ
2.ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงของผู้ป่วยจัดวางให้สะดวกในการใช้
3.จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงาย ศีรษะสูง(ถ้าไม่มีข้อห้าม)เพื่อจัดท่าที่เหมาะสม
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
4.สวมถุงมือและmask
5.ใช้สำลีชุบเบนซินเช็ดคราบพลาสเตอร์ออก และเช็ดส่วนที่เป็นยางเหนียวของพลาสเตอร์บนผิวหนังออกให้หมด เช็ดด้วยสำลีชุบน้ำเกลือ และเช็ดตามด้วยสำลีชุบ แอลกอฮอล์
เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
6.ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำหรือ0.9% NSS บีบพอหมาด เช็ดในรูจมูกเบาโดยรอบ ถ้ามีสายคาที่จมูกอยู่ ให้เช็ดรอบสายที่คาอยู่ในจมูก
ลงบันทึกทางการพยาบาล
7.ถ้ามีสายที่คาในรูจมูก ใช้ผ้าก๊อซเช็ดสายที่คาในจมูกส่วนที่อยู่นอกจมูก รวมทั้งบริเวณจมูกให้สะอาดและแห้ง
จุดประสงค์
2.ป้องกันสารคัดหลั่งแห้งยึดขนจมูกกับสายที่คาไว้
3.ป้องกันการเกิดแผลกดทับที่ด้านในรูจมูกจากสายที่คาไว้
1.กำจัดสิ่งขับถ่ายและสิ่งสกปรกภายในจมูก
9.การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของชายและหญิง
การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของผู้ชาย เครื่องใช้
2.ถุงมือสะอาด
หม้อนอน(bed pan) พร้อมผ้าคลุมหม้อนอน (bed pad)ผ้ายางผืนเล็ก
1.ผ้าปิดตา
ถาดใส่ของประกอบด้วย
4.1น้ำเกลือ (0.9% NSS) ใช้ภายนอกหรือน้ำสะอาด
4.2 น้ำสบู่ หรือสบู่เหลว
4.3 ชุดชำระ (P-careset)ประกอบด้วยชามกลม (bowl) ส าลีก้อนใหญ่สำหรับชำระ 7 ก้อนและปากคีบ (forceps) 1 ตัว
4.5 กระดาษช าระ 2-3 ชิ้น
4.4ภาชนะใส่ขยะ หรือกระโถน
วิธีปฏิบัติ
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
ยกเครื่องใช้ไปที่เตียง ปิดประตูหรือกั้นม่านให้มิดชิดเพื่อความเป็นส่วนตัวและลดความเขินอาย
ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือและmask และใช้ผ้าปิดตาผู้ป่วย
4.จัดผู้ป่วยให้นอนหงาย (dorsal position) เปิดเฉพาะส่วนอวัยวะสืบพันธุ์
5.ให้ผู้ป่วยยกก้น สอดหม้อนอนด้านแบบเข้าใต้ตะโพก และจัดหม้อนอนตรงพอดีกับก้น
วางภาชนะใส่ขยะหรือกระโถนไว้ใกล้หม้อนอน และชุดชำระไว้ด้านปลายเท้า
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง มาที่เตียงให้ครบถ้วน วางไว้ในที่เหมาะสม
8.ใช้ forceps ใน setหยิบสำลีออกจากชามกลมวางบนผ้าห่อ 4ก้อนวางforcepsบนผ้าห่อ
9.เทน้ำสบู่ หรือสบู่เหลวบนสำลีในชามกลมพอประมาณ
ใช้มือข้างซ้ายจับองคชาต(penis )แล้วค่อยรูดหนังหุ้มปลาย
11.เท0.9% NSS หรือน้ำอุ่น บนสำลีในชามพอประมาณเช็ดก้อนที่ 4, 5 และ 6 เช็ดเหมือน ก้อนที่ 1-3ด้วย ส่วนก้อนที่ 7 ใช้เช็ดสะอาดให้เรียบร้อย
เลื่อนbed panออก คลุมด้วยbed pad และเลื่อนผ้ายางผืนเล็กออก
เอาผ้าปิดตาออก จัดใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยและจัดให้นอนในท่าที่สุขสบาย
เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
2.การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของผู้หญิง
เครื่องใช้
(เหมือนกับการท าความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกชาย)
วิธีปฏิบัติ
วางภาชนะใส่ขยะหรือกระโถนไว้ใกล้หม้อนอน และชุดชำระไว้ด้านปลายเท้า
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง มาที่เตียงให้ครบถ้วน วางไว้ในที่เหมาะสม หยิบใช้สะดวกเปิด P-care set
5.ให้ผู้ป่วยยกก้น สอดหม้อนอนด้านแบบเข้าใต้ตะโพก และจัดหม้อนอนพอดีตรงก้น
8.ใช้ forceps ใน setหยิบสำลี4 ก้อนออกจากชามกลมส าลีวางบนผ้าห่อของ แล้ววางforcepsบนผ้าห่อของด้วย
9.เทน้ำสบู่ หรือสบู่เหลวบนสำลีในชามกลมพอประมาณ
4.จัดผู้ป่วยให้นอนหงาย คลุมผ้าห่มตามแนวขวาง เลื่อนผ้านุ่งขึ้นไปถึงเอว
ใช้หัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือข้างซ้ายแหวก labia ออก และใช้มือขวาอีกข้างหนึ่งหยิบ forcepsคีบส าลีในชาม ก้อนที่ 1 เช็ดระหว่างlabiamajoraและlabiaminora ไกลตัว ก้อนที่ 2 เช็ดระหว่างlabiamajoraและlabiaminoraใกล้ตัว ก้อนที่ 3 เช็ดตรงกลางผ่าน urethra meatusและ vaginal orifice จนถึง anus วางforcepsลง เทน้ าสบู่ที่เหลือลงบริเวณ vulva
ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือและmask และใช้ผ้าปิดตาผู้ป่วย
ให้ผู้ปุวยวางขาลง เอาผ้าปิดตาออก จัดใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยและจัดให้นอนในท่านอนหงายราบ
ยกเครื่องใช้ไปที่เตียง ปิดประตูหรือกั้นม่านให้มิดชิดเพื่อความเป็นส่วนตัวและลดความเขินอาย
เก็บของใช้ไปท าความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
11.เท0.9% NSS หรือน้ าสะอาดบนส าลีในชามกลมพอประมาณเช็ดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยวิธีเดียวกันก้อนที่ 4, 5 และ 6 ส่วนสำลีก้อนที่ 7 ใช้เช็ดสะอาดให้เรียบร้อย
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบ
เลื่อนbed panออก คลุมด้วยbed pad ปิด และเลื่อนผ้ายางผืนเล็กออก
ลงบันทึกทางการพยาบาล
5.การดูแลทำความสะอาดของหู
เครื่องใช้
ผ้าสะอาด
ชามรูปไต
ส าลีสะอาดหรือไม้พันสำลี 4 อัน
กระดาษเช็ดปาก
1.0.9%NSSหรือน้ าสะอาด
วิธีปฏิบัติ
2.ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงของผู้ป่วยจัดวางให้สะดวกในการใช้
3.จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงาย เอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อจัดท่าที่เหมาะสม
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
4.สวมถุงมือและmask
ใช้สำลีชุบ0.9%NSSหรือน้ำสะอาดเช็ดท าความสะอาดในช่องหู ใบหู และหลังใบหู แล้วเช็ดด้วยผ้าสะอาดจนแห้ง
เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
จุดประสงค์
1.กำจัดสิ่งสกปรกภายในช่องหู
2.ทำความสะอาดใบหูและหลังใบหู
4.การดูแลความสะอาดของตา
จุดประสงค์
2.ความสุขสบายของผู้ป่วย
3.ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ปุวย
1.กำจัดขี้ตา ทำให้ดวงตาสะอาด
เครื่องใช้
1.ถาดใส่อับส าลีชุบ 0.9% NSS และชามรูปไต
2.ถุงมือสะอาดและmask
วิธีปฏิบัติ
2.ยกของใช้ไปที่เตียงผู้ป่วย จัดวางให้สะดวกในการใช้
3.จัดให้ผู้ปุวยนอนนอนตะแคงด้านที่ต้องการทำความสะอาดเพื่อปูองกันมิให้น้ำยาและสิ่งสกปรกจากตาข้างที่ต้องการทำความสะอาดไปปนเปื้อนตาอีกข้างหนึ่ง
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบ
ลงบันทึกทางการพยาบาล
4.ใส่ถุงมือสะอาดเพื่อปูองกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
5.ใช้สำลีชุบ 0.9%NSS พอหมาด เช็ดจากหัวตาไปหางตา ถ้าขี้ตาแห้งติดหนังตาหรือขนตา
เก็บของใช้ทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยสำลีทิ้งลงถังขยะติดเชื้อ
6.พลิกตัวผู้ปุวยตะแคงด้านตรงข้าม และทำความสะอาดตาอีกข้างหนึ่งด้วยวิธีเดียวกัน
7.สังเกตลักษณะและจำนวนของขี้ตา
1.การดูแลความสะอาดของผิวหนัง/การอาบน้ำ(Bathing)
2.การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงเฉพาะบางส่วน (Partial bath)
เป็นการท าความสะอาดร่างกายผู้ปุวยที่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
3.การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงชนิดสมบูรณ์ (Completebed bath
เป็นการท าความสะอาดร่างกายโดยการอาบน้ำเช็ดตัวให้ผู้ปุวยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งหมดหรือผู้ป่วยที่จำกัดการเคลื่อนไหว
บนเตียง
1.การอาบน้ำที่ห้องน้ำ(Bathing in bath room/ Shower)
การช่วยเหลือพาผู้ป่วยไปทำความสะอาดร่างกายในห้องน้ำ โดยมากเป็นการอาบโดยใช้ฝักบัว หรือตักน้ำอาบร่างกาย
จุดประสงค์
2.ให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย สดชื่นและผ่อนคลาย
3.ประเมินการเคลื่อนไหวของร่างกายและส่งเสริมการออกกำลังกายของข้อต่างๆ
1.กำจัดสิ่งสกปรก ที่สะสมบนผิวหนังและส่งเสริมความมั่นใจในตนเอง
4.สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและปูองกันแผลกดทับ
การนวดหลัง(Back rub or back massage)
จุดประสงค์การนวดหลัง
ป้องกันแผลกดทับ
3.ให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดความตึงตัว
1.กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
4.กระตุ้นผิวหนังและต่อมเหงื่อให้ทำงานดีขึ้น
5.สังเกตความผิดปกติของผิวหนังบริเวณหลัง
หลักการนวดหลัง
3.ไม่นวดแรงเกินไปจนผู้ปุวยเจ็บ
นวดเป็นจังหวะสม่ าเสมอ
2.ไม่นวดบริเวณที่มีการอักเสบ มีแผล กระดูกหัก ผู้ป่วยโรคหัวใจภาวะมีไข้ โรคผิวหนังโรคมะเร็งระยะลุกลามแพร่กระจาย
เลือกใช้แปูงหรือโลชันหรือครีมเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
1.จัดท่าให้ผู้ป่วยสุขสบาย
ใช้เวลานวดประมาณ 5-10 นาที
เครื่องใช้
ครีมหรือโลชั่นทาตัวหรือแป้ง
ผ้าห่ม 1 ผืน และผ้าเช็ดตัว 1ผืน
วิธีปฏิบัติ
นำเครื่องใช้ต่าง มาวางที่โต๊ะข้างเตียง กั้นม่านให้มิดชิด
ล้างมือ
แนะนำตนเองบอกให้ผู้ป่วยทราบและอธิบายวัตถุประสงค์
4.จัดท่านอนคว่ำและชิดริมเตียงด้านพยาบาลยืนมีหมอนเล็กรองใต้หน้าอก ศีรษะไปข้างใดข้างหนึ่ง มือเหยียดตรงไปตามลำตัวถ้านอนคว่ำไม่ได้ให้นอนตะแคง เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สบายและพยาบาลนวดหลัง ได้สะดวก
สวมเสื้อผ้าให้ผู้ป่วยและจัดให้นอนในท่าที่สบาย
5.เลื่อนผ้าห่มมาบริเวณก้นกบ ปูผ้าเช็ดตัวทับบนผ้าห่ม ถ้านอนตะแคงให้
ปูผ้าเช็ดตัวตามแนวยาวบนหลังผู้ป่วย เพื่อปูองกันผ้าปูที่นอนเปื้อนและไม่ให้ผู้ปุวยรู้สึกอาย
เก็บของเครื่องใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ทาแป้งหรือทาครีมหรือโลชั่น(เพียงอย่างเดียว)
7.นวดบริเวณหลังเรียงลำดับตามขั้นตอนดังนี้
7.2 Frictionเป็นการใช้ฝุามือลูบแบบถูไปมาตามแนวยาวของกล้ามเนื้อไหล่(trapezins) กล้ามเนื้อสีข้าง(latissimus dorsi) ทั้งสองข้างนิ้วชิดกัน วางฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนกล้ามเนื้อแล้วถูขึ้นลงสลับกันตามกล้ามเนื้อ ทำอย่างน้อย 12 ครั้ง
7.3 Kneadingเป็นการบีบนวดกล้ามเนื้อ
วิธีที่ 1 วางนิ้วก้อย นิ้วนางนิ้วกลางและนิ้วชี้ แนบแนวกระดูกสันหลัง พร้อมปลายนิ้วหัวแม่มือบีบกล้ามเนื้อไขสันหลัง (erector spinous) เข้าหากันทำพร้อมกันทั้งสองมือ
วิธีที่2ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองมือกดและบีบข้างกระดูกสันหลังเข้าหากันและคลายออกทำซ้ำประมาณ 5-6 ครั้ง
7.1 Strokingเป็นการลูบตามแนวยาวใช้ฝุามือทั้งสองข้างวางที่บริเวณก้นกบ ค่อย ลูบขึ้นตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอ ให้น้ าหนักกดลงที่ปลายนิ้วแล้วอ้อมมาที่ไหล่ สีข้าง และตะโพกท าช้า
เป็นจังหวะประมาณ 3-5ครั้ง
7.4 Beatingเป็นการก ามือหลวม ทุบเบา บริเวณกล้ามเนื้อแก้มก้น (glutealmuscle)ใช้กำมือหลวม ทั้งสองข้างทุบเบา และเร็ว สลับขึ้นลงบริเวณกล้ามเนื้อแก้มก้น ทำอย่างน้อย 12 ครั้ง
7.5 Hackingเป็นการใช้สันมือสับเบา ใช้สันมือด้านนิ้วก้อยสับสลับกันเร็ว โดยการกระดกข้อมือสับขวางตามใยกล้ามเนื้อบริเวณตะโพก ก้นและต้นขาทำซ้ำประมาณ10 ครั้ง
7.6 Clappingเป็นการใช้อุ้งมือตบเบา โดยห่อมือให้ปลายนิ้วชิดกันทั้งสองข้าง ให้เกิดช่องว่างตรงกลางฝุามือตบเบา สลับมือกัน โดยกระดกข้อมือขึ้นลงทั่วบริเวณหลัง ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง
7.7 Strokingท าเหมือนข้อ 7.1ท าซ้ าประมาณ 5-6 ครั้ง
7.5 Hackingเป็นการใช้สันมือสับเบา ใช้สันมือด้านนิ้วก้อยสับสลับกันเร็ว โดยการกระดกข้อมือสับขวางตามใยกล้ามเนื้อบริเวณตะโพก ก้นและต้นขาทำซ้ำประมาณ10 ครั้ง
ลงบันทึกทางการพยาบาล
การส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
2.ความสำคัญของการพักผ่อนและการนอนหลับ
สงวนพลังงานพลังงานที่ใช้ของร่างกายและสมองจะลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงตื่น
ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และความจำ เนื่องจากการนอนหลับในระยะ
ซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่
ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ส่งเสริมการเจริญเติบโตซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
3.ผลกระทบจากปัญหาการนอนหลับ
2.ผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์
ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ได้ง่ายอาจมีอาการเซื่องซึมและหงุดหงิดโมโหง่าย
3.ผลกระทบต่อสติปัญญาและการรับรู้
เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอทำให้การปฏิบัติกิจกรรมในช่วงกลางวันลดลงสมาธิไม่ดีและแก้ไขปัญหาได้ช้า
1.ผลกระทบต่อร่างกาย
ทำให้เกิดอาการเปลี่ยนแปลงต่าง เช่นอาการเมื่อยล้าคลื่นไส้อาเจียนท้องผูกปวดศีรษะวิงเวียนเหมือนบ้านหมุน
4.ผลกระทบทางสังคม
บุคคลที่นอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลทางสังคม
วงจรการนอนหลับ
1)ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep: NREM)
ระยะที่ 2 (หลับตื้น)การหลับในช่วงต้น เป็นสภาพที่ไม่ได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอก เป็นระยะแรกที่มีการหลับอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน ระยะนี้จะถูกปลุกให้ตื่นได้โดยง่าย
ระยะที่ 3 (หลับปานกลาง)ทั้งคลื่นสมองและชีพจรจะเต้นช้าลง ความมีสติรู้ตัวจะหายไป การเคลื่อนไหวของตาจะหยุดลง
ระยะที่ 1 (เริ่มมีความง่วง)เป็นช่วงเริ่มหลับที่เปลี่ยนจากการตื่นไปสู่
การนอน ในคนทั่วไปใช้เวลาตั้งแต่ 30 วินาที -7 นาทีเป็นสภาพที่แม้
จะได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็จะตื่น
ระยะที่ 4 (หลับลึก)เป็นช่วงหลับสนิทของการนอน ใช้เวลา 30-50 นาที หากว่าร่างกายนอนหลับโดยปราศจากระยะที่ 4 นี้ อาจมีการนอนละเมอหรือฝันร้ายได้
2) ช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM)
เป็นช่วงที่กล้ามเนื้อต่าง ของร่างกายแทบจะหยุดการทำงานกันหมด
6.การส่งเสริมการพักผ่อนการนอนหลับ
การจัดสิ่งแวดล้อม
อุณหภูมิ
เสียง
ความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องใช้
กลิ่น
กลิ่นหอม
กลิ่นเหม็น
ความสะอาด
6.แสงสว่าง
ความเป็นส่วนตัว และมิดชิดอย่างปลอดภัย
ความอบอุ่น และความประทับใจในบุคลิกภาพของพยาบาล
การจัดท่าทางสำหรับผู้ป่วย
Fowler’s position เป็นท่านอนราบศีรษะสูง 30-90 องศา เป็นท่านอนที่สุขสบายและเพื่อการรักษา ท่านี้ลักษณะคล้ายท่านั่งบนเตียง สะดวกสำหรับให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมบนเตียง
Prone position เป็นท่านอนคว่ำ เป็นท่านอนที่สุขสบายสำหรับ
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว แต่มีการหายใจปกติ
Dorsal position (supine position) เป็นท่านอนหงายราบ ขาชิดติดกันใช้ในการตรวจร่างกายทั่วไป เป็นท่านอนที่จัดขึ้นเพื่อความสุขสบาย
4.Laterral position เป็นท่านอนตะแคง สำหรับผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
5.Sitting position ท่านั่งสำหรับผู้ป่วยที่เปลี่ยนอิริยาบถและพักผ่อนได้อย่างมีความสุข
4.ปัจจัยที่มีผลต่อการพักผ่อนและการนอนหลับ
ปัจจัยภายใน
1) ปัจจัยส่วนบุคคล
1)อายุ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลง
โดยมีผลต่อวงจรการนอนหลับ
2)เพศ โดยธรรมชาติแล้วเพศชายจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการนอนหลับได้เร็วและมากกว่าเพศหญิง 10-20 ปี เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น
2) ความไม่สุขสบาย
2)การใส่สายยางและท่อระบายต่าง จากสายยางและท่อระบายต่าง
3)ท่านอนที่ไม่เหมาะสม
1) ความเจ็บปวด พบว่าความเจ็บปวดเป็นปัจจัยกวนการนอนหลับด้านร่างกายมากที่สุด
4)อาการคลื่นไส้ อาเจียน มักพบหลังจากได้รับยาระงับรู้สึกทั่วร่างกาย
5) ภาวะไข้หลังผ่าตัด การมีอุณหภูมิร่างกายสูงหลังผ่าตัดเป็นปฏิกิริยา การตอบสนองของร่างกาย จะมีไข้ต่ำ หลังการผ่าตัด 3-4 วัน ทำให้เกิดความไม่สุขสบาย และนอนไม่หลับได้
3)ความวิตกกังวล
ความกลัวและความวิตกกังวลในเรื่องต่าง เป็นปัจจัยรบกวนคุณภาพของการนอนหลับ
ปัจจัยภายนอก
2) อุณหภูมิ อุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงเกินไปจะทำให้ผู้ปุวยกระสับกระส่ายเพิ่มขึ้น และตื่นบ่อยขึ้น
3) แสงแสงเป็นปัจจัยที่รบกวนการนอนหลับ
1) เสียงเสียงเป็นปัจจัยสำคัญที่เกิดขึ้นในขณะนอนในโรงพยาบาล
แหล่งของเสียงรบกวนพบบ่อยที่สุด
4) ความไม่คุ้นเคยต่อสถานที่สิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาล
5) กิจกรรมการรักษาพยาบาล
7) ยายาที่รบกวนการนอนหลับ
6) อาหารการรับประทานอาหารที่มีสารทริพโทแฟ็น
5.การประเมินคุณภาพการนอนหลับและ การนอนหลับที่ผิดปกติ
1.Insomnia
2) การนอนหลับไม่เพียงพอระยะสั้น
3) การนอนหลับไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง
1)การนอนหลับไม่เพียงพอชั่วคราว
2.Hypersomnia
เป็นการนอนหลับมาก หรือง่วงนอนมากกว่าปกติ
3.Parasomnia
2) ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงจากหลับมาตื่น หรือจากตื่นมาหลับ
3) กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นขณะหลับชนิดที่มีการกรอกตา
1) ความผิดปกติของการตื่น
4) กลุ่มอื่นๆ
ผลที่เกิดจาการนอนหลับผิดปกติ
ผลจากการนอนไม่เพียงพอในการนอนชนิด REM
ผลในภาพรวมจะทำให้การทำงานของร่างกายขาดประสิทธิภาพจากร่างกายอ่อนล้า และขาดสมาธิ
ผลจากการนอนไม่เพียงพอในการนอนชนิด NREM
7 การทำเตียง
การทำเตียง มี 4 ชนิด
2) การท าเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงได้ (Open/unoccupied bed)
3) การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงไม่ได้ (Occupied bed)
1) การทำเตียงว่าง (Close bed)
4) การทำเตียงรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผู้ป่วยที่ได้รับยาสลบ(Surgical/ether/anesthetic bed)
เครื่องใช้
กระบอกฉีดน้ าผสมผงซักฟอก ถังน้ าสะอาด และผ้าเช็ดเตียง
ถังใส่ผ้าเปื้อน
เครื่องผ้า โดยเรียงลำดับการปูเตียงก่อนหลัง
2.ผ้ายางขวางเตียง (ถ้าจ าเป็น)
3.ผ้าขวางเตียง
ผ้าปูที่นอน
4.ปลอกหมอน
5.ผ้าคลุมเตียง
6.ผ้าห่ม
ถุงมือสะอาด ผ้ากันเปื้อนพลาสติก และmask
หลักปฏิบัติการทำเตียง
2.จัดบริเวณรอบ ให้สะดวกต่อการปฏิบัติ
3.วางผ้าให้จุดกึ่งกลางของผ้าทับลงตรงจุดกึ่งกลางของที่นอน
เตรียมของพร้อมใช้ตามลำดับก่อนหลังและวางให้ง่ายในการหยิบใช้สะดวก
ควรทำเตียงให้เสร็จทีละข้าง โดยเริ่มจากผ้าปูที่นอน ผ้ายางขวางเตียง ผ้าขวางเตียง ใส่ปลอกหมอน
5.คลุมผ้าคลุมเตียง วางผ้าห่มและและผ้าเช็ดตัวที่ราวพนักหัวเตียง จัดโต๊ะข้างเตียงให้เรียบร้อย
ไม่ควรสะบัดผ้าหรือปล่อยให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่สัมผัสกับเครื่องใช้ของผู้ป่วย
7.หากมีปูเตียงที่มีผู้ป่วยควรแจ้งให้ผู้ป่วยทราบก่อนการปฏิบัติ
รักษาท่าทางให้อยู่ในลักษณะที่ดี
หันหน้าไปทิศทางในงานที่จะทำ ไม่ควรบิดหรือเอี้ยวตัว
ควรใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ในการหยิบของและควรย่อเข่าแทนการก้มทำงานอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ
ยึดหลักการทำเตียงให้เรียบ ตึง ไม่มีรอยย่น สะอาด ไม่เปียกชื้น
วิธีปฏิบัติ
ถอดนาฬิกา และสวมmask
สวมถุงมือและผ้ากันเปื้อนพลาสติก เพื่อปูองกันสิ่งสกปรกปนเปื้อนเชื้อตนเอง
ล้างมือให้สะอาดก่อนจัดเตรียมเครื่องใช้และสิ่งแวดล้อม เตรียมของใช้ให้พร้อมนำไปที่เตียงผู้ป่วย
นำเครื่องผ้าที่เตรียมไว้ที่เรียงลำดับการใช้ มาพาดไว้ที่ปลายเตียงด้านโต๊ะข้างเตียง หรือบนเก้าอี้ที่สะอาด
นำถังที่สะอาด และกระบอกฉีดน้ำผสมผงซักฟอก และผ้าเช็ดเตียงวางไว้ใต้เตียง
เก็บเยือกน้ำ แก้วน้ำ กระโถน และเครื่องใช้อื่น จัดบริเวณเตียงให้มีที่ว่างพอควร ไขเตียงให้ราบ
วางหมอนที่พนักหัวเตียงหรือบนตู้ข้างเตียง สำรวจรอยชำรุดของที่นอนหากมีส่งซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่
รื้อผ้าทุกชิ้นโดยดึงชายผ้าที่เหน็บไว้ใต้ที่นอนออกมาทั้งหมด
ฉีดน้ำผสมผงซักฝอก เพื่อทำความสะอาดที่นอนและเตียง
คลี่ผ้าปูที่นอนให้รอยพับกึ่งกลางตามความยาวของผ้าอยู่ตรงกึ่งกลางที่นอนเพื่อให้ชายผ้าเท่ากันทั้งสองข้างและเหน็บผ้าปูที่นอนเข้าใต้ที่นอนทั้งหัวเตียงและปลายเตียงให้เรียบร้อยแล้วทำมุมชายธงทั้งสองข้าง
ล้างถังน้ำ ผึ่งให้แห้งก่อนเก็บเข้าที่
เก็บของใช้เข้าที่ให้เรียบร้อย
ปูผ้ายางในลักษณะขวางกับเตียงบนผ้าปูที่นอนระหว่างกึ่งกลาง ของเตียงโดยให้ห่างจากหัวเตียงประมาณ 18 นิ้ว เพื่อปูองกันไม่ให้ผ้าปูที่นอนเปื้อน
ถอดถุงมือ ถอดmask และล้างมือให้สะอาดเช็ดให้แห้ง
ปูผ้าขวางเตียงทับบนผ้ายางในลักษณะเดียวกันแล้วเหน็บผ้าส่วนที่ขวางลงใต้ผ้ายางประมาณ 2 นิ้วเพื่อเป็นการปูองกันผ้ายางถูกผิวหนังผู้ป่วย
ปูผ้าห่ม แบบเดียวกับผ้าปูที่นอน คลุมหมอนให้มิดชิด แต่ทำชายธงเฉพาะปลายเตียงไม่ต้องเหน็บผ้าด้านข้าง
จัดเตียงและตู้ข้างเตียงให้เข้าที่ทิ้งผ้าที่เปลี่ยนแล้วในถังผ้าเปื้อน
เก็บเหยือก และแก้วน้ำทำความสะอาด ผึ่งให้แห้งก่อนเก็บเข้าที่
ลงบันทึกทางการพยาบาล
8.กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการพักผ่อนและการนอนหลับ
1.การประเมินภาวะสุขภาพ
ลับได้น้อยมากในเวลากลางคืน พอหลับได้บ้างใน เวลากลางวันแต่หลับไม่สนิท และมีความกังวลเรื่องส่วนตัวที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
2.การวินิจฉัยทางการพยาบาล(Nursing diagnosis)
พักผ่อนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเนื่องจากมีความวิตกกังวล
3.การวางแผนการพยาบาล(Planning)
เพื่อให้ผู้ปุวยได้พักผ่อนได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายและปลอดภัย
การปฏิบัติการพยาบาล(Implementation)
แจ้งให้ผู้ป่วยทราบเรื่องแขกผู้มาเยี่ยม เพื่อขอความร่วมมือ
6.ไม่ให้ดื่มน้ำหลัง 6โมงเย็น เพื่อไม่ให้ลุกขึ้นถ่ายปัสสาวะตอนกลางคืน
4.จัดกิจกรรมการพยาบาลเป็นช่วง ไม่รบกวนการนอนของผู้ปุวย
7.งดกาแฟ ชา โค้ก ก่อนนอน
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบ แสงสว่างเพียงพอ ขจัดสิ่งรบกวน
ให้มีกิจกรรมท าในตอนกลางวัน เช่น การอ่านหนังสือ ดูทีวี เป็นต้น
2.ประเมินคุณภาพการนอนหลับทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
9.สร้างสัมพันธภาพให้ผู้ปุวยไว้วางใจและระบายความวิตกกังวล
ประเมินสาเหตุและแบบแผนการนอนตามปกติ(แบบแผนที่ 5)
10.สอนเรื่องเทคนิคการคลายเครียด และการจัดการกับความเครียด
11.พิจารณาให้ยาคลายเครียด ตามแผนการรักษา และดูแลความปลอดภัย อาจเกิดอุบัติเหตุ
5.การประเมินผลการพยาบาล(Evaluation)
ผลการประเมินคุณภาพการนอนหลับเชิงปริมาณไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 80
ผลการประเมินคุณภาพการนอนหลับเชิงคุณภาพผู้ปุวยนอนหลับสนิทได้มากขึ้นผู้ปุวยบอกว่า “นอนหลับสบายดีนอนหลับเต็มอิ่ม” และพยาบาลสังเกตว่าผู้ปุวยนอนหลับได้มากขึ้น และไม่แสดงอาการอ่อนเพลีย
1.ความหมายของการพักผ่อนและการนอนหลับ
การพักผ่อนของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
1.Absolute bed rest
เป็นการพักผ่อนโดยให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียง ไม่ให้ร่างกายออกแรงในกิจกรรมใด ที่จะทำให้รู้สึกเหนื่อย ห้ามลุกออกจากเตียง การทำกิจกรรมการพยาบาล พยาบาลจะต้องเป็นผู้จัดกิจกรรมให้
Bed rest
เป็นการพักผ่อนโดยให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียง สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามความสามารถของผู้ป่วย