Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta Previa) - Coggle Diagram
ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta Previa)
ประวัติอาการ และอาการแสดงดังนี้
เลือดอออกทางช่องคลอดเป็นสีแดงสด แต่ไม่มีอาการปวดท้อง
ตรวจร่างกายพบมดลูกนุ่มไม่มีการหดรัดตัวของมดลูก หรือมดลูกแข็งเกร็ง กดไม่เจ็บ คลำทารกได้
ฟัง FHS ได้ 120-126 bpm(อยู่ในเกณฑ์ปกติ)
การตรวจพิเศษที่สำคัญเพื่อวินิจฉัยแยกโรคภาวะเลือดออกทางช่องคลอดของสตรีตั้งครรภ์
การซักประวัติ ได้แก่ ประวัติการมีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่มีอาการเจ็บครรภ์หรือปวดมดลูกและไม่มีอาการนำและประวัติลักษณะ สี ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด
การตรวจร่างกาย ตรวจพบเลือดออกทางช่องคลอด ลักษณะเลือดสีแดงสด ภาวะซีดที่สัมพันธ์กับปริมาณเลือดที่ออก
การตรวจครรภ์ พบมดลูกนิ่ม ไม่หดรัดตัว กดไม่เจ็บ คลำส่วนของทารกได้ง่าย ฟังเสียงหัวใจทารกได้ ทารกมักอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่ากัน ท่าขวาง เป็นต้น ส่วนนำลอย เนื่องจากมีรกเกาะต่ำขัดขวางการเข้าช่องเชิงกราน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจ complete blood count พบ ค่า hemoglobin ลดลง
5.การตรวจพิเศษ การวินิจฉัยการตรวจด้วยคลื่นสียงความถี่สูงทางช่องคลอดและตรวจขอบรก (placental edge)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการมีเลือดออกทางช่องคลอดได้แก่ ภาวะ Fetal distress และภาวะช็อคจากการเสียเลือด
ข้อมูลสนับสนุน
S:จากการสอบถามหญิงตั้งครรภ์บอกว่า “ทำงานเป็นพนักงาน 7-11 ยืนทำงานตลอดทั้งวัน1 วันก่อนมาโรงพยาบาลไปทำงานที่ 7-11 เหมือนทุกวัน แต่วันนี้ลูกค้าเยอะจึงทำให้ต้องเดินทั้งวัน หลังเลิกงานรู้สึกปวดตึง ๆ หน่วงตรงท้องน้อย แต่ไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ลูกดิ้นดี กลับบ้านตอนเย็นรู้สึกอาการปวดตึงท้องลดลง นอนพักหลับได้ แต่พอตื่นนอนตอนเช้า มีเลือดอออกทางช่องคลอดเป็นสีแดงสด แต่ไม่มีอาการปวดท้องไม่มีชิ้นเนื้อหลุดออกทางช่องคลอด”
O:จากประวัติการตั้งครรภ์สตรีตั้งครรภ์ G1P0 GA 31 สัปดาห์ - ตรวจร่างกายพบมดลูกนุ่ม, กดไม่เจ็บ, คลำทารกได้ - จากการสอบถามหญิงตั้งครรภ์มีเลือดอออกทางช่องคลอดเป็นสีแดงสด แต่ไม่มีอาการปวดท้องไม่มีชิ้นเนื้อหลุดออกทางช่องคลอด
กิจกรรมการพยาบาล
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวทราบ และเข้าใจถึงภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้น แนวทางการรักษา พยาบาลที่จะได้รับและความจำเป็นจะต้องนอนพักรักษา
ประเมินอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด เช่น อาการ และอาการแสดงของภาวะช็อค
จัดให้นอนพักผ่อนบนเตียงควรมีกิจกรรมเท่าที่ รวมถึงอาจใช้ร่วมกับผ้ายืดพันขา เพื่อ ป้องกันภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือด
ใส่ผ้าอนามัยเพื่อประเมินเลือดที่ออก ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างน้อยทุก 8 ชั่วโมง หรือเมื่อสกปรก ถ้าพบเลือดออก มากผิดปกติรายงานแพทย์เพื่อตรวจรักษา
ให้งดน้ำและอาหารทางปาก ดูแลให้ได้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
งดการตรวจภายในทางช่องคลอดและทาง ทวารหนัก รวมทั้งงดการสวนล้างช่อง คลอด การใช้ยาระบาย และงดการสวนอุจจาระในระยะ ก่อนคลอด
7.เจาะเลือดส่งตรวจหาระดับความเข้มข้นของ เลือดทั้ง ฮีโมโกลบิน ฮีมาโตคริต
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ (fetal heart sound [FHS]) ทุก 1 ชั่วโมง ระวังไม่ต้องกดและคลำหน้า ท้องมาก
ดูแลให้สตรีตั้งครรภ์ รู้สึกผ่อนคลาย และได้รับ การตอบสนองตามความต้องการ
รับฟังสิ่งที่สตรีตั้งครรภ์พูดคุยด้วยท่าทีที่สนใจ เป็นกันเอง ปลอบโยน ให้เกิดกำลังใจ และความมั่นใจ ตอบข้อซักถามด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อหญิงตั้งครรภ์และทารก
เกณฑ์การพยาบาล
หญิงตั้งครรภ์ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะช็อค เช่นหน้ามืด ใจสั่น มือเย็น ซีด วิงเวียนศีรษะ
ฟังเสียงอัตราการของหัวใจทารกในครรภ์มีค่าปกติ 110-160 bpm
หญิงตั้งครรภ์มีสัญญาณชีพที่เป็นปกติ ได้แก่
Respiratory rate 16-20 ครั้ง/นาที
Pulse rate 60-100 ครั้ง/นาที
Blood pressure systolic 90-120 mmHg. diastolic 60-90 mmHg.