Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา - Coggle Diagram
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา
ความหมายของยา หมายถึง สารหรือสารเคมีซึ่งฤทธิ์
ต่อสิ่งมีชีวิต โดยทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา หรือทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพ ใช้ในการป้องกัน วินิจฉัย และบําบัดรักษาโรคต่าง ๆ ในคนและสัตว์
ความสำคัญของยา
ยาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการรักษาความเจ็บป่วย โดยทั้งการบำบัด บรรเทาอาการทุกข์ทรมาน เช่น อาการไข้ปวด หรือคัน และโดยการกำจัดสาเหตุของโรค เช่น ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เป็นต้น แต่ทุกสิ่งในโลกย่อมมีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัวเอง จึงต้องมีความระมัดระวังในการใช้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สุงสุด และมีโทษน้อยสุด
วิถีทางการให้ยา
1.การให้ยาผ่านทางเดินอาหาร
1.1 การรับประทาน (Oral ingestion)
1.2 การอมใต้ลิ้น (Sublingual administration)
2.การให้ยาโดยไม่ผ่านทางเดินอาหาร
2.1 กาารให้ยาฉีด (Injection)
2.2 การให้ยาเฉพาะที่ (Topical application)
2.3 การให้ยาชนิดสูดดม (Inhalation)
รูปแบบของยาเตรียม (Dosage forms)
1.รูปแบบยาเตรียมที่เป็นของแข็ง (Solid dosage form) ได้แก่ ยาเม็ด (Tablet) ยาแคปซูล ( Capsule) ยาผง (Powder)
2.รูปแบบยาเตรียมที่เป็นของเหลว(Liquid dosage form) ได้แก่ ยาน้ำแขวนละออง (Emulsion) ยาน้ำแขวนตะกอน (Suspension)
3.รูปแบบของยาเตรียมที่เป็นกึ่งของแข็ง (Semisolid dosage form) ได้แก่ ครีม (Cream) ยาขี้ผึ้ง (Ointment) เพสท์ (Paste) ยาเหน็บ (Suppositories)
การบริหารยา (Administration)
ยาก่อนอาหาร
ควรรับประทานในช่วงท้องว่าง ก่อน15-30นาที
ยาหลังอาหาร
ควรรับประทานหลังอาหารไม่เกิน30นาที
ยาหลังอาหารทันที
ควรรับประทานหลังอาหารทันที
ยาพร้อมอาหาร
ให้ทานอาหารครึ่งหนึ่งแล้วทานยา
ยาก่อนนอนหรือหลังอาหารเย็น
รัปประทานก่อนนอนหรือหลังอาหารเย็น 15-30 นาที
ยารับประทานเวลามีอาการ
ควรรับประทานเมื่อมีอาการเท่านั้น
แหล่งที่มาของยา
ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ได้แก่ พวกสมุนไพร ซึ่งได้มาจาก พืช สัตว์ และแร่ธาตุ
ยาสังเคราะห์
ยาแผนปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ส่วนใหญ่ได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมี อาจเป็นยาสังเคราะห์เลียนแบบสารที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ยาคลอแรมเฟนิคอล หรือเป็นอนุพันธ์ของสารที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาสังเคราะห์ที่มิได้ปรากฎในธรรมชาติ เช่น ยาอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ สารสังเคราะห์หรือกึ่งสังเคราะห์เหล่านี้อาจมีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาใกล้เคียง หรือแตกต่างจากสารที่ได้จากธรรมชาติก็ได้
การเรียกชื่อยา
-
ชื่อสามัญ(Generic name)
เป็นการเรียกชื่อยาที่สำคัญทางการเเพทย์และสาธารณสุข เนื่องจากถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นชื่อมาตรฐานในการสื่อสารกัน แทนการใช้ชื่อทางเคมีซึ่งมีการจดจำได้ยาก
-ชื่อทางเคมี(Chemical name)
เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามระบบการอ่านชื่อทางวิทยาศาสตร์ โดยสามารถแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างของยา แต่เป็นชื่อที่มีความหมายซับซ้อน จึงมักใช้เป็นชื่ออ้างอิงทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
-ชื่อทางการค้า(Trade name)
เป็นชื่อที่บริาัทผู้ขายตั้งขึ้น เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ยา โดยมักเป็นชื่อที่จดจำได้ง่าย และมีความน่าสนใจ ทั้งนี้มักจะมีสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วกำกับชื่อยาอีกด้วย
หลักการใช้ยาในกลุ่มเสี่ยง
ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
เพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย การใช้ยาทุกครั้งจึงจ าเป็นต้องยึดหลักการใช้ยาที่ถูกต้อง 5 ประการ (5 Rights) ได้แก่ ใช้ยาถูกคน (Right patient) ใช้ยาถูกชนิด (Right drug) ใช้ยาถูกขนาด(Right dose) ใช้ยาถูกเวลา (Right time) และใช้ยาถูกวิธี (Right route)
ควรคำนึงถึงวิธีการบริหารยา (Route of drug administration) เพื่อให้ตัวยาสำคัญไปยังบริเวณที่ออกฤทธิ์ในขนาดที่ต้องการและเห็นผลในการรักษา โดยก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยน้อยที่สุด