Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่2 หลักการดำเนินและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อทางศาสนา(ศาสนาพุทธและศาสน…
บทที่2
หลักการดำเนินและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อทางศาสนา(ศาสนาพุทธและศาสนาพราห์ม-ฮินดู)
2.1 การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาพทุธ(พทุธศาสนิกชน)
พทุธศาสนากับความจริงสูงสุด4ประการ
กฏไตรลักษณ์ (The three characteristics of existence) : อนิจจัง ทุก ขัง อนัตตา
อริยสัจ (The four noble truths): ทุกข์ สมุทัย (เหตุของทุกข์ )นิโรธ(ผลของทุกข์)มรรค (วิธีดับทุกข์)
3.ปฏิจจสมุปบาท กระบวนธรรมของจิตในการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์ใช้ในการปฏิบัติเพื่อการดับไปแห่งทุกข์
นิพพาน (Nirvana) ความดับสนิทของตัณหา การสิ้นไปของราคะ โทสะ โมหะ อายตนะ(สิ่ง)นั้นจะไม่มีอยู่
กฏไตรลักษณ์ (THE THREE CHARACTERISTICS OF EXISTENCE)
อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง
ทุกขัง คือความทุกข์ถูกบีบคั้น ไม่สมอยากต้ังอยู่ไม่ได้ อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง
หลักปรมัตถธรรมหรืออริยสัจ4 ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
1.ทกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะบีบคั้นกดดัน ขัดแย้ง มีความบกพร่อง
2.สมุทัย คือ เหตุเกิดแห่งทุก เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
3.นิโรธ คือ ความดับทุกข์ดับความอยาก สิ้นราคะตันหา สิ้นโทสะ สิ้นโมหะ
4.มรรค คือ ทางปฏิบัติในการออกจากทุกข์ 8ประการ
มรรค 8
สัมมาวาจา ควบคมวาจาของตน ไม่กล่าวเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ
สัมมากัมมันตะ การประพฤติที่ถูกต้อง รักษากริยาทางกาย ไม่ทำร้ายทำลายชีวิตบุคคลอื่น ไม่ลักขโมยฉ้อโกง ไม่ละเมิดทางเพศ
สัมมาสังกัปปะ มีความคิดถูกต้อง คู่กับสัมมาทิฏฐิ
สัมมาอาชีวะ ประกอบอาชีพในทางสุจริต เว้นจากการค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ ยาพิษ เนื้อ สุรา ไม่ข่มขู่ เจ้าเล่ห์
สัมมาทิฏฐิ มีความถูกต้อง ความไม่รู้ก่อให้เกิดความเห็นผิด
สัมมาวายามะ พยายามที่จะหยุดความคิดที่ชั่ว ควบคมตนเอง มีวินัยในตนเอง ไม่ปลุกเร้าและหยุดอกุศลวิตก
สัมมาสติ การรู้สึกตัวอยู่เสมอ ใจมีสติกำกับ กำหนดการเคลื่อนไหวของกาย กำหนดทความรู้สึกเวทนา เจ็บ
สัมมาสมาธิ การทที่ใจสงบ มีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน พร้อมที่จะพิจารณาสัจภาวะ
พุทธศาสนิกชนกับ ศีล5
ไม่ประพฤติผิดในกาม
ไม่โกหก
ไม่ขโมย
ไม่ดื่มสุราเมรัย
ไม่ฆ่าสัตว์
การดูแลสุขภาพแบบองคร์วมของพทุธศาสนิกชน
1.การดูแลร่างกาย: หมอชีวกโกมารภัจจ์ดูแลให้พระพทุธเจ้าเสวยยาคูปรุงงา ข้าวสาร ถั่วเขียวและให้ทรงสรงน้ำร้อนละลายด้วยน้ำอ้อย
2.การดูแลจิตใจ: พระพุทธเจ้าทรงฟังพระมหาจุนทะสาธยายโพชฌงค์ที่เวฬุวัน แล้วหายจากอาการประชวร
3.การดูแลจิตวิญญาณ: ในพรรษาสุดท้ายของพระพุทธเจ้าทรงประชวรหนักที่เวฬุคาม เมืองเวสาลี เมื่อใกล้จะปรินิพพาน ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ ไม่พรั่นพรึง
4.การดูแลด้านสังคม: อัครสาวกของพระพุทธเจ้า คือพระโมกคัลลานะดูแลรักษาพระสารีบุตร
หลักการและแนวคิดในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ต้องดูแลผู้ป่วย และครอบครัวทุก ๆ ด้าน
ต้องเริ่มตั่งแต่แรกทั้งผู้ป่วยและครอบครัว
สิทธิของคนใกล้ตายต้องรับรู้ว่าตนเองเป็นอะไร ทําอะไร ได้แค่ไหน ต้องมีการสื่อสารอย่างเหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย ทางเลือกของการรักษา
การใส่อุปกรณ์ เอาออกเพื่อให้คนไข้เสียชีวิต
การทํางานเป็นทีม
การดําเนินของโรคทําให้เกิดเหตุการณ์ การเตรียมรับมือจะวางแผนจัดการอย่างไร
การบรรเทาความทุกข์ทรมานในผู้ป่วยระยะสุดท้าย
2.2 การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อของศาสนาพราห์ม-ฮินดู
ศาสนาพราห์ม-ฮินดู ถือเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลกเป็นอันดับที่3
เป็นศาสนาหนึ่งในกลุ่มศาสนาของอินเดีย
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นศาสนาทที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
เป็นการผสมผสานหรือสังเคราะห์มาจาก วัฒนธรรม จารีต และประเพณีอันหลากหลายในอนุทวีปอินเดียมีรากฐานหลากหลายไม่มีศาสนา
ศาสนาพราห์ม-ฮินดู
ศาสนิกชนและนักวิชาการบางกลุ่มเรียกศาสนาฮินดูว่าเป็น สนาตนธรรม(หนทางนิรันดร์ชั่วประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ)
ศาสนาฮินดูมีผู้นับถอืมากที่สุดในอินเดีย,เนปาลและมอริเชียส
เป็นศาสนาหลักในจังหวัดบาหลี อินโดนีเซีย
มีศาสนิกชนเรียกว่า ชาวฮินดูอยู่ราว1.15พันล้านคนหรือ15-16%ของประชากรโลก
ความเช่ือในศาสนาพราห์ม-ฮินดู
มีปรัชญาหลายแขนงแต่ก็สามารถเชื่อมโยงถึงกันผ่านแนวคิดที่มีร่วมกันมีพิธีกรรมที่คล้ายคลึงกัน, จักรวาลวิทยาฮินดู, คัมภีร์ฮินดู และสถานที่แสวงบุญ
คัมภีร์ของศาสนาฮินดู ได้แก่ ศรุติ(จากการฟัง)และสมรติ(จากการจำ)
คัมภีร์เล่มสำคัญ ได้แก่ พระเวท, อุปนิษัท, ภควัทคีตา,รามายณะและอาคม
หลักปฏิบัติของศาสนาพราห์ม-ฮินดู
อาศรม หรือ อาศรม
ขั้นตอนการดำเนินชีวิตของชาวฮินดู เฉพาะที่เป็นพราหมณ์วัยต่างๆโดยกำหนดเกณฑ์อายุคนไว้100ปีแบ่งช่วงของการไว้ชีวิตไว้4ตอน ตอนละ25ปีช่วงชีวิตแต่ละช่วงเรียกว่าอาศรม(วัยอาศรมทั้ง4 ช่วง)
พรหมจรยอาศรม
เริ่มตั้งแต่อายุ 8-15 ปี ผู้เข้าสู่อาศรมนี้เรียกว่า พรหมจารี
คฤหัสถาศรม
อยู่ในช่วงอายุ15-40 ปี
วานปรัสถาศรม
อยู่ในช่วงอายุ40-60 ปี
สันยัสตาศรม
อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ผู้ปรารถนาความหลดพ้น(โมกษะ) จะออกบวชเป็น "สันยาสี" เมื่อบวชแล้วจะสึกไม่ได้