Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อทางศาสนาพุทธ :<3: -…
หลักการดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพตามความเชื่อทางศาสนาพุทธ :<3:
การดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพ
ตามความเชื่อของศาสนาพุทธ :check:
พระพุทธศาสนามุ่งเน้นเรื่องการพ้นทุกข์ และสอนให้รู้จักทุกข์และวิธีการดับทุกข์ ให้พ้นจากอวิชชา (ความไม่รู้ความจริงในธรรมชาติ) อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์จากกิเลสทั้งปวง
หลักคำสอนในพุทธศาสนา :star:
หลักปฏิบัติศีลธรรม
โอวาทปาติโมกข์ คือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี การทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์
หลักปฏิบัติจริยธรรม
ความกตัญญูกตเวที คือ การรู้จักบุญคุณและตอบแทน อันเป็นหลักธรรมพื้นฐานทั่วไปของมนุษย์ เพื่อการดำรงอยู่อย่างปกติสุข
ศีล 5
ศีลข้อ 3 กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ศีลข้อ 4 มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
ศีลข้อ 2 อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
ศีลข้อ 5 สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
ศาสนาพุทธกล่าวถึง
ความจริงสูงสุด ได้แก่
กฏไตรลักษณ์
หมายถึง กฏของธรรมชาติ
ทุกขัง คือ ความทุกข์ ถูกบีบคั้น ไม่สมอยาก ตั้งอยู่ไม่ได้
อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง
. อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง ไม่คงตัว เสื่อมสลาย
อริยสัจ
หมายถึง เป็นความจริง 4 ประการที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยบุคคล ความจริง
ปฏิจจสมุปบาท
หมายถึง กระบวนธรรมของจิต ในการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์
นิพพาน
อสังขตธรรม เป็นการสิ้นไปแห่ง ราคะ โทสะ โมหะ
ความคลายกำหนัด กำจัดความเมา ความกระหาย ก่อนเสีย
ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง สิ้นตัณหา
อายตนะ คือ ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์อยู่เหนือการรับรู้เวทนาใด ๆ ของปุถุชน
เป็นความดับสนิทของตัณหา ปล่อยวาง
พุทธศาสนากับการ
ปฏิบัติการพยาบาล
ผู้ป่วยต้องเข้าใจเรื่อง ความทุกข์ด้วยว่ามนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ ผู้ป่วยเมื่อยามเจ็บป่วย ต้องรู้จักทำใจให้สงบ ร่วมมือกับผู้ให้การรักษา เพื่อทำให้ทุกข์ หมดไป
พุทธศาสน์กับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม :silhouettes:
การดูแลรักษาด้านจิตวิญญาณ
พระองค์ตรัสสอนคหบดีคนหนึ่งที่ชื่อว่า กุลบิดาผู้ป่วยกระเสาะกระแสะถึงวิธีการเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย “ดูกรท่านคหบดีท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเรามีกายกระสับกระส่ายอยู่ จิตของเราจักไม่รู้กระสับกระส่าย” (พระสุตันตปิฏก เล่ม 9 สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ข้อ 1: 1)
การดูแลรักษาด้านจิตใจ
เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เวฬุวันทรงประชวร พระองค์ทรงหายจากอาการประชวรด้วยการฟังท่านพระมหาจุนทะสาธยาย โพชฌงค์นั้น (พระสุตันตปิฏก เล่ม 11 สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ 425-425: 108) เป็นต้น
การดูแลรักษาด้านสังคม
อีกครั้งหนึ่งพระสารีบุตรอาพาธด้วยโรคลมเสียดท้อง พระโมกคัลลานะถามท่านว่า เมื่อก่อนท่านอาพาธตัวร้อนเคยรักษาให้หายด้วยเภสัชอะไร พระสารีบุตรตอบว่า “ท่านหายด้วยกระเทียม” พระโมกคัลลานะจึงได้จัดถวายพระสารีบุตรทันที เมื่อพระสารีบุตรฉันกระเทียมแล้วอาการลมเสียดท้องก็หาย (พระวินัยปิฎก เล่ม 7 จุลลวรรค ภาค 2 ข้อ187: 57)
การดูแลรักษาด้านร่างกาย
เมื่อพุทธองค์ประชวรแบบนี้ครั้งก่อนเคยเสวยยาคูปรุงด้วยของสามอย่าง คือ งา ข้าวสาร และถั่วเขียว จึงได้ปรุงยาคูสูตรนั้นถวายพระพุทธเจ้า เมื่อทรงเสวยไม่นานก็หายจากอาการประชวรและทรงพระสำราญ (พระวินัยปิฎก เล่ม 5 มหาวรรค ภาค 2 ข้อ49: 47)เป็นต้น
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับ
ประคองแนวทางพุทธศาสน์ :red_flag:
หลักการและแนวคิดในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
การทำงานเป็นทีม
การดำเนินของโรคทำให้เกิดเหตุการณ์
การเตรียมรับมือจะวางแผนจัดการอย่างไร
การใส่อุปกรณ์ เอาออกเพื่อให้คนไข้เสียชีวิต
สิทธิของคนใกล้ตายต้องรับรู้ว่าตนเอง
เป็นอะไรทำอะไร ได้แค่ไหน
ต้องเริ่มตั่งแต่แรกทั้งผู้ป่วยและครอบครัว
การบรรเทาความทุกข์ทรมานในผู้ป่วยระยะสุดท้าย
1.ต้องดูแลผู้ป่วย และครอบครัวทุก ๆ ด้าน
หลัก 7 ประการของการให้ความ
ช่วยเหลือผู้ป่วยระยะท้าย
ช่วยให้เขาปลดเปลื้องสิ่งค้างคาใจ
ช่วยปล่อยว่างสิ่งต่าง ๆ
ช่วยให้เขาจดจ่อในสิ่งที่ดีงาม
สร้างบรรยากาศที่เอื้อให้ใจสงบ
ช่วยให้เขายอมรับความตายที่จะมาถึง
กล่าวคำอำลา
การให้ความรัก ความเข้าใจ
ความตายตามแนวทางพุทธศาสนา มีความเข้าใจ ดังนี้
ความตายเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ เซลล์ในร่างกายตายวันละ ห้าหมื่นล้านเซลส์
ความตายเป็นทั้งวิกฤตและโอกาส กล่าวคือ เป็นวิกฤตทางกาย และเป็นโอกาสทางจิตวิญญาณ
ความตายเป็นทั้งความแน่นอน และความไม่แน่นอนไปพร้อม ๆ
ความตายมีทั้งมิติทางกายภาพและทางจิตวิญญาณ
การประคองรักษาจิตให้สงบอาจอาศัยสภาพแวดล้อมช่วย
การตายที่ดีทางพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตายอย่างไรแต่ให้ระลึกถึงสิ่งที่ดี
ความตายเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด
วัตถุประสงค์การดูแล
ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ลดความทุกข์ทรมาน
อยู่อย่างมีคุณค่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต
เป็นตัวของตัวเอง
ทำกิจวัตรสำคัญเท่าที่ทำได้
อารมณ์ก่อนจิตดับ
1. กรรมอารมณ์
เวลาใกล้จะดับจิตอารมณ์ถ้าอารมณ์ดีเกิดขึ้นในเวลานั้นก็ไปได้ ถ้าอารมณ์ไม่ดีเกิดขืนในเวลานั้นก็ไปไม่ดี
2. กรรมนิมิต
คือเครื่องหมายของกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้ว ดีก็ตาม ไม่ดีก็ตามจะมาปรากฏให้เห็นในเวลาเมื่อใกล้จะตาย
3. คตินิมิต
หมายถึงเครื่องหมายของภพภูมิที่จะเกิด มาปรากฏให้เห็น ในเวลาเมื่อใกล้จะตาย เช่นเห็นกระทะทองแดง เห็นเหว
วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องต่อความตาย
ขั้นที่ 2 สูงขึ้นไป เป็นอริยสาวกผู้มีการศึกษาได้สดับแล้วก็ระลึกถึงความตายเป็นอนุสติ สำหรับเตือนใจไม่ให้ประมาท
ขั้นที่ 3 คือให้รู้เท่าทันความตายคือไม่ถูกบีบคั้นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นกลัวต่อความตาย
ขั้นที่ 1 มนุษย์ปุถุชนทั่วไป ยังมิได้สดับคือยังไม่มีการศึกษาก็ระลึกถึงความตายด้วยความหวาดหวั่นพรั่นกลัว
การพยาบาลผู้ป่วยใน
วาระสุดท้ายของชีวิต
1) การพยาบาลด้านร่างกาย
ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใด ๆ ควรให้ผู้ป่วยในระยะนี้พักผ่อนให้เต็มที่
2) การพยาบาลด้านจิตใจและจิตวิญญาณ
ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด (พยาบาล) ควรให้โอกาสคนใกล้ตายได้แสดงความรู้สึกและความต้องการโดยพูดแต่สิ่งดีงามเพื่อการระลึกถึงคุณงามความดี
การนำผลการปฏิบัติศีล 5 มา
เป็นเครื่องมือในการดูแลสุขภาพ :+1:
ศีลข้อ 3
กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ศีลข้อ 4
มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จการโกหก พูดไม่จริง เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่ได้รับข้อเท็จจริง ดังตัวอย่าง ตนเป็นผู้ติดเชื้อแล้วไม่แจ้งความจริงกับภรรยาของตนเอง
ศีลข้อ 2
อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้คือ การไม่ต้องการอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน
ศีลข้อ 5
สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัยเมื่อดื่มสุรา
ศีลข้อ 1
ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป เช่น ผู้ที่นิยมบริโภคอาหารเจ