Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีและแนวความคิดดั้งเดิมแบบสมัยใหม่ (Neo – Classical Theory of…
ทฤษฎีและแนวความคิดดั้งเดิมแบบสมัยใหม่ (Neo – Classical Theory of Organization)
แนวคิดทฤษฎีและแนวความคิดนี้ : พัฒนามาจากทฤษฎีและแนวความคิดแบบดั้งเดิม (Classical Theory) โดยพัฒนามาพร้อมกับวิชาการด้านสังคมวิทยาและจิตวิทยา ทฤษฎีนี้เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเริ่มมีการศึกษาด้านปัจจัยมนุษย์เพิ่มขึ้น มองเห็นคุณค่าและความสำคัญของบุคคลากร ตลอดจนการบริหารงานบุคคลในเชิงมนุษยสัมพันธ์
สำหรับแนวคิดที่โดดเด่นในยุคนี้ก็ได้แก่
แนวความคิดการจัดการแบบมนุษย์สัมพันธ์ (Human Relation)
Abraham H. Maslow
นำเสนอทฤษฎี Hierachy of Needs หรือ ทฤษฎีลำดับชั้นของความต้องการ ที่สร้างแผนภูมิปิรามิดแสดงลำดับขั้นความสำคัญของความต้องการของมนุษย์
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ความต้องการทางร่างกาย(physiological needs)
ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง(security or safety needs)
ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (belongingness and love needs)
ความต้องการการยกย่อง (esteem needs)
ความต้องการความสำเร็จในชีวิต (self-actualization)
Hugo Münsterberg
นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน-อเมริกันที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านจิตวิทยาประยุกต์ เขาเป็นผู้ริเริ่มเรื่องจิตวิทยาอุตสาหกรรมที่ศึกษาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลเพื่อนำมาปรับปรุงให้ได้ผลผลิตมากที่สุด
เขาได้นำเอาแนวคิด Psychology and Industrial Efficiency นี้มาใช้กับระบบโรงงาน โดยเน้นการใช้พลังงานคนให้เป็นประโยชน์กับความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ตัดทอนเวลาทำงานให้น้อยลง แต่ได้งานเพิ่มมากขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้
Elton Mayo
นักสังคมวิทยาแห่งฝ่ายวิจัยด้านอุตสาหกรรมของฮาร์วาร์ด
ที่ได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการจัดการแบบมนุษยสัมพันธ์” ที่เน้นการศึกษาพฤติกรรมศาสตร์
เน้นไปที่การวิจัย 3 เรื่องใหญ่ได้แก้
ศึกษาสภาพห้องทำงาน (Room Studies),
การสัมภาษณ์ (Interview Studies)
และ การสังเกตการณ์ (Observation Studies)
แนวคิดด้านมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation Concept)
แนวความคิดของ Robert Owen
เขาได้ตั้งสโลแกนในการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพไว้ว่า “Eight hours labour, Eight hours recreation, Eight hours rest – ทำงาน 8 ชั่วโมง, สันทนาการ 8 ชั่วโมง, พักผ่อน 8 ชั่วโมง” ซึ่งมันกลายมาเป็นมาตรฐานของการสร้างสมดุลให้กับชีวิตตลอดจนการแบ่งเวลาในการทำงานมาจนถึงปัจจุบัน
แนวความคิดของ Andrew Ure
เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ “ปรัชญาแห่งระบบอุตสาหกรรม (The Philosophy of Manufactures)”โดยมีหัวใจสำคัญ 3 ประการนั่นก็คือ เครื่องจักร, การค้าพาณิชย์ และมนุษย์ โดยเฉพาะปัจจัยด้านมนุษยธรรมที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ตั้งแต่สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน, มีเวลาพักผ่อนช่วงสั้นๆ ให้ระหว่างการทำงาน, บริการด้านการแพทย์เมื่อยามเจ็บป่วย, มีสนามและอุปกรกีฬาให้แรงงานได้พักผ่อน เป็นต้น
แนวความคิดตามหลักพระพุทธศาสนา
สังคหวัตถุ 4 ซึ่งหลักธรรมทั้ง 4 ประการนั้นได้แก่
ทาน* หมายถึง การให้
ปิยวาจา* หมายถึง วาจาอันเป็นที่รัก
อัตถจริยา* หมายถึง การประพฤติประโยชน์
สมานัตตตา* หมายถึง ความมีตนสม่ำเสมอ, การทำตนเสมอต้นเสมอปลาย
แนวความคิดทฤษฎีลิง 3 ตัว
ตามหลักขงจื้อ
ลิงตัวที่ 1 ปิดหู ลิงตัวที่ 2 ปิดตา และลิงตัวที่ 3 ปิดปาก ทฤษฎนี้มีการตีความเชิงลึกไปมากมายแต่ก็อยู่ในกรอบเดียวกัน กล่าวโดยสรุปก็คือมนุษย์ควรควบคุมการรับหรือส่งสารตัวเองให้เหมาะสม บางครั้งก็ต้องควรงดวาจา ปิดตาไม่รู้ไม่เห็น ตลอดจนปิดหูไม่รู้ไม่ฟัง ในเรื่องที่จะทำให้เกิดความทุกข์ หรือสร้างความยุ่งยากใจต่อกัน การที่จะมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ดีนั้นต้องรู้จักว่าอะไรควรฟัง ไม่ควรฟัง อะไรควรพูด ไม่ควรพูด อะไรควรรับรู้ ไม่ควรรับรู้ ทุกอย่างต้องให้เหมาะสมกับกาละเทศะ
แนวความคิดของ Elton Mayo
บิดาแห่งการจัดการแบบมนุษยสัมพันธ์” ที่ทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี ผลงานที่โดดเด่นของเขานั้นก็คือการทำงานกับคณะวิจัยพนักงานที่โรงงาน Hawthorne Plant ของบริษัท Western Electric ในชิคาโก รัฐอิลินอยด์ สหรัฐอเมริกา ช่วงปี ค.ศ.1927-1932 ซึ่งเน้นไปที่การวิจัย 3 เรื่องใหญ่ได้แก้ ศึกษาสภาพห้องทำงาน (Room Studies), การสัมภาษณ์ (Interview Studies) และ การสังเกตการณ์ (Observation Studies) จนเกิดเป็นกรณีศึกษาสำคัญอย่าง Hawthorne Effect ที่เป็นต้นแบบการศึกษาเรื่อง Employee Motivation หรือ Theory of Motivation รวมถึงการเป็นต้นแนวคิดที่ว่ามนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร และนี่คือตัวแปรให้ระบบอุตสาหกรรมเกิดประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงไร
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมนุษยสัมพันธ์ในองค์กร
1.ปัจเจกบุคคล (Individual)
: หน่วยบุคคลนั้นถือเป็นหน่วยเล็กที่สุดสำหรับองค์กรและเป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดเช่นกัน
ก่อนที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นจะต้องเข้าใจและเคารพความเป็นปัจเจกบุคคลของกันและกันก่อน
2.การทำงานร่วมกัน (Work Group)
: การทำงานร่วมกันเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กร
และสิ่งที่เป็นเสมือนขุมพลังที่จะทำให้การขับเคลื่อนไปได้ดีและราบรื่นนั้นก็คือมนุษยสัมพันธ์นี่เอง
3.สภาพแวดล้อมในการทำงาน (Work Environment)
: หากสังเกตุแนวความคิดด้านมนุษยสัมพันธ์ตั้งแต่ยุคดั้งเดิม
จะพบว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยซึ่งผู้นำความคิดทุกคนใส่ใจและให้ความสำคัญเหมือนๆ กันก็คือเรื่องสภาพแวดล้อมในการทำงานนี่เอง
4.ผู้นำ (Leader)
: หน่วยบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการที่จะช่วยให้เกิดมนุษยสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในองค์กร
ตลอดจนเป็นผู้ที่จะควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่ดีได้นั้นก็คือผู้นำนั่นเอง