Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่3 เภสัชพลศาสตร์ (PHARMACODYNAMICS) - Coggle Diagram
บทที่3 เภสัชพลศาสตร์
(PHARMACODYNAMICS)
การออกฤทธิ์ของยาต่อร่างกาย หรือการที่ยามีผลต่อร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องทั้งผลทางด้านชีวเคมี และสรีรวิทยาของยา กลไกที่ทำให้เกิดผลทั้งด้านที่พึงประสงค์คือฤทธิ์ในการรักษา และผลที่ไม่พึงประสงค์คืออาการข้างเคียงและพิษของยา
กลไกการออกฤทธิ์ (Mechanism of drug action)
ยาที่มีตำเเหน่งออกฤทธ์ที่ไม่จำเพาะ
ยาที่มีตำเเหน่งออกฤทธ์ที่จำเพาะ
การออกฤทธิ์ผ่านตัวรับ (Receptor-mediatedaction)
โมเลกุลหรือโครงสร้างที่ทำหน้าที่ จับกับยาหรือฮอร์โมนแล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเซลล์หรือเอนไซม์ receptor ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติเป็นพวกโปรตีน
ความแตกต่างของ non-specifically acting drugs และ specifically acting drugs
ความแรง (potency) หรือ biological specificity : ยาในกลุ่ม non-specifically acting drugs จะมีความแรงน้อยกว่า specifically acting drugs ที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาใกล้เคียงกัน
Chemical specificity : การเปลี่ยนแปลงสูตรโครงสร้างของยาในกลุ่ม specifically acting drugs ไปเพียงเล็กน้อยจะทำให้ผลทางเภสัชวิทยาเปลี่ยนไปมาก
การต้านฤทธิ์โดย antagonist
ยาในกลุ่ม specifically acting drugs โดยเฉพาะกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อ receptor จะถูกต้านฤทธิ์ได้ด้วยยาที่เป็น antagonist ในขณะที่ non-specifically acting drugs ไม่มี selective antagonist
อาการไม่พึงประสงค์และพิษของยา (Adverse drug reaction and drug toxicity)
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
การตอบสนองต่อยาที่เป็นอันตรายและเกิดขึ้นโดยมิได้ตั้งใจเมื่อใช้ในขนาดปกติในมนุษย์เพื่อการป้องกัน วินิจฉัย หรือรักษาโรค หรือเปลี่ยนแปลงสรีระวิทยาของร่างกาย
อาการข้างเคียงจากการใช้ยาหรือ Side effect
ผลใดๆจากเภสัชภัณฑ์ที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นเกิดในขนาดการใช้ยาปกติในมนุษย์ ซึ่งสัมพันธ์กับคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาของยา
พิษของยา (Toxic Effect)
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในระดับที่รุนแรงจนถึงขั้นเป็นพิษเป็นผลของยาที่ใช้ถ้ายังเพิ่มขนาดใช้ยา อาการพิษก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนอวัยวะนั้น ๆ พิการหรือเสื่อมสภาพไป
ปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยา (Drug interaction)
ปฏิกิริยาต่อกันของยาในลักษณะเพิ่มฤทธิ์หรือเสริมฤทธิ์ ปฏิกิริยาในลักษณะนี้มักจะเกิดเมื่อเรใช้ยา2ชนิดที่มีฤทธิ์ในทางเภสัชวิทยาเหมือนกัน ในเวลาเดียวกัน
ปฏิกิริยาต่อกันของยาในลักษณะเเบบต้านฤทธิ์(antagonistic interactions) เกิดเมื่อมีการให้ยา 2 ชนิด ที่มีการออกฤทธิ์เเบบตรงกันข้ามรวมกัน ผลที่ได้คือฤทธิ์ของยาชนิดหนึ่งจะถูกต้านด้วยยาอีกชนิด
3.ปฏิกิริยาต่อกันของยาอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนเเปลงของยา กลไกลในการขนส่งยา ยาบางชนิดอาจถูกขัดขวางกระบวนการในการขนส่งยาโดยยาอีชนิดหนึ่งทำให้ยาไม่สามารถไปยังอวัยวะหรือตำเเหนางออกฤทธิ์ที่เป็นเป้าหมายส่งผลให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้
ปฏิกิริยาต่อกันของยาอันเนื่องมาจากการรบกวนสมดุลของน้ำเเละอิเล็กโตรไลท์