Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ - Coggle Diagram
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ
การส่งเสริมสุขอนามัย
สุขอนามัย (Hygiene) หมายถึง หลักการและความรู้ของการคงไว้หรือรักษาไว้ซึ่งสุขภาพและ การป้องกันโรค โดยการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ในการส่งเสริมความสะอาดเพื่อคงไว้ซึ่งการมีสุขภาพดี
สุขอนามัยส่วนบุคคล (Personal hygiene) คือ การดูแลตนเอง เช่น การอาบน้า การขับถ่าย
ปัสาวะ อุจจาระ การดูแลสุขอนามัยทั่วไปของร่างกาย การแต่งตัว สวมใส่เสื้อผ้า การออกกาลัง และ การพักผ่อนนอนหลับ
ความสาคัญของการส่งเสริมสุขอนามัย
การดูแลสุขภาพตนเองเป็นส่ิงท่ีมนุษย์ปฏิบัติกันมาช้านาน การทาความสะอาดร่างกาย ตนเองเป็นพฤติกรรมสุขภาพขั้นพื้นฐานท่ีต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ทุก วัน เพื่อสร้างความมั่นใจ ในการอยู่รวมกับสังคมได้อย่างมีความสุข
เมื่อบุคคลอยู่ในภาวะเจ็บปุวย จะไม่มีความสุขทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ พยาบาล จะเป็นผู้ให้การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายแก่บุคคลเมื่ออยู่ในภาวะเจ็บปุวยนั้น การดูแล สุขอนามัยเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ และเป็นสิ่งท่ีพยาบาลควรตระหนักถึงเนื่องจาก ความสุขสบายทั้งทางร่างกาย และจิตใจจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ปุวยมีความสุขกายสุขใจ สามารถอดทน เผชิญต่อความเจ็บปุวยได้
ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อสุขอนามัยส่วนบุคคล
สุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นส่ิงสาคัญท่ีพยาบาลต้องมีความรู้ท่ีถูกต้องเก่ียวกับความ ต้องการการดูแลสุขวิทยาของผู้ปุวยซึ่งเป็นกิจวัตรประจาวัน เป็นพฤติกรรมสุขภาพในการดูแลความ สะอาดของร่างกายและส่ิงแวดล้อมของบุคคล ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่วัฒนธรรม ศาสนา ฯลฯ ซึ่งปัจจัยด้านปัจเจกบุคคล ได้แก่ อายุ เพศ ภาวะสุขภาพ การศึกษา อาชีพ เศรษฐกิจ ถิ่นที่อยู่ กรรมพันธ์ุ ส่ิงแวดล้อม ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ และพฤติกรรมสุขภาพอนามัย
เพศ
ความแตกต่างของเพศจะมีความต้องการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลท่ีแตกต่างกัน เช่น เพศหญิงเป็นเพศท่ีอ่อนแอ และไวต่อความรู้สึกกว่าเพศชายความต้องการการดูแลสุขอนามัยส่วน บุคคล อาจต้องการความนุ่มนวล ละเอียดอ่อน และมีความเกรงใจผู้อื่นท่ีมากกว่า เป็นต้น
อายุ
ความแตกต่างของอายุจะมีความต้องการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลที่แตกต่าง กัน เช่น เด็กเล็กไม่สามารถดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลได้ด้วยตนเองผู้ปกครองต้องให้การดูแลอย่าง ใกล้ชิด ผู้สูงอายุที่ความสามารถในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลดลงผู้ดูแลต้องให้การดูแลทดแทน แบบพึ่งพา เป็นต้น นอกจากน้ีอายุยังเป็นตัวกาหนดกายวิภาคและสรีระของร่างกายแต่ละคน พยาบาลจึงควรคานึงถึงในการให้การพยาบาลด้วย
ภาวะสุขภาพ
เมื่อมีการเจ็บปุวยที่รุนแรงหรือเรื้อรัง หรือเจ็บปวดหรือมีการเจ็บปุวย ทางสุขภาพจิต ทาให้ขาดความสนใจ หรือละเลยการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล หรืออาจมีปัญหาสุขภาพ ร่างกายอ่อนเพลีย ระบบประสาทกล้ามเนื้อทางานได้ไม่ดี ทาให้การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลดลง หรือไม่ได้ปกติ
การศึกษา
บุคคลท่ีมีการศึกษา มักจะศึกษาค้นคว้า และมีความรู้ในการดูแลรักษา ความสะอาดของร่างกายและส่ิงแวดล้อม รวมท้ังทราบถึงประโยชน์ และโทษของการดูแลสุขอนามัย ส่วนบุคคล ความรู้เพียงอย่างเดียวยังไม่พอเพียง ผู้ปุวยต้องมีแรงจูงใจท่ีจะดูแลตนเอง เรียนรู้เกี่ยวกับ โรคภัยไข้เจ็บ และสามารถดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดีข้ึนได้
เศรษฐกิจ
บุคคลที่มีฐานะดี ย่อมมีโอกาสเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผม ปาก ฟัน และให้เวลากับดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลมากข้ึน หากเศรษฐกิจไม่พอเพียง ผู้ป่วยอาจต้องทางานเพื่อ หารายได้จนไม่มีเวลาดูแลตนเอง
อาชีพ
บุคคลที่มีอาชีพเก่ียวกับการดูแลสุขภาพจะมีความรู้ ความเข้าใจและให้ ความสาคัญของการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลต่อการดาเนินชีวิตประจาวัน จึงให้ความใส่ใจต่อการ ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดี
ถิ่นท่ีอยู่
การดาเนินชีวิตภายใต้ถิ่นท่ีอยู่ท่ีแตกต่างกัน เช่น การดาเนินชีวิตในเขตเมือง และเขตชนบท จะมีการใช้ชีวิตและมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันส่งผลให้การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล มีความแตกต่างกันอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
ภาวะเจ็บป่วย
ในภาวะการเจ็บป่วย อาจส่งผลในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลดลง เช่น โรคหัวใจ ระยะท่ีร่างกายอ่อนเพลียทาให้การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลลดลงจึงต้องการการดูแล ทดแทนจากผู้อื่น ภาวะการเจ็บป่วยทางจิต มีอาการซึมเศร้าไม่สนใจดูแลตนเอง เป็นต้น
ส่ิงแวดล้อม
ในฤดูร้อนอุณหภูมิจะสูงทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว บุคคลท่ีอาศัยอยู่ในท่ี อากาศร้อนก็จะอาบน้า หรือลูบตัวบ่อยครั้ง อากาศร้อนทาให้คนเรามีเหงื่อไคลและกลิ่นตัวท่ีต้องได้รับ การดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขอนามัยเพิ่มมากข้ึน
ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ และวัฒนธรรมของแต่ละบุคคล
จะเป็นผล ต่อการดูแลตนเองเกี่ยวกับสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น ห้ามสระผมขณะมีไข้ เพราะจะทาให้เจ็บปุวย มากข้ึน หรือหลังคลอดบุตรห้ามสระ หรือตัดผม เป็นประเพณีความเชื่อที่สืบทอดกันมาของชนเผ่าม้ง ท่ีสืบทอดกันมา
ความชอบ
เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการดูแล สุขวิทยาส่วนบุคคลมาจากครอบครัว โรงเรียน และปลูกฝังจนเป็นอุปนิสัยในการดูแลตนเองด้าน ความสะอาดร่างกาย และความชอบของแต่ละบุคคล
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
การนวดหลัง (Back rub or back massage)
นวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
เลือกใช้แป้งหรือโลชั่นหรือครีม เพียงอย่างใดอย่างหน่ึง
ไม่นวดแรงเกินไปจนผู้ป่วยเจ็บ
ใช้เวลานวดประมาณ 5-10 นาที
ไม่นวดบริเวณที่มีการอักเสบ มีแผล กระดูกหัก ผู้ป่วยโรคหัวใจ ภาวะมีไข้ โรค ผิวหนัง โรคมะเร็งระยะลุกลามแพร่กระจาย
จุดประสงค์การนวดหลัง เพื่อ
ให้กล้ามเน้ือผ่อนคลาย ลดความตึงตัว
กระตุ้นผิวหนังและต่อมเหงื่อให้ทางานดีข้ึน
ป้องกันแผลกดทับ
สังเกตความผิดปกติของผิวหนังบริเวณหลัง
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
จัดท่าให้ผู้ป่วยสุขสบาย
วิธีปฏิบัติ
นำเครื่องใช้ต่าง มาวางที่โต๊ะข้างเตียง กั้นม่านให้มิดชิด
ล้างมือ
แนะนำตนเองบอกให้ผู้ป่วยทราบและอธิบายวัตถุประสงค์
จัดท่านอนคว่าและชิดริมเตียงด้านพยาบาลยืนมีหมอนเล็ก รองใต้หน้าอก
ศีรษะไปข้างใดข้างหนึ่ง มือเหยียดตรงไปตามลาตัวถ้านอนคว่าไม่ได้ให้นอนตะแคง เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ ในท่าท่ีสบายและพยาบาลนวดหลังได้สะดวก
เลื่อนผ้าห่มมาบริเวณก้นกบ ปูผ้าเช็ดตัวทับบนผ้าห่ม ถ้านอนตะแคงให้ปู ผ้าเช็ดตัวตามแนวยาวบนหลังผู้ป่วย เพื่อปูองกันผ้าปูท่ีนอนเปื้อนและไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกอาย
ทาแป้งหรือทาครีม หรือโลชั่น (เพียงอย่างเดียว)
นวดบริเวณหลังเรียงลาดับตามขั้นตอนดังน้ี
Kneading เป็นการบีบนวดกล้ามเน้ือ
วิธีที่ 1 วางนิ้วก้อย นิ้วนาง นิ้วกลาง และนิ้วชี้แนบแนวกระดูกสัน
หลัง พร้อมปลายนิ้วหัวแม่มือบีบกล้ามเน้ือไข สันหลัง (erector spinous) เข้าหากัน ทาพร้อมกันท้ัง สองมือ
วิธีท่ี 2 ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองมือกดและ บีบข้างกระดูกสันหลังเข้าหากันและคลายออกทาซ้าประมาณ 5-6 คร้ัง
Friction เป็นการใช้ฝุามือลูบแบบถูไปมาตามแนวยาวของ
กล้ามเน้ือไหล่ (trapezins) กล้ามเนื้อสีข้าง (latissimus dorsi) ทั้งสองข้างนิ้วชิดกัน วางฝุามือทั้งสอง ข้างลงบนกล้ามเนื้อแล้วถูข้ึนลงสลับกันตามกล้ามเน้ือ ทาอย่างน้อย 12 คร้ัง
Stroking เป็นการลูบตามแนวยาวใช้ฝุามือท้ังสองข้างวางที่ บริเวณก้นกบค่อย ลูบขึ้นตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอให้น้าหนักกดลงที่ปลายนิ้วแล้วอ้อม
มาท่ีไหล่ สีข้าง และตะโพกทาช้า เป็นจังหวะประมาณ 3-5 ครั้ง
Hacking เป็นการใช้สันมือสับเบา ใช้สันมือด้านนิ้วก้อยสับ สลับกันเร็ว โดยการกระดกข้อมือสับขวางตามใยกล้ามเนื้อบริเวณตะโพกก้นและต้นขาทาซ้า
ประมาณ 10 ครั้ง
Clappingเป็นการใช้อุ้งมือตบเบา โดยห่อมือให้ปลายนิ้วชิดกัน ท้ังสองข้างให้เกิดช่องว่างตรงกลางฝุามือตบเบา สลับมือกันโดยกระดกข้อมือขึ้นลงทั่วบริเวณหลัง
ทาซ้าประมาณ 10 คร้ัง
Beating เป็นการกามือหลวม ทุบเบา บริเวณกล้ามเน้ือแก้ม ก้น (gluteal muscle) ใช้กามือหลวม ท้ังสองข้างทุบเบา และเร็ว สลับข้ึนลงบริเวณกล้ามเน้ือ
แก้มก้น ทาอย่างน้อย 12 คร้ัง
Stroking ทาเหมือนข้อ 7.1 ทาซ้าประมาณ 5-6 คร้ัง
สวมเสื้อผ้าให้ผู้ป่วยและจัดให้นอนในท่าท่ีสบาย
เก็บของเครื่องใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าท่ีให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
เครื่องใช้
ครีมหรือโลชั่นทาตัวหรือแป้ง
ผ้าห่ม 1 ผืน และผ้าเช็ดตัว 1ผืน
การดูแลความสะอาดของผิวหนัง/ การอาบนำ้ (Bathing)
การอาบน้ำ (Bathing) เป็นการขจัดของเสียที่ร่างกายขับออกมา เช่น คราบ
เหงื่อ น้ามัน และสิ่งสกปรก
ฝุ่นละออง และแบคทีเรียจากร่างกาย ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวหนัง
สะอาดแล้วยังช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด ทำให้สดชื่น และรู้สึกผ่อนคลาย
การอาบนำ้ที่ห้องนำ้ (Bathing in bath room/ Shower) เป็น
การช่วยเหลือพาผู้ป่วยไปทำความสะอาดร่างกายในห้องนำ้ โดยมากเป็นการอาบโดยใช้ฝักบัว หรือตัก นำ้อาบร่างกาย เมื่อผู้ป่วยสามารถลุกจากเตียงได้ พยาบาลช่วยพยุงเดินไปห้องนำ้ ช่วยเตรียมของใช้ ให้พร้อม เปิดก๊อกน้ำให้ปรับอุณหภูมิที่เหมาะสม จัดที่นั่งในห้องนำ้ให้สะดวกต่อการช่วยตนเองในการ อาบนำ้
การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงเฉพาะบางส่วน (Partial bath) เป็นการ ทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ไม่สามารถอาบน้ำเช็ดตัวได้ครบทุกส่วน พยาบาลต้องช่วยเช็ดบางส่วนที่ผู้ป่วยไม่สารถเช็ดเองได้ เช่น บริเวณหลัง โดยอาจใช้การนั่งข้างเตียง หรือบนเตียง ในกรณีท่ีผู้ป่วย เช่น หลังการผ่าตัดไส้ติ่ง กระดูกขาหักใส่เฝือก มีอาการอ่อนเพลียบ้าง
การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงชนิดสมบูรณ์ (Complete bed bath)
เป็นการทำความสะอาดร่างกายโดยการอาบนำ้เช็ดตัวให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งหมด หรือผู้ป่วยที่จากัดการเคลื่อนไหวบนเตียง ซึ่งต้องนอนบนเตียง หรือนอนติดเตียง (bed ridden) ใน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
จุดประสงค์ การอาบนำ้ผู้ป่วยบนเตียง เพื่อ
ให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย สดชื่นและผ่อนคลาย
ประเมินการเคลื่อนไหวของร่างกายและส่งเสริมการออกกาลังกายของข้อต่างๆ
กาจัดสิ่งสกปรก ท่ีสะสมบนผิวหนังและส่งเสริมความมั่นใจในตนเอง
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและป้องกันแผลกดทับ
สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง
การส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
การประเมินคุณภาพการนอนหลับและ การนอนหลับท่ีผิดปกติ
การนอนหลับไม่เพียงพอชั่วคราว
การนอนหลับไม่เพียงพอระยะสั้น(Short term insomnia)
ารนอนหลับไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง (Chronic insomnia)
โรคทางอายุรกรรม
อาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของยา
โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวล
โรคของการนอนหลับโดยตรง เช่น อาการขากระตุกเป็นพัก ระหว่างหลับ (periodic limb movement disorder: PLMD) การหยุดหายใจเป็นพัก ระหว่าง หลับ (sleep apnea) การนอนเกิดขึ้นช้าและตื่นสายกว่าคนท่ัวไป (delayed sleep syndrome)
เป็นต้น
Hypersomnia เป็นการนอนหลับมาก หรือง่วงนอนมากกว่าปกติ ซึ่ง จะแสดงออก ในแง่การนอนหลับในท่ีไม่ควรหลับ เช่น หลับขณะขับรถยนต์ หรือรอรถติดไปแดง หลับ ในห้องประชุม หลับขณะรับประทานอาหาร เป็นต้น การหลับท่ีเกิดข้ึนนั้นไม่สามารถฝืนได้ ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องผิดปกติต้องการการตรวจพิเศษเพื่อหาสาเหตุ
Parasomnia เป็นพฤติกรรมที่ควรเกิดขณะตื่นแต่กลับเกิดขณะหลับ เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้น แบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ
2) ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงจากหลับมาตื่นหรือจากตื่นมาหลับ
ได้แก่ อาการขากระตุกขณะกาลังหลับ (hypnic jerks) ละเมอพูด (sleep talking) ศีรษะโขกกาแพง (head banging)
3) กลุ่มอาการที่เกิดข้ึนขณะหลับชนิดที่มีการกรอกตา ได้แก่ ภาวะฝัน ร้าย (nightmares) ภาวะผีอา (sleep paralysis) เป็นต้น
1) ความผิดปกติของการตื่น (around disorder) ได้แก่ อาการ สับสน (confusion arousals) ละเมอเดิน (sleepwalking) ฝันร้าย (sleep terror)
4) กลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ การนอนกัดฟัน (sleep bruxism) การปัสสาวะรด ที่นอนขณะหลับ (sleep enuresis) การกรน (primary snoring) การไหลตาย (sudden
unexplained nocturnal death) เป็นต้น
การส่งเสริมการพักผ่อนการนอนหลับ
การจัดส่ิงแวดล้อม
อุณหภูมิ มีความเหมาะสมของอุณหภูมิระหว่าง
20-25 องศา
เซลเซียส มีการถ่ายเทระบายอากาศดี มีแสงสว่างส่องเพียงพอ ซึ่งอาจจะมีม่านบังแสง และสามารถ ปรับระดับความสว่างได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ควรมีความชื้นท่ีเหมาะสม
เสียง แหล่งกาเนิดเสียงจากภายนอกห้องหรือเกิดจากผู้ให้บริการ หรือ จากญาติท่ีมาเยี่ยมไข้ ส่วนในห้องอาจเกิดจากอุปกรณ์ภายในห้อง หรือเครื่องอานวยความ
สะดวกที่มีเสียง เช่น ทีวี วีดีโอ เป็นต้น
ความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องอานวยความสะดวก ต่าง จัดให้มีของใช้เฉพาะท่ีจาเป็นสาหรับผู้ปุวย เช่น เตียง ตู้ข้างเตียง เก้าอี้เหยือกน้า แก้วน้า
กระโถนบ้วนปาก หม้อนอน ฯลฯ ของใช้ทุกชนิดควรดูแลให้อยู่ในสภาพท่ีใช้การได้
กลิ่น แบ่งออกเป็น กลิ่นหอมและกลิ่นเหม็น
กลิ่นหอม อาจคิดว่าเป็นเฉพาะน้าหอมเท่าน้ัน แต่ในสภาพ ความเป็นจริงแล้ว น้าหอมไม่ได้เป็นกลิ่นที่พึงประสงค์ของทุกคน บางคนบอกว่าน้าหอมน้ันมี กลิ่น
รุนแรงทาให้เวียนศีรษะได้กลิ่นที่เหมาะสาหรับการสร้างความสุขคือกลิ่นสะอาดและสดช่ืน
กลิ่นเหม็น ได้แก่ กลิ่นท่ีส่งออกมาจากสิ่งขับถ่ายภายในร่างกาย
ของคน เช่น เหงื่อ อุจจาระ ปัสสาวะ หนอง เลือด และอาเจียน เป็นต้น
ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามและน่าอยู่อาศัย สภาพแวดล้อมของที่พักต้องสะอาด สวยงาม และน่าอยู่ ข้าวของมีการจัดเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ
ผู้ปุวยสามารถหยิบใช้ได้สะดวก
ความเป็นส่วนตัว และมิดชิดอย่างปลอดภัย สภาพหอผู้ปุวยสามัญ ของโรงพยาบาล ส่วนมากมีลักษณะเป็นห้องโถง เตียงจัดเป็นแถวติดต่อกัน ซึ่งแต่ละเตียงจะมีม่าน กั้น ดังน้ันการให้การรักษาพยาบาลท่ีต้องเปิดเผยผู้ปุวย
ความอบอุ่น และความประทับใจในบุคลิกภาพของพยาบาล ซึ่ง
บุคลิกภาพของพยาบาลที่พึงประสงค์ และสร้างความพึงพอใจในการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แสงสว่าง สภาพแวดล้อมท่ีดีต้องไม่มืดสลัวหรือสว่างจ้าจนเกินไป
แสงสว่างท่ีดีท่ีสุดควรเป็นแสงธรรมชาติ
ปัจจัยที่มีผลต่อการพักผ่อนและการนอนหลับ
ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่
1) อายุ เป็นปัจจัยพื้นฐานท่ีทาให้แบบแผนการนอนหลับ
เปลี่ยนแปลง โดยมีผลต่อวงจรการนอนหลับ ต้ังแต่วัยทารกถึงวัยสูงอายุ ในผู้สูงอายุการนอนหลับจะ ลดลงท้ังปริมาณและคุณภาพ
2) เพศ โดยธรรมชาติแล้วเพศชายจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบ แผนการนอนหลับได้เร็วและมากกว่าเพศหญิง 10-20 ปี เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น พบว่าการนอน หลับระยะ REM ลดลง ตื่นขณะหลับ เพศหญิงจะพบการนอนท่ีเปลี่ยนแปลงนี้ในวัยกลางคน และคง สภาพความลึกของปริมาณการนอนหลับได้มากกว่าจนถึงวัยชรา แต่เพศหญิงจะมีความไวต่อการ
กระตุ้นด้วยเสียงมากกว่าเพชาย
2) ความไม่สุขสบาย มีสาเหตุความไม่สุขสบายท่ีแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ความไม่สุขสบาย ได้แก่
1) ความเจ็บปวด พบว่าความเจ็บปวดเป็นปัจจัยกวนการนอน
2) การใส่สายยางและท่อระบายต่าง จากสายยางและท่อ
ระบายต่างๆ
3) ท่านอนท่ีไม่เหมาะสม ท่านอนมีผลต่อคุณภาพการนอนหลับ จากงานวิจัยของคลอส (Closs อ้างในนงลักษณ์ ทัศเกตุ) พบว่า ท่านอนของผู้ปุวยท่ีนอนหลับไม่ เพียงพอ มักเป็นท่านอนหงาย หรือนอนในท่าท่ีหลัง และไหล่เหยียดตรงเป็นเวลานาน และการ เปลี่ยนท่านอนบ่อยคร้ังนั้นสอดคล้องกับงานวิจัยของกนกทิพย์ ลาสุทธิ พบว่า ความไม่สุขสบายต่างๆ
4) อาการคลื่นไส้ อาเจียน มักพบหลังจากได้รับยาระงับรู้สึกทั่วร่างกาย
5) ภาวะไข้หลังผ่าตัด การมีอุณหภูมิร่างกายสูงหลังผ่าตัดเป็น ปฏิกิริยา การตอบสนองของร่างกาย จะมีไข้ต่า หลังการผ่าตัด 3-4 วัน ทาให้เกิดความไม่สุข
สบาย และนอนไม่หลับได้
วงจรของการนอนหลับ
ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep: NREM) เป็น ช่วงการหลับที่จะลึกลงไปเรื่อย แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ต้ังแต่หลับตื่นไปจนถึงหลับลึก
ระยะที่ 2 (หลับตื่น) การหลับในช่วงต้น เป็นสภาพท่ีไม่ได้ยินเสียงรบกวน จากภายนอก เป็นระยะแรกที่มีการหลับอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน ระยะน้ีจะถูกปลุกให้ตื่นได้ โดยง่าย
ระยะท่ี 3 (หลับปานกลาง) ทั้งคลื่นสมองและชีพจรจะเต้นช้าลง ความมีสติ รู้ตัวจะหายไป การเคลื่อนไหวของตาจะหยุดลง แม้ได้รับส่ิงเร้าจากภายนอกก็จะไม่ตื่นโดยง่าย ขั้นน้ีจะ ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที
ระยะที่ 1 (เร่ิมมีความง่วง) เป็นช่วงเริ่มหลับท่ีเปลี่ยนจากการตื่นไปสู่ การ นอน ในคนท่ัวไปใช้เวลาต้ังแต่ 30 วินาที - 7 นาทีเป็นสภาพที่แม้จะได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็ จะตื่น
ระยะที่ 4 (หลับลึก) เป็นช่วงหลับสนิทของการนอน ใช้เวลา 30 - 50 นาที หากว่าร่างกายนอนหลับโดยปราศจากระยะท่ี 4 นี้ อาจมีการนอนละเมอหรือฝันร้ายได้ ระยะนี้ อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลง 60 ครั้งต่อนาที growth hormone จะมีการหลั่งในระยะนี้
ช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM) เป็นช่วงที่กล้ามเน้ือ ต่าง ของร่างกายแทบจะหยุดการทางานกันหมดแต่ระบบการทางานของหัวใจกระบังลมเพื่อการ หายใจ กล้ามเน้ือตา และกล้ามเนื้อเรียบ เช่น หลอดเลือดและสาไส้ โดยในช่วงนี้ตาจะกลอกไปซ้าย ขวาอย่างรวดเร็ว ร่างกายจะได้พักผ่อน แต่สมองจะยังตื่นตัวอยู่ ระยะนี้ช่วยจัดระบบความจำทำให้จำเรื่องบางเรื่องได้นานข้ึน
ความหมายการพักผ่อนและการนอนหลับ
การพักผ่อน (Rest) หมายถึง การพักกิจกรรมการทางานของร่างกาย หรือการพักการ ทางานของอวัยวะต่าง โดยนั่เฉย ชั่วขณะหนึ่งอาจทากิจกรรมเบา นันทนาการเปลี่ยน อิริยาบท หรือชมวิว เพื่อให้อวัยวะได้ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความกังวล
การส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
การทำเตียง
การทำเตียงว่าง (Close bed)
การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงได้ (Open/unoccupied bed)
การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงไม่ได้ (Occupied bed)
การทำเตียงรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผู้ป่วยที่ได้รับยาสลบ (Surgical/ ether/anesthetic bed)
การทำเตียงว่าง เป็นการทำเตียงที่ผู้ป่วยจำหน่ายออกจากหอผู้ป่วย เพื่อเตรียมรับ ผู้ป่วยใหม่ หรือทำเตียงที่ผู้ป่วยสามารถลงเดินช่วยเหลือตนเองได้
จุดประสงค์
จัดสิ่งแวดล้อมสะอาดให้ส่งเสริมความสุขสบาย ให้หอผู้ป่วยเป็นระเบียบ เรียบร้อย สวยงามน่าอยู่พักอาศัย
จัดเตรียมความพร้อมเตรียมรับผู้ป่วยใหม่
เครื่องใช้
ผ้าปูที่นอน
ผ้ายางขวางเตียง (ถ้าจำเป็น)
ผ้าขวางเตียง
ปลอกหมอน
ผ้าคลุมเตียง
ผ้าห่ม
กระบอกฉีดน้าผสมผงซักฟอก ถังน้าสะอาด และผ้าเช็ดเตียง
ถังใส่ผ้าเปื้อน
ถุงมือสะอาด ผ้ากันเปื้อนพลาสติก และmask
การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงได้
จุดประสงค์
ให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบาย
ให้เตียงและสิ่งแวดล้อมสะอาด เรียบร้อย สวยงาม
เครื่องใช้
กระบอกฉีดน้ำผสมผงซักฟอก ถังน้ำสะอาด และผ้าเช็ดเตียง
ถังใส่ผ้าเปื้อน
เครื่องผ้า เหมือนการทำเตียงว่าง ยกเว้น ผ้าห่มและผ้าคลุมเตียง
ถุงมือสะอาด ผ้ากันเปื้อนพลาสติก และmask
การทาเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงไม่ได้
จุดประสงค์
ให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบาย
ให้เตียงและสิ่งแวดล้อมสะอาด เรียบร้อย สวยงาม
เครื่องใช้
กระบอกฉีดน้าผสมผงซักฟอก ถังน้าสะอาด และผ้าเช็ดเตียง
ถังใส่ผ้าเปื้อน
เครื่องผ้า เหมือนการทาเตียงว่าง ยกเว้น ผ้าห่มและผ้าคลุมเตียง
ถุงมือสะอาด ผ้ากันเปื้อนพลาสติก และ mask
การทำเตียงรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผู้ป่วยที่ได้รับยาสลบ
จุดประสงค์
เตรียมรับผู้ป่วยหลังจากไปรับการผ่าตัด หรือการตรวจพิเศษ
เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเมื่อผู้ป่วยสำลักหรือลิ้นตก และเมื่อผู้ป่วยอยู่ใน ภาวะอันตราย
เครื่องใช้
ชามรูปไต และกระดาษเช็ดปาก
เครื่องวัดความดันโลหิตพร้อมหูฟัง
เครื่องผ้าเหมือนกับการทาเตียงว่าง
เครื่องใช้อื่น ตามความจำเป็น เช่น เสาน้ำเกลือ เครื่องดูดเสมหะ เครื่องดูดสารคัด
หลั่ง เป็นต้น