Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ…
บทที่ 9 พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551
มาตรา 1 พระราชบัญญัติเรียกว่า "พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามแธยาศัย พ.ศ.2551
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งเเต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยซึ่งดําเนินการโดยสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษาที่ได้บัญญัติไว้แล้ว
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
“การศึกษานอกระบบ” หมายความว่า กิจกรรมการศึกษาที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการและวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีรูปแบบ หลักสูตร วิธีการจัดและระยะเวลาเรียนหรือฝึกอบรมที่ยืดหยุ่น
“การศึกษาตามอัธยาศัย” หมายความว่า กิจกรรมการเรียนรู้ในวิถีชีวิตประจำวันของบุคคลซึ่งบุคคลสามารถเลือกที่จะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตอลดชีวิต ตามความสนใจ
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
“ภาคีเครือข่าย” บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยตามกฏหมาย
มาตรา 5 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา ให้บุคคลได้รับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพตามกฏหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 6 การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้ยึดหลักต่อไปนี้
1.การศึกษานอกระบบ
ก.ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง
ข.การกระจายอำนาจแก่สถานศึกษาและการให้ภาคีเครือข่าย
2.การศึกษาตามอัธยาศัย
ก.การเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้
ข.การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ให้มีความหลากหลาย
ค.การจัดกรอบหรือแนวทางการเรียนรู้ที่เป็นคุณประโยชน์ต่อผู้เรียน
มาตรา 7 การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบ ให้ดำเนินการเพื่อเป้าหมายในเรื่องดังต่อไปนี้
1.ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังคนและสังคมที่ใช้ความรู้และภูมิปัญญาเป็นฐาน
2.ภาคีเครือข่ายเกิดแรงจูงใจและมีความพร้อมในการมีส่วนร่วมเพื่อจัดกิจกรรม
มาตรา 8 การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาตามอัธยาศัย ให้ดำเนินการเพื่อเป้าหมาย
1.ผู้เรียนได้รับความรู้แบะทักษะพื้นฐานในนการแสวงหาความรู้ที่จะเอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2.ผู้เรียนได้เรียนรู้สาระที่สอดคล้องกับความสนใจและความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิต
3.ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์และเทียบโอนผลการเรียนกับการศึกษาในระบบและนอกระบบ
มาตรา ๙ ให้กระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยให้ความสําคัญแก่ผู้เกี่ยวข้องตามบทบาทและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้เรียน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ และสามารถเลือกรับบริการได้หลากหลาย
(๒) ผู้จัดการเรียนรู้สําหรับการศึกษานอกระบบ และผู้จัดแหล่งการเรียนรู้สําหรัการศึกษาตามอัธยาศัย มีการดําเนินการที่หลากหลายตามศักยภาพเพื่อตอบสนองความต้องการ
(๓) ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ซึ่งเป็นผู้ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เรียนและผู้จัดการเรียนรู้มีการดําเนินการที่หลากหลาย
มาตรา ๑๐ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย อาจดําเนินการส่งเสริมและสนับสนุนในเร่องดังต่อไปนี้
(๑) สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่จําเป็น
(๒) การจัดการศึกษา การพัฒนาวิชาการและบุคลากร การใช้ประโยชน์จากทรัพยากร
(๓) สิทธิประโยชน์ตามความเหมาะสมให้แก่ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน
(๔) การสร้างและพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย
(๕) ทรัพยากรอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการเพื่อให้บุคคลและชุมชนได้เรียนรู้
มาตรา ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดและพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อดําเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการดําเนินงานของภาคีเครือข่าย
(๓) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคีเครือข่าย ได้รับโอกาสในการจัดสรรทรัพยากร
มาตรา ๑๒ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) กําหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(๒) กําหนดแนวทางการดําเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการประสานงานระหว่างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
(๔) เสนอแนะต่อรัฐมนตรีในการจัดทําและการพัฒนาระบบการเทียบโอนผลการเรียนจาก
การเรียนรู้
(๕) ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
มาตรา ๑๓ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เรียกว่า
“คณะอนุกรรมการภาคีเครือข่าย” ที่ประกอบด้วยภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุน
จํานวนอนุกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาของประธานและอนุกรรมการวาระการดํารงตําแหน่งและการพ้นจากตําแหน่ง รให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๔ ให้มีสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยขึ้นในสํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ เรียกโดยย่อว่า “สํานักงาน กศน.”
สํานักงานมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นหน่วยงานกลางในการดําเนินการ ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานการศึกษา
(๒) จัดทําข้อเสนอแนะ นโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศึกษา
(๓) ส่งเสริม สนับสนุน และดําเนินการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ การวิจัย การพัฒนาหลักสูตรและนวัตกรรมทางการศึกษา
(๔) ส่งเสริม สนับสนุน และดําเนินการเทียบโอนผลการเรียน
(๕) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน
(๖) จัดทําข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
(๗) ดําเนินการเกี่วกับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดําเนินงานการศึกษา
มาตรา ๑๕ ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดทุกจังหวัด ดังต่อไปนี้
ในกรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร
ในจังหวัดอื่น ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
มาตรา ๑๖ คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ให้คําปรึกษาและร่วมมือในการพัฒนาการจัดการศึกษา
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนภาคีเครือข่าย
(๓) ติดตามการดําเนินการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(๔) ปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๑๗ ให้มีสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดทุกจังหวัด ดังต่อไปนี้
ในกรุงเทพมหานคร ให้มีสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร เรียกโดยย่อว่า “สํานักงาน กศน. กทม.”
ในจังหวัดอื่น ให้มีสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด เรียกโดยย่อว่า “สํานักงาน กศน. จังหวัด”
มาตรา ๑๘ ให้สถานศึกษาทําหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน และจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยร่วมกับภาคีเครือข่าย
การดําเนินงานของสถานศึกษาตามวรรคหนึ่ง อาจจัดให้มีศูนย์การเรียนชุมชนเป็นหน่วยจัดกิจกรรมและสร้างกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนก็ได้
การจัดตั้ง ยุบ เ ลิก รวม การกําหนดบทบาท อํานาจและหน้าที่ของสถานศึกษาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
มาตรา ๑๙ ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งมีคณะกรรมการสถานศึกษา
จํานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาของประธานและกรรมการวาระการดํารงตําแห่งและการพ้นจากตําแหน่ง รวมทั้งอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกําหนด
มาตรา ๒๐ ให้สํานักงานจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษานอกระบบซึ่งเป็นระบบการประกันคุณภาพภายในสําหรับสถานศึกษาที่มีคุณภาพ
ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพภายใน โดยได้รับความร่วมมือ ส่งเสริม และสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายและสํานักงาน
มาตรา ๒๑ ให้สํานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ปรับเปลี่ยนภารกิจมาเป็นสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ให้คณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
มาตรา ๒๒ ให้เลขาธิการ กศน. แต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่ผู้อํานวยการสํานักงาน กศน. กทม.
การดําเนินการแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๒๓ ให้รัฐมนตรีจัดทําบัญชีรายชื่อสถานศึกษาในสังกัดสํานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ
ให้ถือว่าสถานศึกษาตามบัญชีรายชื่อที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดตามวรรคหนึ่งเป็นสถานศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้
นางสาวรูสลีนา ยูนุ๊ เลขที่ 14
กลุ่ม 05 รหัส 6220160405