Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บท2ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา, image - Coggle Diagram
บท2ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา
ยาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการรักษาความเจ็บป่วย เเต่ทุกสิ่งในโลกย่อมมีคุณเเละโทษอยู่ในตัวเอง ควรระมัดระวังในการใช้
เเหล่งที่มาของยา
1.ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
พืช
ได้จากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ตัวยารีเซอฟีนสกัดจากรากของต้นระย่อม ใช้ลดความดันเลือดสูง หรือมอร์ฟีน สกัดจากยางของฝิ่น ใช้เป็นยาระงับปวด
-
สัตว์
ได้จากอวัยวะต่างๆ ของสัตว์ เช่น อินซูลินจากตับอ่อนของหมูและวัว
-
แร่ธาตุ
เช่น คาโอลิน และกำมะถัน เป็นต้น
ยาสังเคราะห์
ยาแผนปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ส่วนใหญ่ได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมี อาจเป็นยาสังเคราะห์เลียนแบบสารที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ยาคลอแรมเฟนิคอล หรือเป็นอนุพันธ์ของสารที่ได้จากธรรมชาติ
รูปแบบของยาเตรียม (Dosage forms)
1.รูปแบบยาเตรียมที่เป็นของแข็ง (Solid dosage form)
ยาเตรียมรูปแบบของแข็งนิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากสามารถบริหารยาสะดวก
1.1 ยาเม็ด (Tablet)
1.2 ยาแคปซูล (Capsule)
1.3 ยาผง (Powder)
รูปแบบยาเตรียมที่เป็นของเหลว (Liquid dosage form)
รูปแบบยาเตรียมที่เป็นกึ่งของแข็ง (Semisolid dosage form)
3.1 ครีม (Cream) เป็นอีมัลชั่นที่มีความข้นมากหรืออีมัลชั่นชนิดกึ่งแข็ง มีตัวยาละลายอยู่ในน้ำาหรือน้ำามัน ครีมมีลักษณะขาวขุ่น ใช้สำหรับทาภายนอกเท่านั้น
3.2 ยาขี้ผึ้ง (Ointment) เป็นยาเตรียมสำหรับใช้ทาผิวหนัง ตัวยาจะละลายอยู่ในยาพื้นขี้ผึ้ง ซึ่งมีลักษณะเป็นมัน
3.3 เพสท์ (Paste) เป็นยาขี้ผึ้งซึ่งมีผงยาที่ไม่ละลายผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้ยามีลักษณะเป็นเนื้อหยาบกว่า
3.4 ยาเหน็บ (Suppositories) เป็นยาเตรียมที่ใช้โดยการเหน็บทวารหนักหรือช่องคลอด เพื่อให้ออกฤทธิ์เฉพาะที่
ยาขี้ผึ้ง (Ointments) ครีม (Creams) และเจล (Gels)
ยาขี้ผึ้ง ลักษณะเป็นน้ำมัน สำหรับใช้ภายนอก ใช้ทาเฉพาะที่ จึงเก็บให้ห่างจากแสงแดด
ครีม เป็นยาแขวนละอองที่มีความข้นมาก ครีมจะเหลวกว่าขี้ผึ้ง เป็นยาใช้ภายนอกหรือใช้เฉพาะที่ ตัวยาละลายในน้ำหรือน้ำมันใช้ทาได้ง่าย ล้างออกง่าย ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น
เจล เป็นยากึ่งแข็งกึ่งเหลว ตัวยาในเจลจะค่อยๆ ดูดซึม เป็นตัวยาทาเพื่อบรรเทาอาการอักเสบและปวดบวม
วิถีทางในการให้ยา( Routes of administration )
1.การให้ยาผ่านทางเดินอาหาร
1.1 การรับประทาน (Oral ingestion) เป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากใช้ง่าย สะดวก และมีความปลอดภัย
1.2 การอมใต้ลิ้น (Sublingual administration) ตัวยาจะถูกดูดซึมผ่านหลอดเลือดฝอยในช่องปาก และเข้าสู่หัวใจโดยไม่ผ่านกระเพาะอาหารและลาไส้ ใช้ในกรณีที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์เร็ว
1.3 การให้ยาทางทวารหนัก (Rectal administration) วิธีนี้รูปแบบของยาอาจอยู่ในรูปของยาเหน็บหรือยาสวนทวาร
2.1 การให้ยาฉีด (Injection)
การฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous administration)
การฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ (Intramuscular injection)
การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous administration)
2.2 การให้ยาเฉพาะที่ (Topical application)
2.3 การให้ยาชนิดสูดดม (Inhalation)
วิธีนี้ใช้สำหรับยาที่อยู่ในรูปแบบก๊าซ ของเหลวที่ระเหยได้ในอุณหภูมิธรรมดา ของเหลวที่จ่ายในรูปหยดเล็ก (Aerosol) และยาผงละเอียดสาหรับสูดดม
การบริหารยา (Administration)
-ยาก่อนอาหาร
-ยาหลังอาหาร
-ยาหลังอาหารทันที
-ยาพร้อมอาหาร
-ยาก่อนนอนหรือหลังอาหารเย็น
-ยารับประทานเวลามีอาการ
หนังสือคู่มือการใช้ยา TIMS
ในวงการเภสัชกร แพทย์ พยาบาล และบุคคลากรทางการแพทย์เกือบทุกคนจะต้องรู้จักหนังสือ MIMS Annual Thailand เป็นวารสารที่จัดทำขึ้นโดย CMPMedica เนื้อหาเป็นการรวบรวมข้อมูลยาทั้งหมดที่มีในโลกนี้ รวมถึงข้อมูลยาเฉพาะในแต่ละประเทศทั่วโลก
ปัจจุบัน MIMS ได้จัดทำฐานข้อมูล online ขึ้นมาสามารถลงทะเบียนใช้ได้ฟรี แต่เราต้องลงข้อมูลส่วนตัวหรือคุณวุฒิให้เขาได้รับทราบ แต่ฐานข้อมูลนี้ ไม่ต้องไปสมัครเสียเงินให้ยุ่งยาก
การเรียกชื่อยาและคำสั่งการใช้ยา
ผู้สั่งยาจะต้องเขียนคำสั่งใช้ยาอย่างครบถ้วนและชัดเจน
หลีกเลี่ยงการใช้คำย่อที่ไม่เป็นสากลหรือการสั่งยาโดยวาจาหรือทางโทรศัพท์
ใช้ชื่อสามัญในการสื่อสารด้านยา เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการสื่อสาร หรือก่อปัญหาการสั่งใช้ยาไม่เหมาะสม