Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ยาต้านโรคมะเร็ง - Coggle Diagram

- - - - กลไกการออกฤทธิ์ :ยาต้านโฟเลตที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์dihydrofolate reductase เปลี่ยนไปเป็นtetrahydrofolateที่เป็นcofactorสำคัญที่นำไปใช้สร้างสารตั้งต้นของDNA,RNAและโปรตีน
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด ใช้รักษามะเร็งต่อไปนี้ เช่น มะเร็งรก มะเร็งที่ศีรษะและคอ มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic
    - - กลไกการออกฤทธิ์ :มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสังเคราะห์และสร้างสารตั้งต้นของDNA,RNAและโปรตีน
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งปอด,มะเร็งตับอ่อน
    - - จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง :เลือดออกง่าย
      - อาจทำให้แท้งและเด็กในครรภ์พิการได้ พิษต่อตับ พิษต่อไต
      - ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร :คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
      - ผมร่วง พบน้อย แต่ผมงอกขึ้นใหม่หลังหยุดยา
      - ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร :คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
  - - - กลไกการออกฤทธิ์ :คล้ายกับ6-MP
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ANLLหรือAML
    - - กลไกการออกฤทธิ์ :เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสายDNAเกิดการยับยั้งสร้าง DNA
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษาCLLและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ไม่รุนแรง
    - - กลไกการออกฤทธิ์ :เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดเปลี่ยนเป็นสารไรโบนิวคลีโอไทด์ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเอนไซมืหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง purine ถูกนำมาใช้ในการสังเคราะห์กรดนิวคลิอิกที่จำเป็น
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL (acute lymphocytic leukemia)และAML
    - - มีแผลในปากหรือริมฝีปาก
      - อากรอื่นๆ เช่น อุจจาระสีดำ ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด เสียงแหบ
      - กดไขกระดุก
  - - - กลไกการออกฤทธิ์ :เกิดการยับยั้งการเชื่อมต่อสายของสายDNA
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ นิยมใช้การหยดช้าๆเป็นเวลา5-7วัน ใช้รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดAML
    - - กลไกการออกฤทธิ์ :เมื่อยาเข้าสู่เซลล์ ยาจะถูกกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอตเฟตจะเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสายDNAเกิดการยับยั้งการสร้างDNA
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งตับอ่อนที่แพร่กระจายไปแล้ว มะเร็งปอด มะเร็งไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะอาหาร
    - - กลไกการออกฤทธิ์ :คล้ายกับ5-FU
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษาเพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
    - - พบอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง
      - มีการลอกของฝ่ามือและฝ่าเท้า
      - มีอาการคลื่นไส้อาเจียนพะอืดพะอมหรืออาการท้องเสีย
      - ผิวหนังจะถูกแสงแดดเผาง่าย
      - มีแผลในทางเดินอาหารตั้งแต่ที่ริมฝีปาก ในช่องปากและเยื่อบุทางเดินอาหาร
      - ผมร่วง แต่ผมจะงอกขึ้นใหม่หลังหยุดยา
      - กดการสร้างเม็ดเลือด
    - - กลไกการออกฤทธิ์ :ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์thymidylate synthase
      - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารมะเร็งตับอ่อนและมะเร็งลำไส้ใหญ่
- - - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิดHodgkin’sและnon-Hodgkin lymphoma,มะเร็งลูกอัณฑะและมะเร็งเต้านม
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :ใช้รักษาnon-small cell lung cancerและมะเร็งเต้านม
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดacute lymphocytic leukemia มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิดHodgkin’sและnon-Hodgkin lymphoma
    - - กดไขกระดูกมากกว่า vincristine
      - คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเดิน ปวดท้อง
      - ชาตามปลายมือปลายเท้า เดินเซ
      - พบการอับเสบของหลอดเลือดดำบริเวณที่ให้ยา
  - - - ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก
      - คลื่นไส้ อาเจียน
      - เกิดภาวะคั่งน้ำในร่างกาย
      - อวัยวะส่วนปลายบวม
      - กดไขกระดูก
      - ปลายประสาทผิดปกติ
- - - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก : รักาามะเร็งบริเวณที่ศีรษะและลำคอและมะเร็งลำไส้ส่วนล่าง
      - ผลข้างเคียง :ความดันต่ำและหายใจลำบาก
      - กลไกการออกฤทธิ์ :จับที่epidermal growth factor ทำใหไม่สามารถรับสัญญาณที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก : รักษษมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B cell chronic lymphocytic leukemia
      - ผลข้างเคียง :ความดันในเลือดต่ำ หลอดลมบีบเกร็ง กดไขกระดูก
      - กลไกการออกฤทธิ์ :ไปจับกับCD52 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิด B cell หรือ T cell กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก : รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดB-cell lymphoma
      - ผลข้างเคียง :อาการความดันเลือดต่ำ หลอดลมบีบตัวเกร็ง กดไขกระดูก
      - กลไกการออกฤทธิ์ :ยาไปจับกับCD20ที่ผิวB Cellได้ หลังจากที่จับกันแล้วกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก : รักษาโรคมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
      - ผลข้างเคียง :ภาวะหัวใจล้มเหลว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
      - กลไกการออกฤทธิ์ :ยาจับกับhuman epidermoid growth factor receptor2 ซึ่งreceptorชนิดนี้เกี่ยวข้องกับtyrosine kinase ที่มีมากในมะเร็งเต้านม
  - - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษามะเร็งเม้ดเลือดขาวชนิดchronic myeloid leukemia และacute lymphoblastic leukemia และรักษามะเร็งที่ดื้อยา imatinibได้
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษาchronic myeloid leukemiaและรักษามะเร็งที่ดื้อต่อยา imatinibได้
      - ปฏิกิริยาระหว่างยา
        
        ยับยั้งเอนไซม์ CYP450
        
        ยาต้านเชื้อราในกลุ่มAzoleและErythromycin ลดการทำลายและขับยา imatinib ทำให้ระดับยาImatinibในกระแสเลือด
    - - การนำไปใช้รักษาในคลินิก :รักษาgastrointestinal stromal tumor ซึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ที่พบน้อยชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว
    - - เกล็ดเลือดต่ำ
      - กดไขกระดูก
      - บวมน้ำ
      - หัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - มีน้ำในช่องท้องเยื่อหุ้มหัวใจ เยื่อหุ้มปอด มีน้ำคั่งในปอด