Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 - Coggle Diagram
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 3 บรรดาบทกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งอื่นในส่วนที่ได้บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติ หรือซึ่งขัดหรือแย้งบททแห่งพระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พ.ศ.2552"
มาตรา 4 การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์สร้าง จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาอันเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรในสถานศึกษา / หน่วยงานต้นสังกัด
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา ( สมศ )
ผู้สอน หมายความว่า ครู และคณาจารย์ในสถานศึกษาต่าง ๆ
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ซึ่งที่มีหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ในสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากร ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอน และการวิจัย ในสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ/เอกชน(ข้อสังเกต ไม่มีคำว่า วิชาชีพ/การเรียน/การส่งเสริม)
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษา นอกสถานศึกษา ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งทำหน้าที่ในการให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการการเรียน การสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่างๆ
"กระทรวง" หมายความว่า กระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวง ระเบียบและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด 1 บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการ
มาตรา 8 หลักการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบ ดังนี้
ให้สังคมมีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษา
การพัฒนาสาระ และกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เป็นการศึกษาตลอดชีวิต สำหรับประชาชน
มาตรามาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
มาตรา 9 การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้
มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
4.มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆมาใช้ในการจัดการศึกษา
การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
มาตรา 10 การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ และโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้ อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย
การศึกษาสำหรับคนพิการ รัฐต้องจัดให้ตั้งแต่แรกเกิด หรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคล ( ความแตกต่างระหว่างบุคคล )
มาตรา 11 บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล ได้รับการศึกษาภาคบังคับตามมาตรา 17 และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนให้ได้รับการศึกษา นอกเหนือจากการศึกษาภาคบังคับ ตามความพร้อมของครอบครัว
มาตรา 12 นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถื่น ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 13 บิดามารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย )
การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
มาตรา 14 บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และอื่น ซึ่งสนับสนุนหรือจัดการศึกษาขั้นพื้ฐาน มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ตามควรแก่กรณี ดังต่อไปนี้
การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
หมวด 3 ระบบการศึกษา
มาตรา 15 ระบบการศึกษา มี 3 ระบบ
2.การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา
3.การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ
1.การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผล และประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน
มาตราที่ 16 การศึกษาในระบบ มี 2 ระดับ คือ
1.การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดให้ไม่น้อยกว่า 12 ปี ก่อนอุดมศึกษา
2.การศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
มาตรา 17 การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน 9 ปี โดยเด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จนอายุย่างเข้าปีที่ 16 เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
มาตรา 18 การจัดการศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
2.โรงเรียน เช่น โรงเรียนรัฐ / เอกชน
3.ศูนย์การเรียน
1.สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
มาตรา 19 การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ให้จัดในมหาวิทยาลัย สถาบัน วิทยาลัยหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับสถานศึกษาระดับอุดมศึกษากฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษานั้นๆ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
มาตรา 20 การจัดการอาชีวศึกษา การฝึกอบรมวิชาชีพ
ให้จัดในสถานศึกษาของรัฐ สถานศึกษาของเอกชน สถานประกอบการหรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษาและกฎหมายเกี่ยวข้อง
มาตรา 21 กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ
อาจจัดการศึกษาเฉพาะทางตามความต้องการและความชำนาญของหน่วยงานนั้นได้ โดยคำนึงถึงนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของชาติ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิะีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา
มาตรา 22 การจัดการศึกษายึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ
มาตราที่ 23 จุดเน้นในการจัดการศึกษา ( ทั้ง 3 ระบบ )
1.ความรู้ คุณธรรม 2. กระบวนการเรียนรู้ 3. บูรณาการ ตามความเหมาะสม ดังนี้
ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม รวมถึงประวัติความเป็นมาของสังคมไทย และระบอบการปกครอง
ความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
มาตราที่ 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป้นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ
จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็นทำเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
มาตรา 25 รัฐส่งเสริมการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดประเมินผู้เรียน ควบคู่กับกระบวนการเรียนการสอน ( โดยถือว่าการประเมินผล เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษา และเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา )
มาตรา 27 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา 30 สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมผู้สอนให้สามารถวิจัย เพื่อพัฒนาผู้เรียน
หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา
ส่วนที่ 1การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐ
มาตรา 32 การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ที่เป็นองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา จำนวน 4 องค์กร คือ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
กรรมการโดยตำแหน่ง ( ปลัดกระทรวง / เลขาฯ สภา / เลขาฯ อุดมศึกษา / เลขาฯ อาชีวศึกษา / เลขาฯ คุรุสภา / ผอ.สำนักงบประมาณ / ผอ.สำนักสอนวิทย์ และเทคโนฯ / ผอ.สำนักรับรองมาตรฐาน และประกันคุณภาพ)
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ( ไม่มีผู้แทนศาสนา )
ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 12 คน และผู้แทนพระ 1 รูป )
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน )
คณะกรรมการการอุดมศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน )
สภาการศึกษา
พิจารณา เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ กับการศึกษาทุกระดับ
พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา
พิจารณาเสนอนโยบาย และแผน ในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา
ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษา
ให้ความเห็น และคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และกฎกระทรวง
คณะกรรมการสภาการศึกษา ( จำนวน 59 คน )ประกอบด้วย ( ข้อสอบ )
ประธานกรรมการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
กรรมการโดยตำแหน่ง
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
ผู้แทนคณะสงฆ์
ผู้แทนศาสนาอิสลาม
ผู้แทนศาสนาอื่น
ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 30 คน )
เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
มาตรา 37 การบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึง
จำนวนประชากร
วัฒนธรรม
ปริมาณสถานศึกษา
ความเหมาะสมด้านอื่น ๆ
รัฐมนตรีกระทรวง โดยคำแนะนะของ สภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา 38 คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจในการ กำกับ ดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา
คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ( จำนวน 15 คน )ประกอบด้วย
ผู้แทนองค์กรชุมชน
ผู้แทนองค์กรเอกชน
ผู้แทนองค์กรส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา
ผู้แทนสมาคมผู้ปกครอง และครู
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
ผู้แทนผู้ปกครอง
ผู้แทนครู
ผู้แทนองค์กรชุมชน
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้แทนศิษย์เก่า
ผู้แทนพระภิกษุ/องค์กรศาสนาอื่น
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
ส่วนที่ 2 การบริหาร และการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
ส่วนที่ 3 การบริหาร และการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา 44 สถานศึกษาเอกชน เป็น นิติบุคคล
คณะกรรมการสถานศึกษาเอกชน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน
ผู้รับใบอนุญาต
ผู้แทนผู้ปกครอง
ผู้แทนองค์กรชุมชน
ผู้แทนครู
ผู้แทนศิษย์เก่า ( ไม่มีผู้แทน องค์กรส่วนท้องถิ่น และ ศาสนา )
ผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 45 สถานศึกษาเอกชน มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
หมวดที่ 6 มาตรฐาน และการประกันคุณภาพทางการศึกษา
มาตรา 47 ให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
มาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน โดยให้ถือว่า การประกันคุณภาพภายใน
จัดทำรายงานประจำปีเสนอหน่วยงานต้นสังกัด / หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เปิดเผยต่อสาธารณชน
ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
มาตรา 49 ให้มี สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา มีฐานะเป็นองค์กรมหาชน มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการ และทำการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อตรวจสอบ คุณภาพ ของสถานศึกษา อย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุก 5 ปี นับแต่ประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชน
มาตรา 51 กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา ไม่ได้มาตรฐานให้ สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการให้รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หมวดที่ 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ ภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ มีอำนาจ ( ทำให้เกิด พ.ร.บ.สภาครู ฯ )
กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ / ออก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการ
ปฏิบัติตามมาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ / พัฒนาวิชาชีพ
ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ และเอกชน
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ยกเว้น
บุคลากรที่จัดการศึกษา ตามอัธยาศัย
ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตการศึกษา
วิทยากรพิเศษทางการศึกษา
คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา
หมวดที่ 8 ทรัพยากร และการลงทุน เพื่อการศึกษา
มาตรา 59 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาของรัฐ ที่เป็นนิติบุคคลได้มา โดยมีผู้อุทิศให้หรือซื้อ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษา บรรดารายได้ และผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง ให้จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาได้
บทเฉพาะกาล
มาตรา 70 บรรดา กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้
มาตรา 72 ห้ามมิให้ใช้ มาตรา 10 ( การศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ) มาบังคับใช้ จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้
ภายใน 6 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้มีการประเมินภายนอกทุกแห่ง ( 2548 )
มาตรา 75 ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปทางการศึกษา เป็น องค์กรมหาชนเฉพาะกิจ
มาตรา 76 คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จำนวน 9 คน มีวาระดำรงตำแหน่งวาระเดียว 3 ปี เมื่อครบแล้วยุบตำแหน่ง และสำนักงาน
หมวดที่ 9 เทคโนโลยี เพื่อการศึกษา
มาตรา 63 รัฐต้องจัดคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ โครงสร้างพื้นฐานอื่น ที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษา
มาตรา 64 รัฐส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต และพัฒนาแบบเรียน โดนเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม
https://www.youtube.com/watch?v=0T_1Ie_VFhQ
https://www.youtube.com/watch?v=G73jsFEXyxo
https://www.youtube.com/watch?v=SnqafVUQX10