Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ - Coggle Diagram
การส่งเสริมสุขอนามัยและการพักผ่อนนอนหลับ
3.1 การส่งเสริมสุขอนามัย
3.1.1 ความสำคัญของการส่งเสริมสุขอนามัย
เมื่อบุคคลอยู่ในภาวะเจ็บป่วย
พยาบาลจะเป็นผู้ให้การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายแก่บุคคลเมื่ออยู่ในภาวะเจ็บป่วยนั้น
พยาบาลจึงจำเป็นต้องรู้และเข้าใจถึงหลักการและเทคนิคปฏิบัติการพยาบาลเพื่อช่วยขจัดสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สุขสบาย
ส่งเสริมให้ผู้ปุวยเกิดความสุขสบายทั้งร่างกายและจิตใจมีคุณภาพที่ดีและมีความสุข
3.1.2ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสุขอนามัยส่วนบุคคล
อายุ
เพศ
ภาวะสุขภาพ
การศึกษา
อาชีพ
เศรษฐกิจ
ถิ่นที่อยู่
กรรมพันธุ์
สิ่งแวดล้อม
ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ
พฤติกรรมสุขภาพอนามัย
สุขอนามัย
หลักการและความรู้ของการคงไว้หรือรักษาไว้ซึ่งสุขภาพและ
การป้องกันโรค
สุขอนามัยส่วนบุคคล
การดูแลตนเอง
การส่งเสริมสุขอนามัย
เป็นการส่งเสริมสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงการคงไว้หรือรักษาไว้ซึ่งสุขภาพและการป้องกันโรค
3.1.3การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
เป็นบทบาทอิสระของพยาบาลที่สามารถพิจารณากระทำได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่งของแพทย์
ใช้กระบวนการพยาบาลในการจัดกิจกรรมการดูแลสุขอนามัยที่ตรงกับความต้องการของผู้ปุวยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงเวลาในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลมีดังนี้
1.การพยาบาลตอนเช้าตรู่หรือเช้ามืด
เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลเวรดึก
เมื่อผู้ปุวยตื่นนอนแล้ว
พยาบาลจะดูแลผู้ป่วยช่วยเหลือเรื่อง
การขับถ่ายปัสสาวะ
อุจจาระ
การให้กระบอกปัสสาวะ
การทำความสะอาดร่างกาย
2.การพยาบาลตอนเช้า
เป็นหน้าที่ของพยาบาลเวรเช้าที่จะให้การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย
3.การพยาบาลตอนบ่ายหรือตอนเย็น
เป็นหน้าที่ของพยาบาลเวรเช้าหากทำกิจกรรมภายในช่วงก่อนเวลา 16.00 น. ช่วงเวลาตอนเย็น
เป็นหน้าที่ของเวรบ่ายในการดูแลทำความสะอาด
ปากและฟัน
การล้างมือล้างหน้า
หวีผม
สระผม
ให้กระบอกปัสสาวะ
การรักษาพยาบาลอื่นที่มีในเวรบ่าย
4.การพยาบาลตอนก่อนนอน
เป็นหน้าที่ของพยาบาลเวรบ่ายดูแลเรื่องการ
ให้กระบอกปัสสาวะ
การล้างมือล้างหน้า
ทำความสะอาดปากฟัน
การนวดหลัง
การจัดท่าให้ผู้ป่วยได้พักผ่อน
5.การพยาบาลเมื่อจ าเป็นหรือเมื่อผู้ปุวยต้องการ
พยาบาลให้การพยาบาลตามความต้องการของผู้ป่วยตลอด24ชั่วโมง
3.1.4การดูแลความสะอาดร่างกาย
3.1.4.1การดูแลความสะอาดของผิวหนัง/การอาบน้ำ
1.การอาบน้ำที่ห้องน้ำ
2.การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงเฉพาะบางส่วนกรณี
หลังการผ่าตัดไส้ติ่ง
กระดูกขาหักใส่เฝือก
มีอาการอ่อนเพลียบ้าง
3.การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียงชนิดสมบูรณ์
เป็นการทำความสะอาดร่างกายโดยการอาบน้ำเช็ดตัวให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งหมด
จุดประสงค์การอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียง
1.กำจัดสิ่งสกปรก
2.ให้ผู้ปุวยรู้สึกสบา สดชื่นและผ่อนคลาย
3.ประเมินการเคลื่อนไหวของร่างกายและส่งเสริมการออกกำลังกายของข้อ
4.สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและป้องกันแผลกดทับ
การนวดหลัง
จุดประสงค์การนวดหลังเพื่อ
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ป้องกันแผลกดทับ
ให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดความตึงตัว
กระตุ้นผิวหนังและต่อมเหงื่อให้ท างานดีขึ้น
สังเกตความผิดปกติของผิวหนังบริเวณหลัง
วิธีปฏิบัติ
1.แนะนำตนเองบอกให้ผู้ป่วยทราบและอธิบายวัตถุประสงค์
นำเครื่องใช้ต่างมาวางที่โต๊ะข้างเตียงกั้นม่านให้มิดชิด
ล้างมือ
จัดท่านอนคว่ำและชิดริมเตียงด้านพยาบาลยืนมีหมอนเล็กรองใต้หน้าอก
เลื่อนผ้าห่มมาบริเวณก้นกับปูผ้าเช็ดตัวทับบนผ้าห่มถ้านอนตะแคงให้ปูผ้าเช็ดตัวเรียงกัน
ทาแป้งหรือหรือโลชั่น
นวดบริเวณหลังเรียงลำดับตามขั้นตอนดังนี้
7.1 Stroking
ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางที่บริเวณก้นกบค่อยลูบขึ้นตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอ
7.2Friction
ใช้ฝ่ามือลูบแบบถูไปมาตามแนวยาวของกล้ามเนื้อไหล่กล้ามเนื้อสีข้างสองข้างนิ้วชิดกัน
7.3Kneading
เป็นการบีบนวดกล้ามเนื้อ
7.4 Beating
กำมือมือทุบเบาๆบริเวณกล้ามเนื้อแก้มก้น
7.5Hacking
ใช้สันมือด้านนิ้วก้อยสับสลับกันเร็วโดยการกระดกข้อมือสับขวางตามใยกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก
7.7Stroking
ทำเหมือนข้อ 7.1ทำซ้ำประมาณ5-6 ครั้ง
7.6Clapping
ใช้อุ้งมือตบเบาโดยห่อมือให้ปลายนิ้วชิดกันทั้งสองข้างสลับมือกันโดยกระดกข้อมือขึ้นลงทั่วบริเวณหลัง
เครื่องใช้
ครีมหรือโลชั่นทาตัวหรือแปูง
ผ้าห่ม 1 ผืน และผ้าเช็ดตัว 1ผืน
3.1.4.2การดูแลความสะอาดปากและฟัน
วัตถุประสงค์
ปากและฟันสะอาด มีความชุ่มชื่น
กำจัดกลิ่นปาก ลมหายใจสดชื่น ป้องกันฟันผุ
ลดการอักเสบของเหงือก กระพุ้งแก้ม
หลักการทำความสะอาดปากและฟัน
แปรงฟันทุกซี่นาน 5 นาที
ผู้ปุวยที่มีปัญหาในช่องปากต้องทำความสะอาดปากและฟันให้ทุก 2 ชั่วโมง
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวพยาบาลต้องทำความสะอาดปากและฟันให้เป็นพิเศษ
วิธีการทำความสะอาดปากและฟันผู้ป่วยที่ช่วยตนเองได้
พยาบาลแนะนำตนเองบอกให้ผู้ป่วยทราบและอธิบายวัตถุประสงค์และวิธีการทำความสะอาดปากและฟันอย่างง่าย
นำเครื่องใช้ไปที่เตียงผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูงหรือท่านั่ง
ล้างมือและสวมถุงมือ
ปูผ้ากันเปื้อนใต้คางวางชามรูปไตใต้คางให้ผู้ปุวยช่วยถือไว้หรือวางบนโต๊ะ
ให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดและแปรงฟันตามขั้นตอน
6.1แปรงฟันบนด้านนอกและด้านในวางแปรงหงายขึ้นและปัดขนแปลงลงล่างทำจนครบทุกซี่
6.2แปรงฟันล่างวางขนแปรงที่รอยต่อระหว่างเหงือกและฟันเอียงแปรงทำ
มุม45องศาบนฟัน2-3ซี่และปัดขนแปลงลงล่าง
6.3วางขนแปรงบนด้านบนของฟันบดเคี้ยวแปรงถูไปมาทั้งฟันบนและฟันล่าง
6.4บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด
6.5ควรแปรงลิ้นวางแปรงบริเวณกลางลิ้นลากแปรงมาตามยาวทางปลายลิ้นหลังแปรงฟันแล้ว
6.6ให้บ้วนปากและกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปาก
6.7ถ้าริมฝีปากแห้งให้ทาด้วยวาสลินทาปาก
6.8เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
6.9ลงบันทึกทางการพยาบาล
3.1.4.3การดูแลความสะอาดของเล็บ
จุดประสงค์
ให้เล็บสะอาดและสุขสบาย
ป้องกันการเกิดเล็บขบ
เครื่องใช้
1.ถาดใส่สบู่ผ้าถูตัวผ้าเช็ดตัวกรรไกรตัดเล็บตะไบเล็บกระดาษรอง
อ่างใส่น้ำอุ่น
ถุงมือสะอาด และmask
วิธีการปฏิบัติ
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ปุวยทราบวัตถุประสงค์
2.ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงผู้ป่วยจัดวางให้เรียบร้อยเพื่อสะดวกในการใช้
3.คลี่ผ้าเช็ดตัวรองอ่างน้ำแช่มือหรือเท้าสักครู่
4.ใช้ผ้าเช็ดตัวถูสบู่พอกขัดตามซอกเล็บง่ามนิ้ว
ยกอ่างน้ำออกเช็ดมือหรือเท้าให้แห้ง
ปูกระดาษรองตัดเล็บให้ปลายเล็บตรง
7.ใช้ตะไบถูเล็บให้ขอบเล็บเรียบ
เปลี่ยนน้ำล้างมือหรือล้างเท้าอีกครั้งหนึ่งเช็ดให้แห้ง
9.เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยเก็บเศษเล็บทิ้งในถังขยะติดเชื้อกรรไกรตัดเล็บและตะไบเล็บทำความสะอาดด้วยสำลีชุบ แอลกอฮอล์70%
ลงบันทึกทางการพยาบาล
3.1.4.4 การดูแลความสะอาดของตา
จุดประสงค์
กำจัดขี้ตาทำาให้ดวงตาสะอาด
ความสุขสบายของผู้ป่วย
ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ป่วย
เครื่องใช้
ถาดใส่อับสำลีชุบ 0.9% NSSและชามรูปไต
ถุงมือสะอาด และmask
วิธีปฏิบัติ
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบ
2.ยกของใช้ไปที่เตียงผู้ป่วยจัดวางให้สะดวกในการใช้
3.จัดให้ผู้ป่วยนอนนอนตะแคงด้านที่ต้องการทำความสะอาด
4.ใส่ถุงมือสะอาด
ใช้สำลีชุบ 0.9% NSS พอหมาดเช็ดจากหัวตาไปหางตา
6.พลิกตัวผู้ป่วยตะแคงด้านตรงข้ามและทำความสะอาดตาอีกข้างหนึ่งด้วยวิธีเดียวกัน
7.สังเกตลักษณะและจำนวนของขี้ตารวมทั้งสภาพของตาว่าบวมแดงหรือไม่
8.เก็บของใช้ทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยสำาลีทิ้งลงถังขยะติดเชื้อ
ลงบันทึกทางการพยาบาล
3.1.4.5 การดูแลทำความสะอาดของหู
จุดประสงค์
1.กำาจัดสิ่งสกปรกภายในช่องหู
ทำความสะอาดใบหูและหลังใบหู
เครื่องใช้
0.9% NSS หรือน้ำสะอาด
ผ้าสะอาด
สำลีสะอาดหรือไม้พันสำลี 4 อัน
ชามรูปไต
กระดาษเช็ดปาก
วิธีปฏิบัติ
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
2.ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงของผู้ป่วยจัดวางให้สะดวกในการใช้
3.จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงายเอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อจัดท่าที่เหมาะสม
สวมถุงมือ และmask
ใช้สำลีชุบ 0.9% NSS หรือน้้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดในช่องหูใบหูและเช็ดด้วยผ้าสะอาดจนแห้ง
6.เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
3.1.4.6 การดูแลทำความสะอาดของจมูก
จุดประสงค์
1.กำจัดสิ่งขับถ่ายและสิ่งสกปรกภายในจมูก
ป้องกันสารคัดหลั่งแห้งยึดขนจมูกกับสายที่คาไว้
ป้องกันการเกิดแผลกดทับที่ด้านในรูจมูกจากสายที่คาไว้
เครื่องใช้
ถาดใส่แก้วใส่น้ าสะอาดหรือ 0.9% NSS
ไม้พันส าลีขนาดเล็ก 4-8 อัน
ผ้าก๊อซ
ชามรูปไต
กระดาษเช็ดปาก
พลาสเตอร์ ถุงมือสะอาด และmask
อับสำลีชุบแอลกอฮอล์70%สำลีชุบเบนซินและสำลีชุน้ำเกลือใช้ภายนอก
วิธีปฏิบัติ
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงของผู้ป่วยจัดวางให้สะดวกในการใช้
จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงายศีรษะสูง
สวมถุงมือและmask
5.ใช้สำลีชุบเบนซินเช็ดคราบพลาสเตอร์ออกและเช็ดส่วนที่เป็นยางเหนียวเช็ดด้วยสำลีชุบน้้ำเกลือและเช็ดตามด้วยสำลีชุบ
ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำหรือ 0.9% NSS บีบพอหมาดเช็ดในรูจมูกเบาโดยรอบ
ถ้ามีสายที่คาในรูจมูกใช้ผ้าก๊อซเช็ดสายที่คาในจมูก
เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
9.ลงบันทึกทางการพยาบาล
3.1.4.7การดูแลความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ
วัตถุประสงค์
1.ขจัดความสกปรกและสารที่ใส่บนผมและหนังศีรษะ
2.ความสุขสบายและสดชื่นของผู้ป่วย
ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ป่วยและรู้สึกมีความมั่นใจ
วิธีปฏิบัติ
แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
2.วางของใช้บนรถเข็นสระผมเคลื่อนที่นำไปที่เตียงจัดวางเครื่องใช้ให้สะดวก
3.จัดผู้ปุวยนอนหงายทแยงมุมกับเตียงให้ศีรษะอยู่ริมเตียงนำผ้าเช็ดตัวม้วนกลมรองไว้ใต้คอผู้ป่วย
รองผ้าเช็ดตัววางบนผ้าม้วนกลม แล้วรองผ้ายางบนผ้าเช็ดตัวผืนนั้น
5.เลื่อนรถสระผมเทียบกับขอบเตียงวางศีรษะผู้ปุวยบนผ้าผืนที่ม้วนรองใต้คอจัดชายผ้ายางให้ลงในอ่างล้างผมใช้ไม้หนีบผ้าหนีบผ้ายางให้ติดกัน
6.ใช้หวีหรือแปรงสางผมให้ทั่ว
7.ใช้สำลีชุบน้ำบีบให้หมาดใส่หูข้างละก้อนป้องกันน้ำเข้าหูและใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กชุบน้ำบิดให้หมาดพับเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าปิดตาผู้ป่วย
ใช้แก้วน้ำตักน้ำราดผมพอเปียกเทแชมพูใส่มือถูกันชโลมแชมพูให้ทั่วศีรษะใช้มือทั้งสองข้างเกาหนังศีรษะ
ใช้แก้วน้ำตักน้ำราดผมให้ทั่ว
รวบปลายผมบิดให้หมาดเอาสำลีออกจากหูและคลี่ผ้าปิดตาโดยเอาสายผ้าแต่ละข้างเช็ดใบหูรูหูและหน้าหูและหลังหูจนสะอาดทั่ว
ปลดผ้ายางออกจากคอผู้ป่วยรวบลงอ่างสระผมใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้หมาดพันรวบผมและบอกให้ผู้ป่วยย้ายศีรษะผู้ป่วยวางบนหมอน
12.ใช้เครื่องเป่าผมเป่าผมให้แห้งหวีผมให้ได้ทรงถ้าผมยาวควรรวบผมมัดให้เรียบร้อย
13.เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
เครื่องใช้
ถาดใส่ยาสระผม หวีหรือแปรงผมที่หนีบผ้า
รถเข็นสระผมเคลื่อนที่พร้อมถังรองน้ำทิ้ง
ผ้ายางรองสระผม
เครื่องเป่าาผม
ถุงมือสะอาด และmask
3.1.4.8การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของชายและหญิง
เครื่องใช้
ผ้าปิดตา
ถุงมือสะอาด
หม้อนอนพร้อมผ้าคลุมหม้อนอนผ้ายางผืนเล็ก
ถาดใส่ของ
4.1น้ำเกลือใช้ภายนอกหรือน้ำสะอาด
4.2น้ำสบู่หรือสบู่เหลว
4.3ชุดชำระ
4.4 ภาชนะใส่ขยะ หรือกระโถน
4.5 กระดาษชำระ 2-3 ชิ้น
วิธีปฏิบัติ
1.แนะนำตัวและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวัตถุประสงค์
2.ยกเครื่องใช้ไปที่เตียงปิดประตูหรือกั้นม่านให้มิดชิด
ล้างมือให้สะอาดสวมถุงมือและmaskและใช้ผ้าปิดตาผู้ป่วย
จัดผู้ป่วยให้นอนหงายเปิดเฉพาะส่วนอวัยวะสืบพันธุ์
ให้ผู้ป่วยยกก้นสอดหม้อนอนด้านแบบเข้าใต้ตะโพกและจัดหม้อนอนตรงพอดีกับก้น
วางภาชนะใส่ขยะหรือกระโถนไว้ใกล้หม้อนอน และชุดช าระไว้ด้านปลายเท้า
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างมาที่เตียงให้ครบถ้วน
8.ใช้forcepsในsetหยิบสำลีออกจากชามกลมวางบนผ้าห่อ4ก้อนวาง forceps บนผ้าห่อ
เทน้้ำสบู่บนสำลีในชามกลมพอประมาณ
ใช้มือข้างซ้ายจับองคชาตแล้วค่อยรูดหนังหุ้มปลาย
ก้อนที่1เช็ดบริเวณ glanspenisรูเปิดท่อปัสสาะ
ก้อนที่2เช็ดรอบองคชาติ
ก้อนที่3เช็ดลูกอัณทะถึงรูทวาร
เทน้ำอุ่นบนสำลีในชามพอประมาณเช็ดก้อนที่4,5และ6เช็ดเหมือน ก้อนที่1-3ด้วยส่วนก้อนที่7ใช้เช็ดสะอาดให้เรียบร้อย
13.เอาผ้าปิดตาออกจัดใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยและจัดให้นอนในท่าที่สุขสบาย
เลื่อน bed pan ออก คลุมด้วย bed pad และเลื่อนผ้ายางผืนเล็กออก
ลงบันทึกทางการพยาบาล
เก็บของใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
3.1.4.9กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคลของผู้ป่วย
การประเมินผู้ป่วย
2.การวินิจฉัยทางการพยาบาล
3.การวางแผนการพยาบาล
4.การปฏิบัติการพยาบาล
บอกผู้ป่วยให้ทราบ
2.ให้บริการสระผมให้ผู้ป่วยตามขั้นตอนของการสระผมผู้ป่วยบนเตียง
ให้บริการอาบน้ำบนเตียงให้ผู้ป่วยตามขั้นตอนของการปฏิบัติอาบน้ำผู้ป่วยบนเตียง
เปลี่ยนเสื้อผ้าผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนให้ใหม่
เก็บของใช้เข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกการพยาบาล
5.การประเมินผลการพยาบาล
3.2 การส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
3.2.1ความหมายของการพักผ่อนและการนอนหลับ
การพักผ่อนของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
Absolutebedrest
2.Bedrest
การนอนหลับ
เป็นกระบวนการทางสรรีรวิทยาพื้นฐานที่สอดประสานกับจังหวะการทำงานของร่างกายด้านอื่น
การพักผ่อน
ผ่อนคลายและมีความสงบทั้งจิตใจและร่างกายรวมถึงความไม่วิตกกังวล
3.2.2 ความสำคัญของการพักผ่อนและการนอนหลับ
5.ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
4.ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และความจำ
3.สงวนพลังงาน
2.ซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ช่วยส่งเสริมการหายของแผลรวมถึงมีการช่วยสะสมพลังงานไว้ใช้ในวันต่อไป
1.ส่งเสริมการเจริญเติบโตซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดยมีการสร้างและสะสมพลังงานในขณะหลับ
3.2.3ผลกระทบจากปัญหาการนอนหลับ
3.2.3.1ผลกระทบต่อร่างกาย
อาการเมื่อยล้าคลื่นไส้อาเจียน
ท้องผูก
วิงเวียนเหมือนบ้านหมุน
3.2.3.2ผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์
เซื่องซึมและหงุดหงิด
โมโหง่าย
3.2.3.3ผลกระทบต่อสติปัญญาและการรับรู้
สมาธิไม่ดี
แก้ไขปัญหาได้ช้า
3.2.3.4ผลกระทบทางสังคม
การมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคมลดลง
ความมั่นใจในการทำงานลดลง
3.2.3วงจรการนอนหลับ
1.ช่วงหลับธรรมดา
ระยะที่ 1(เริ่มมีความง่วง)
ระยะที่ 2(หลับตื้น)
ระยะที่ 3(หลับปานกลาง)
ระยะที่ 4(หลับลึก)
2.ช่วงหลับฝัน
3.2.4ปัจจัยที่มีผลต่อการพักผ่อนและการนอนหลับ
3.2.4.1ปัจจัยภายใน
1.ปัจจัยส่วนบุคคล
อายุ
เพศ
ความไม่สุขสบาย
ความเจ็บปวด
การใส่สายยางและท่อระบายต่างๆ
ท่านอนไม่เหมาะสม
อาการคลื่นไส้อาเจียน
ภาวะไข้หลังผ่าตัด
3.ความวิตกกังวล
3.2.4.2ปัจจัยภายนอก
เสียง
อุณหภูมิ
แสง
ความไม่คุ้นเคยต่อสถานที่สิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาล
กิจกรรมการรักษาพยาบาล
อาหาร
ยา
3.2.5การประเมินคุณภาพการนอนหลับและการนอนหลับที่ผิดปกติ
3.2.5.1Insomnia
1.การนอนหลับไม่เพียงพอชั่วคราว
2.การนอนหลับไม่เพียงพอระยะสั้น
3.การนอนหลับไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง
3.2.5.2Hypersomnia
เป็นการนอนหลับมากหรือง่วงนอนมากกว่าปกติ
3.2.5.3Parasomnia
1.ความผิดปกติของการตื่น
การสับสน
การละเมอเดิน
2.ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงจากหลับมาตื่นหรือจากตื่นมาหลับ
อาการขากระตุกขณะหลับ
3.กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นขณะหลับชนิดที่มีการกรอกตา
ภาวะฝันร้าย
4.กลุ่มอื่น ๆ
การกรน
การไหลตาย
3.2.6การส่งเสริมการพักผ่อนการนอนหลับ
3.2.6.1การจัดสิ่งแวดล้อม
ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามและน่าอยู่อาศัย
ความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องอำนวยความสะดวก
อุณหภูมิมีความเหมาะสม
เครื่องอำนวยความสะดวกที่มีเสียง
กลิ่น
ไม่มืดสลัวหรือสว่างจ้าจนเกินไป
ความเป็นส่วนตัวและมิดชิดอย่างปลอดภัย
ความอบอุ่นและความประทับใจในบุคลิกภาพของพยาบาล
3.2.6.2การจัดท่าทางสำหรับผู้ป่วย
3.2.7 การทำเตียง
การทำเตียงว่าง
การทำเตียงผู้ป่วยลุกจากเตียงได้
การทำเตียงผู้ปุวยลุกจากเตียงไม่ได้
การทำเตียงรับผู้ปุวยหลังผ่าตัดและผู้ป่วยที่ได้รับยาสลบ
หลักปฏิบัติการทำเตียง
1.เตรียมของพร้อมใช้ตามลำดับก่อนหลังและวางให้ง่ายในการหยิบใช้สะดวก
ควรใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่
ยึดหลักการทำเตียงให้เรียบตึงไม่มีรอยย่นสะอาดไม่เปียกชื้น
3.วางผ้าให้จุดกึ่งกลางของผ้าทับลงตรงจุดกึ่งกลางของที่นอน
4.ควรทำเตียงให้เสร็จทีละข้าง
2.จัดบริเวณรอบให้สะดวกต่อการปฏิบัติ
5.คลุมผ้าคลุมเตียงวางผ้าห่มและและผ้าเช็ดตัวที่ราวพนักหัวเตียงจัดโต๊ะข้างเตียงให้เรียบร้อย
ไม่ควรสะบัดผ้าหรือปล่อยให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่สัมผัสกับเครื่องใช้ของผู้ป่วย
หากมีปูเตียงที่มีผู้ป่วยควรแจ้งให้ผู้ป่วยทราบก่อนการปฏิบัติ
รักษาท่าทางให้อยู่ในลักษณะที่ดี
หันหน้าไปทิศทางในงานที่จะทำไม่ควรบิดหรือเอี้ยวตัว
3.2.8 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการพักผ่อนและการนอนหลับ
1.การประเมินภาวะสุขภาพ
2.การวินิจฉัยทางการพยาบาล
พักผ่อนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
3.การวางแผนการพยาบาล
วางแผนให้ผู้ปุวยได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอกับความต้องการของร่างกายและปลอดภัย
4.การปฏิบัติการพยาบาล
1.ประเมินสาเหตุและแบบแผนการนอนตามปกติ(แบบแผนที่ 5)
2.ประเมินคุณภาพการนอนหลับทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
3.จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบแสงสว่างเพียงพอขจัดสิ่งรบกวน
4.จัดกิจกรรมการพยาบาลเป็นช่วงไม่รบกวนการนอนของผู้ป่วย
5.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบเรื่องแขกผู้มาเยี่ยม
6.ไม่ให้ดื่มน้้ำหลัง6โมงเย็น
7.งดกาแฟชาโค้กก่อนนอน
7.ให้มีกิจกรรมทำในตอนกลางวัน
สร้างสัมพันธภาพให้ผู้ปุวยไว้วางใจและระบายความวิตกกังวล
9.สอนเรื่องเทคนิคการคลายเครียดและการจัดการกับความเครียด
10.พิจารณาให้ยาคลายเครียดตามแผนการรักษาและดูแลความปลอดภัย
5.การประเมินผลการพยาบาล
ผลการประเมินคุณภาพการนอนหลับเชิงปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ80
ผลการประเมินคุณภาพการนอนหลับเชิงคุณภาพผู้ป่วยนอนหลับสนิทได้มากขึ้น