Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด การเคลื่อนไหวและการออกกาลัง…
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด
การเคลื่อนไหวและการออกกาลังกาย
[1] การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
{1.1} การประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
1.1.2)) การตรวจร่างกาย
การชั่งน้าหนัก วัดส่วนสูง
การตรวจประเมินทางระบบหายใจ
สัญญาณชีพ
การตรวจร่างกายตามระบบ
1.1.3)) การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Urinalysis
Electrolytes
Complete blood count
BUN/Creatinine
Liver function tests
Coagulogram
Chest X-ray
ECG
Blood sugar
1.1.1)) การซักประวัติ
ประวัติการผ่าตัด
ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร
ประวัติโรคประจำตัว
การใช้ยาสารเสพติด การสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ประวัติของคนในครอบครัวหรือญาติที่มีปัญหาเกี่ยวกับ
การได้รับยาระงับความรู้สึก
ประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบต่างๆ ของร่างกาย
{1.2} การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
1.2.2)) การเตรียมผู้ป่วย
1) ด้านร่างกาย
2) ด้านจิตใจ
3) การให้คำแนะนาการปฏิบัติหลังผ่าตัด
1.2.2)) การเตรียมผู้ป่วยก่อนวันที่ผ่าตัด
การขับถ่าย ถ้าเป็นการผ่าตัดเล็ก หรือการผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในช่องท้อง ควรให้รับประทานยาระบายก่อนวันผ่าตัด
การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด เนื่องจากผิวหนังเป็นแหล่งที่มีเชื้อจุลินทรีย์อาศัยอยู่มาก เพราะเป็นบริเวณที่กว้าง
ควรงดอาหารผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง สำหรับอาหารเหลวใสให้ได้ 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
การให้ยาแก่ผู้ป่วยก่อนผ่าตัด แพทย์มักจะให้ยาในคืนวันก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวลและนอนหลับพักผ่อนได้ดี
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่พิเศษ เช่น สายใส่จมูกถึงกระเพาะอาหาร
ตรวจแผ่นบันทึกรายงานต่างๆ ต้องบันทึกให้ครบและรวบรวมให้เรียบร้อย
การส่งผู้ป่วยไปห้องผ่าตัด ให้ผู้ป่วยนอนบนรถนอน (Stretcher) ห่มผ้าให้
เรียบร้อย ยกไม้กั้นเตียงขึ้น
การดูแลครอบครัวผู้ป่วย พยาบาลต้องแจ้งให้ครอบครัวทราบถึงเวลาที่ผู้ป่วยจะเข้าห้องผ่าตัด ควรให้ญาติมาดูแล
การเตรียมผ่าตัดผู้ป่วยฉุกเฉิน ในรายที่ต้องผ่าตัดฉุกเฉินจากสาเหตุใดก็ตาม
[2] การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
{2.1} การประเมินสภาพผู้ป่วย
2.1.2)) แบบแผนอาหารและการเผาผลาญ การประเมินที่สำคัญ
2.1.3)) แบบแผนการขับถ่าย
ประวัติการเสียเลือด สารน้ำทางปัสสาวะ การขับถ่ายที่ปกติก่อน
และหลังผ่าตัด
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการขับถ่ายปัจจุบัน
การทำงานของไต
2.1.4)) แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ
2.1.1)) แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย
2.1.5)) แบบแผนการปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด
{2.2} กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
2.2.1)) การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายใจให้โล่ง และคงไว้ซึ่งการทำงานระบบหายใจภายหลังการผ่าตัดระยะแรก
2.2.2)) การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการทางานของระบบหัวใจและไหลเวียน ปัญหาด้านระบบไหลเวียนที่พบบ่อยหลังผ่าตัด
2.2.3)) การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด โดยพยาบาลประเมินความเจ็บปวดของผู้ป่วยโดยใช้ Pain scale
2.2.4)) การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
เพื่อลดอาการท้องอืด
2.2.5)) การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและ
ความปลอดภัยของผู้ป่วย
2.2.6)) การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
2.2.7)) การให้คำแนะนำก่อนกลับบ้านสาหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
[3] การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
{3.1} การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
3.1.2)) ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยบนเตียง
1) การเตรียมผู้ป่วย ให้เอาหมอนหนุนศีรษะของผู้ป่วยออก วางหมอนไว้ที่พนัก
หัวเตียง ปรับระดับเตียงให้อยู่ในแนวราบพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย
3) การจัดท่าผู้ป่วย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสุขสบายขณะนอนพัก
บนเตียงหรือเตรียมทาหัตถการ
2) การเตรียมตัวพยาบาล พยาบาลควรยืนในท่าที่ถูกต้อง พยุงผู้ป่วยด้วยความ
นุ่มนวลและมั่นคง
3.1.1)) การประเมินผู้ป่วย
2) ท่าที่เหมาะสม และระยะเวลาที่ผู้ป่วยจะคงอยู่ในท่าที่เปลี่ยนให้ใหม่
3) ความยากลำบากและไม่สุขสบายในขณะเปลี่ยนท่าหรือเมื่ออยู่ในท่าที่จัดให้
1) ความสามารถของผู้ป่วยในการช่วยเหลือตนเอง
4) ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ป่วย เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนัง กระดูก
หลอดเลือด เป็นต้น
{3.2} การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
3.2.3)) วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
2) นำหมอนหนุนศีรษะของผู้ป่วยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง
อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเอาออกจากเตียง
3) พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคงและใช้หลักการของกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย
1) แจ้งให้ผู้ป่วยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือถ้าทำได้
4) พยุงผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง โดยใช้วิธีสอดมือเข้าไปในตำแหน่งของร่างกายที่จะยกเพื่อรองรับน้ำหนักร่างกาย
3.2.2)) การประเมินผู้ป่วยก่อนการเคลื่อนย้าย
1) ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
2) ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ป่วย
3) ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
4) ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
5) ส่วนที่จำเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
6) ผู้ป่วยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
7) ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่า และความสุขสบายของผู้ป่วย
3.2.1)) หลักการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
2) หันหน้าเข้าหาผู้ป่วยและไปในทิศทางที่จะเคลื่อนย้าย
3) ควรยืนในท่าที่ถูกต้องและมั่นคง
4) ยืนแยกเท้าทั้งข้างห่างกันพอสมควร และเฉียงปลายเท้าไปตามทิศทางที่ต้องการเคลื่อนย้าย
5) หลังตรง ป้องกันการปวดหลัง
1) ควรจัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบอยู่ในท่าที่สบาย
6) ย่อเข่าและสะโพก
7) หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อผ่อนแรงในการยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
8) ผู้ป่วยควรอยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด
9) ยกตัวผู้ป่วยให้พ้นจากที่นอนเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทาน
10) ใช้ผ้าขวางเตียงช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแทนการเลื่อนผู้ป่วย
11) ให้สัญญาณเพื่อความพร้อมเพรียง
12) ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปและให้สัญญาณขณะยก หรือใช้อุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงมาใช้เมื่อจำเป็น
{3.3} การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
3.3.2)) การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
กรณีใช้เข็มขัดหรือผ้าคาดเอว ให้ผู้ป่วยลงจากเตียงแล้ว พยาบาล
ยืนเยื้องด้านหลังผู้ป่วย ใช้มือ 2 ข้างยืดเข็มขัดหรือผ้าคาดเอวเพื่อพยุงผู้ป่วยขณะผู้ป่วยเดิน
กรณีไม่ใช้เข็มขัด ให้ใช้มือด้านใกล้ตัวจับที่ต้นแขนของผู้ป่วย มือไกลตัว
จับที่ปลายแขนของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยเป็นลมให้สอดแขนเข้าใต้รักแร้รับน้าหนักตัวผู้ป่วย
และแยกเท้ากว้าง
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินโดยพยาบาล 2 คน ให้พยาบาลยืนข้างผู้ป่วยคน ละด้าน มือพยาบาลข้างใกล้ตัวผู้ป่วยสอดใต้รักแร้ผู้ป่วย อีกข้างหนึ่งจับปลายแขนหรือมือผู้ป่วยข้างเดิม
3.3.1)) การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ป่วยเดิน
1) ให้ผู้ป่วยงอและเหยียดข้อตะโพก โดยให้ผู้ป่วยนอนบนเตียง เหยียดขาออกและ
ยกขึ้นแล้วงอเข่าและยกเข่าเข้าหาอก
2) หมุนข้อตะโพก เหยียดขาทั้งสองข้าง หมุนเข้าหาตัวและหมุนออกจากตัวแล้ว
ให้หมุนขาทั้งสองข้างเข้าหาตัวจนนิ้วหัวแม่เท้าชนกัน
3) กางและหุบข้อตะโพก เหยียดข้อเข่าและให้ข้อเท้างอเข้าหาปลายขา
4) เหยียดข้อเข่า เหยียดขาพร้อมกับกดข้อเข่าลงกับที่นอน
5) งอข้อเท้า หมุนข้อเท้าเข้าหาตัวและออกจากตัว
6) งอและเหยียดนิ้วเท้า
7) เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตะโพก ต้นขา โดยการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องแล้วคลายออก
{3.4} การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
3.4.2)) ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
1) ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้าหนักแทน เมื่อมีข้อห้ามในการรับน้ำหนักเต็มทั้งขา (Partial weight bearing) ข้างนั้น
2) ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้าหนักแทนขา 1 หรือ 2 ข้าง เมื่อมีข้อห้ามหรือมีการอ่อนแรงจนขาไม่สามารถรับน้าหนักได้
3.4.3)) การเตรียมผู้ป่วยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
1) การฝึกความแข็งแรง (Strength)
2) การฝึกในท่าตั้งตรง (Upright) บนเตียงหรือเบาะ
3) การฝึกในราวคู่ขนาน เช่น ฝึกยืน ฝึกทรงตัว ฝึกท่าทางการเดิน
3.4.1)) ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
1) Parallel bar
2) Walker หรือ Pick – up frames
3) Cane
4) Crutches ( ไม้ยันรักแร้ , ไม้ค้ายัน )
3.4.4))การลงน้าหนักที่ขาเวลาเดิน
(Weight Bearing Status)
1) ไม่ลงน้ำหนักของขาข้างที่เจ็บ 0%
3) เดินโดยลงน้ำหนักข้างที่เจ็บได้บางส่วน 20-50%
2) เดินโดยเอาปลายเท้าข้างที่เจ็บแตะพื้น Up to 20%
4) เดินโดยขาข้างที่เจ็บลงน้ำหนักได้เต็มที่ 100%
5) เดินโดยขาข้างที่เจ็บลงน้าหนักเท่าที่ทนไหว เท่าที่ทนได้
3.4.5)) รูปแบบการเดิน (Gait pattern)
1) Four – point gait
2) Two – point gait
3) Three – point gait
4) Swing – to gait
5) Swing – through gait
[4] การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
{4.1} การออกกำลังกาย
4.1.1)) การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ป่วยทำเอง (Active or Isotonic Exercise) โดยผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยตนเอง
4.1.3)) การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ป่วยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น (Active
assistive exercise) วิธีนี้ให้ผลดีกว่าวิธีที่ให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย
4.1.4)) การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน (Isometric or
Static exercise) เพื่อเพิ่มความตึงตัวและแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ป้องกันกล้ามเนื้อลีบ
4.1.2)) การออกกำลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ปุวย (Passive exercise) เป็นการออก
กำลังกายโดยการเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ให้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตนเองได้
4.1.5)) การออกกำลังกายให้ผู้ป่วยออกแรงต้านกับแรงอื่น (Resistive exercise) เป็น
การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ให้ผู้ป่วยออกแรงต้าน
{4.2} การเคลื่อนไหวร่างกาย
4.2.2)) ป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูก และกล้ามเนื้อ
4.2.3)) ลดการเมื่อยล้า หรือการใช้พลังงานมากเกินไป
4.2.1)) ส่งเสริมและสนับสนุนการทางานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
{4.3} ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
4.3.2)) ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ กระดูกผุ เปราะบาง (Osteoporosis) พบบ่อยที่กระดูกขา ตัวกระดูกสันหลัง และกระดูกเท้า
4.3.3)) ระบบหัวใจและหลอดเลือด หัวใจทำงานมากขึ้น จากการอยู่ในท่านอนทำให้ปริมาณเลือดกลับเข้าสู่หัวใจมากกว่าปกติ
4.3.1)) ระบบผิวหนัง ผิวหนังเสียหน้าที่ทำให้เกิดแผลกดทับ (Bed sore or Pressure sore or Decubitus ulcer)
4.3.4)) ระบบทางเดินหายใจ ปอดขยายตัวลดลง (Decrease lung expansion) เนื่องจากการนอนหงาย ทำให้แรงกดด้านหน้า
4.3.5)) ระบบทางเดินอาหาร มีผลต่อการรับประทานอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย กังวลใจจากการนอนเฉยๆ และโรคที่ เป็นอยู่ความต้องการพลังงานลดลง
4.3.6)) ระบบทางเดินปัสสาวะ การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ (Diuresis)
เนื่องจากการนอนนานๆ
4.3.7)) ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานน้อยจากการที่มีการเคลื่อนไหวน้อยหรือไม่มีการเคลื่อนไหว
[5] กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย
ก่อนและหลังผ่าตัด
{5.1} การประเมินสภาพผู้ป่วย รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาล
การปรับตัวและความทนทานต่อความเครียด
ความรู้สึกของผู้ป่วยเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ความยินยอมที่จะเข้ารับการผ่าตัด
ความรู้เกี่ยวกับโรคและการผ่าตัด
{5.2} ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล จะสอดคล้องกับข้อมูลสนับสนุนที่รวบรวมได้จากการประเมินสภาพผู้ป่วย
5.2.1)) วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
5.2.2)) วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
{5.3} การวางแผนการพยาบาล ให้การพยาบาล และประเมินผลหลังให้การพยาบาล
5.3.3)) ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ป่วยและญาติ
5.3.4)) ดูแลความสุขสบายทั่วไป
5.3.2)) เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก และค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
5.3.5)) จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยได้พัก
5.3.1)) ประเมินระดับความวิตกกังวล
5.3.6)) รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ