Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 4 แนวคิดและทฏษฎีของการสูงอายุ - Coggle Diagram
หน่วยที่ 4 แนวคิดและทฏษฎีของการสูงอายุ
ทฤษฎีการสูงอายุชีวภาพ
1) ทฤษฎีความผิดพลาด (The error Theory)
แนวคิดของทฤษฎี : เมื่ออายุมากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง DNA ในเซลล์ เซลล์มีการเสื่อมสลายเเละเสียหน้าที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งได้
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
แนะนำให้ผู้สูงอายุยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและปรับตัว
หลีกเลี่ยงสาร่ก่อมะเร็ง เช่น อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม และตรวจหาเซลล์มะเร็งเป็นประจำ
ให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันและกำจัดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือการใช้สารเสพติด
2) ทฤษฎีอนุมูลอิสระ (Free Radical theory)
แนวคิดของทฤษฎี : การเสื่อมของอนุมูลอิสระ ได้แก่ ความเครียด อากาศเป็นพิษ ควันบุหรี่ รังสียูวี ในร่างกายของผู้สูงอายุทำลายโปรตีน เอนไซม์ และ DNA ภายในเซลล์ทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติส่งผลให้เนื้อเยื่อ อวัยวะเสื่อมลงและเกิดมะเร็งผิวหนังได้
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
แนะนำให้ผู้สูงอายุหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ปกป้องร่างกายจากแสงแดดและสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันการเกิดต้อกระจก
แนะนำให้รับประทานที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมหวาน แกงกระทิ
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหม อากาศเป็นพิษและการสัมผัสสารเคมี
3) ทฤษฎีการเชื่อมไขว้ (Cross - linkage Theory)
แนวคิดของทฤษฎี : เมื่ออายุมากขึ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนที่ประกอบเป็นผิวหนัง เอ็นกระดูกและกล้ามเนื้อเกิดการเปลี่ยนแปลงสูญเสียความยืดหยุ่น
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
กระตุ้นให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายแบบยืดเหยียด
แนะนำให้ใช้โลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำ
4) ทฤษฏีภูมิคุ้มกัน (immunity Theory)
แนวคิดของทฤษฎี : เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะมีการสร้างสารภูมิคุ้มกัน T-cell และ B-cell ลดลงทำให้ผู้ป่วยป่วยง่ายและมีการสร้างภูมิเพื่อทำลายตัวเองได้
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
กระตุ้นการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้เเข็งเเรงและป้องกันการติดเชื้อด้วยการรักษาสุขอนามัย
แนะนำให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนป้องกันโรค
5) ทฤษฎีการเสื่อมสลาย (Wear and Tear Theory)
แนวคิดของทฤษฎี : อวัยวะเสื่อมสลายจากการใช้งานมานาน ยิ่งใช้อวัยวะส่วนใดมากก็จะทำให้อวัยวะนั้นเสื่อมเร็วขึ้น
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
กำจัดกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อออกเเรง เช่น ยกของหนัก งานแบกหาม เป็นต้น และป้องกันข้อเข่าเสื่อมด้วยการควบคุมน้ำหนักตัว ขึ้นลงบันไดช้าๆ ไม่กระโดดเวลาเต้นแอโรบิค เป็นต้น
หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตัน และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อชะลอความเสื่อมของตับและกระเพาะ
หลีกเลี่ยงเเสงแดดเพื่อปกป้องเซลล์ผิวหนังถูกทำลาย
6) ทฤษฎีระบบประสาท/ต่อมไร้ท่อ (Neuroendocrine Control)
แนวคิดของทฤษฎี : ความสูงอายุทำให้ระบบประสาทและต่อมไร้ท่อทำหน้าที่ลดลงทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม โรคเบาหวานและโรคของต่อมไทรอยด์
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
การฝึกสมองให้ใช้ความคิด กระตุ้นให้ผู้สูงอายุทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อม
จำกัดการบริโภคแป้งและน้ำตาลเพื่อควบคุมโรคเบาหวาน
ตรวจร่างกายประจำปีและสังเกตความผิดปกติเพื่อป้องกันโรคของต่อมไร้ท่ออื่นๆ
ทฤษฎีการสูงอายุเชิงสังคม
1) ทฤษฎีการถดถอยทางสังคม (Disengagement theory)
แนวคิดของทฤษฎี : ผู้สูงอายุจะลดบทบาทของตนเองในสังคม เพราะคิดว่าตนเองมีความสามารถลดลง
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
จัดสัมนาการเตรียมตัวก่อนเกษียณ
ให้ความเคารพและยอมรับความคิดเห็น ขอคำปรึกษาในเรื่องสำคัญ
กระตุ้นให้ผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาชิกที่อายุน้อยกว่าเพื่อลดความเชื่อที่คิดว่าตนเองไม่มีความสามารถ
2) ทฤษฎีกิจกรรม (Activity theory)
แนวคิดของทฤษฎี : ผู้สูงอายุควรคงความกระตือรือร้นในชีวิตและดำเนินกิจกรรมในชีวิตโดยการได้ทำกิจกรรมต่างๆในสังคมร่วมกับสมาชิกวัยเดียวกันเป็นกิจกรรมหลังจากเกษียณอายุแล้วและกิจกรรมนั้นเป็นกิจกรรมใหม่เเตกต่างจากงานที่เคยทำ
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ เช่น การออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้สูงอายุไ้ด้พบปะและสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
สนับสนุนให้ผู้สูงอายุใช้ความสามารถที่มีอยู่ปฏิบัติกิจกรรมประจำวันด้วยตนเองให้นานที่สุด
กระตุ้นให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเลือกกิจกรรมใหม่ที่เหมาะสมกับข้อจำกัดของร่างกาย
3) ทฤษฎีความต่อเนื่อง (Continuity Theory)
แนวคิดของทฤษฎี : การคงไว้ซึ่งบุคลิกภาพและแบบแผนพฤติกรรมในอดีตให้ผู้สูงอายุมีการทำกิจกรรมและแสวงหาบทบาททางสังคมและทำแบบเดิมที่ตนเคยทำมาก่อน
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
การกระตุ้นผู้สูงอายุให้มีกิจกรรมควรคำนึงถึงพฤติกรรมในอดีตโดยการกระตุ้นผู้สูงอายุที่มีนิสัยรักสนุก มีความกระตือรือร้นเข้าร่วมกิจกรรมในสังคม และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่มีนิสัยแยกตัวได้ทำกิจกรรมตามลำพัง
ผู้สูงอายุที่มีภาวะเครียด ให้นำพฤติกรรมในอดีตมาใช้ในการจัดการความเครียด
4) ทฤษฎีการแบ่งขั้นอายุ (Age stratification)
การแบ่งบทบาทตามช่วงอายุ
ทฤษฎีการสูงอายุเชิงจิตวิทยา
1) ทฤษฎีความต้องการของมนุษย์ของมาสโลว์ (Maslow is Hierarchy of Human Need Theory )
แนวคิดของทฤษฎี : ผู้สูงอายุมีความต้องการ 5 ขั้น
1.ความต้องการทางด้านร่างกายหรือสรีระ : ปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค
ความต้องการความมั่นคงและปลอดภัย : ครอบครัวที่อบอุ่น การงานที่มั่นคง รายได้ที่มั่นคง มีเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดี
ความต้องการความรักและความผูกพันธ์ : มีเพื่อน มีครอบครัว คนรัก มีการยอมรับในความสามารถและตัวตน
ความต้องการการยกย่อง : การได้รับการยกย่องชมเชย ให้รางวัลเชิดชูจากบุคคลอื่นรอบข้าง
ความต้องการรู้จักตนเองอย่างเเท้จริงและพัฒนาตนเองให้สมบูรณ์ : ความต้องการและความปรารถนาที่มนุษย์จะใช้ความสามารถและศักยภาพในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
สำรวจความต้องการของผู้สูงอายุว่ายังขาดสิ่งใด ควรตอบสนองความต้องการปัจจัย 4 ก่อน แล้วจึงตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นไปตามลำดับ
2) ทฤษฎีเอกัตบุคคลของจุง (Jung's Theory of Individualism)
แนวคิดของทฤษฎี : การที่ผู้สูงอายุจะมีความสุขหรือความทุกข์ ขึ้นอยู่กับภูมิหลังและประสบการณ์มีส่วนทำให้ผู้สูงอายุมีบุคลิกภาพที่เเตกต่างกัน
แบบแสดงตัว (Extrovert) ชอบสังคม แสดงออกทางอารมณ์ชัดเจน เป็นคนเปิดเผย ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบความจำเจ เมื่อมีความคับข้องใจมักมีพฤติกรรมแบบป้องกันตัว
แบบเก็บตัว (Introvert) เก็บตัว ไม่ชอบทำตัวเด่น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบทำตามกฎเกณฑ์ เมื่อมีความคับข้องใจมักมีพฤติกรรมแบบหลบหนี แยกตัวออกจากสังคม
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
ทำความเข้าใจกับบุคลิกภาพที่แตกต่างกันของผู้สูงอายุเเต่ละราย สำหรับผู้สูงอายุที่มีบุคลิกภาพแบบแสดงตัว - ควรเปิดโอกาสให้ได้แสดงออก เช่น พูดแสดงความคิดเห็น ร้องเพลง เต้นรำ เป็นต้น
สำหรับผู้สูงอายุที่มีบุคลิกภาพแบบเก็บตัว ควรจัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ ให้เเสดงความคิดเห็นด้วยการเขียน และร่วมกิจกรรมที่ผู้สูงอายุถนัด เช่น วาดภาพระบายสี เย็บปักถักร้อย ปลูกต้นไม้ เป็นต้น
3) ทฤษฎีระยะ 8 ขั้นของชีวิต (Eight stages of life theory)
แนวคิดของทฤษฎี : การเป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพจิตดี เกิดจากความประสบความสำเร็จในพันธกิจแต่ละขั้นของชีวิตทั้ง 8 ช่วง พันธกิจในวัยสูงอายุได้แก่ การปรับตัวต่อความเจ็บป่วย การสูญเสียบุคคลที่รัก การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและการเตรียมตัวเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิต
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาล
พยาบาลทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงและปัญหาที่ผู้สูงอายุเผชิญแต่ละขั้นของชีวิต เพื่อใ้ห้การดูแลแบบองค์รวมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น