Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การตรวจประเมินร่างกายทุกระบบ, image, image, image, image, image,…
บทที่ 3
การตรวจประเมินร่างกายทุกระบบ
การตรวจต่อมไทรอยด์
เทคนิค การดูและการคลำ
การดู ผู้ตรวจ ยืนด้านหน้า กับผู้ใช้บริการให้แหงนหน้า
และกลืนน้ าลายสังเกตลำคอบริเวณของต่อมไทรอยด์และ
cricoid cartilage ดูก้อนนูนที่ผิดปกติ
การคลำ คลำจากด้านหน้า หรือ ด้านหลัง ก็ได้
การคลำจากด้านหน้า ;วางปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางของผู้ตรวจ
ตรงบริเวณหลอดลมคอระดับต่อมไทรอยด์ให้ผู้ใช้บริการกลืน
น้ำลายสังเกตว่ามีก้อนเคลื่อนผ่านนิ้วมือ คือ ส่วน isthmus
ตรวจไทรอยด์กลีบขวา ให้เอียงคอไปด้านขวา ก้มหน้าเล็กน้อย
ใช้นิ้วหัวแม่มือขวาดันหลอดลมไปทางขวา นิ้วมือซ้ายเข้าใต้
กล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลางและหัวแม่มือ
ซ้ายคลำไทรอยด์กลีบขวา
การคลำจากด้านหลัง ; ให้ผู้ใช้บริการก้มหน้าเล็กน้อย ผู้ตรวจวาง
นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง อยู่ที่ตำแหน่งหลอดลม บอกให้ผู้ใช้บริการ
กลืนน้ำลาย คลำ isthmus
ภาวะปกติ ส่วน isthmus จะเคลื่อนที่ข้างบนขณะกลืน การคลำพบก้อนเคลื่อนขึ้น ทั้งกลีบซ้ายและขวาจะนุ่มรูปร่างและขอบเขตได้ไม่ชัดเจน
ภาวะผิดปกติ มองเห็นต่อมไทรอยด์โต มีก้อน มี noduleนูนชัดเจนโตมากและคล าได้ง่ายชัดเจน ผิว
ของต่อมอาจขรุขระ แข็ง และผิดปกติ
การตรวจต่อมน้ำเหลือง
การดู สังเกตสามเหลี่ยมบริเวณคอทั้งด้านหน้าเเละ
ด้านหลังว่ามีก้อน นูนโตหรือไม่
ภาวะปกติ ไม่พบก้อน
ภาวะผิดปกติ พบก้อน นูน โต ยืนยันขณะคลำ
การคลำ ก้มศีรษะเล็กน้อยเอียงศีรษะไปด้านทีต้อง
การตรวจเพื่อให้กล้ามเนื้อ ใช้ปลายนิ้วมือคลำ
เลื่อนคลำตามตำแหน่งหมุนวนอย่างเบามือ
ภาวะปกติ คลำไม่พบก้อน ต่อมมีขนาด
1-25 ม.ม. ถ้าตรวจพบขนาดจะเล็ก
เคลื่อนที่ได้ กดไม่เจ็บ
ภาวะผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า
50 ม.ม. แดงและเจ็บ กรณีที่ต่อมน้ำเหลือง
ขนาดใหญ่ขึ้น แข็ง ขรุขระ ไม่เคลื่อนที่มีแดง
และเจ็บ ต้องตรวจละเอียดเพิ่มเติม
การตรวจต่อมน้ำลาย
parotid grand
ตรวจพร้อมกับการคลำต่อมน้ำเหลืองจะสังเกต
รูปร่าง ขนาด ความหนาแน่น การกดเจ็บ การเคลื่อนไหว ปกติจะไม่เห็น แต่ถ้าโตขึ้นจะพบ
ก้อนอยู่ด้านหน้าหู
การตรวจ ตา หู จมูก ปาก
การตรวจตา
ใช้เทคนิค การดู การคลำ และทดสอบหน้าที่
ตรวจความสามารถในการมองเห็น
เช่น ให้อ่านหนังสือพิมพ์ ระยะห่าง 36 ซ.ม.
หรือ 12 นิ้ว ถามความชัดเจนถ้าใส่แว่นตาหรือ
คอนแทคเลนส์ให้ใส่อ่านด้วย ผู้สูงอายุควรใช้
snellen chart
ตรวจลานตา
ตรวจบริเวณโดยรอบที่ตาสามารถมองเห็นได้ นั่งหันหน้าเข้าหากัน ห่างกัน 2 ฟุต มองปลายจมูกผู้ตรวจเท่านั้น
ห้ามกรอกตาไปมา ผู้ตรวจยื่นมือไปสุดแขนนอกลานสายตา ให้นิ้วห่างจากตาทั้ง 2 คน กระดิกนิ้วและเลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ
จนกระทั่งมองเห็น
ภาวะปกติ เห็นนิ้วระยะใกล้เคียงกับผู้ตรวจ
ภาวะผิดปกติ เห็นแตกต่างจากผู้ตรวจมาก
ตรวจเคลื่อนไหวของลูกตา
3.1 ตรวจ 6 cardinal fields of gaze ไม่ให้เคลื่อนไหวศีรษะใช้แต่ตามองตามนิ้วผู้ตรวจโดยเคลื่อนนิ้วไป
6 ทิศทาง คือ คือ ขวา ขวาบนขวาล่าง ซ้าย ซ้ายบน
ซ้ายล่าง สังเกตการเคลื่อนไหวของลูกตาว่าราบเรียบดีหรือไม่ มีการกระตุกหรือเห็นภาพซ้อนหรือไม่
ภาวะปกติ การเคลื่อนไหวของลูกตาว่าราบเรียบดี
ภาวะผิดปกติ ลูกตาเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กัน
3.2 accommodation จ้องมองตามนิ้วผู้ตรวจหรือ
ปลายดินสอที่เคลื่อนเข้าหาดั้งจมูก
ภาวะปกติ ลูกตาจะเคลื่อนเข้าหากันถึงระยะ 5-8 ซ.ม.
ภาวะผิดปกติ การเคลื่อนของลูกตาเข้าหากันไม่ดี
ตรวจต้าแหน่งตา ลูกตา และบริเวณรอบตา สังเกตตำแหน่งของตา ลูกตาม่านตา และเปลือกตา ดูความชุ่มชื้น การกระพริบตา ดูความนูนของลูกตาเพื่อดูตาโปน ตรวจ corneal light reflex เพื่อดูตำแหน่งลูกตา
4.1 การตรวจตาโปน สังเกตว่าลูกตาโปนออกเกินปกติ
หรือไม่
4.2 การตรวจ corneal light reflex ส่องไฟไปที่สันจมูกในระดับตา สังเกตแสงไฟสะท้อนบนกระจกตา แสงสะท้อนอยู่ตรงกลางม่านตา
ภาวะปกติ ตาทั้ง 2 ข้างจะมีขนาดและอยู่ในระดับเดียวกัน
เปลือกตาสปิดได้สนิท มีการกระพริบตาประมาณ 15-20 ครั้ง/นาที กลางเบ้าตา ลูกตาไม่โปน แสงสะท้อนอยู่ตรงกลางม่านตา
ภาวะผิดปกติ เปลือกตาบวม มีรอยโรค มีตุ่มไขมันสีขาวหรือเหลือง เปลือกตาปิดไม่สนิท มีตาโปน กระพริบตาน้อยแสงสะท้อนไม่อยู่ตรงกลางม่านตา
ตรวจรูม่านตา ตรวจขนาดของรูม่านตา รูปร่าง การตอบสนองต่อแสงและเปรียบเทียบการเท่ากันทั้งสองข้าง ใช้ไฟฉายผ่านด้านข้างไปที่รูม่านตาทีละข้าง ม่านตาจะหดท าให้รูม่านตาเล็กลง เรียกว่า การตอบสนองต่อแสงโดยตรง
ภาวะปกติ รูม่านตาจะด า ขนาด 2-6 ม.ม. ลักษณะกลม ขอบเรียบ หดตัวเมื่อถูกแสง (react to light)
ภาวะผิดปกติ รูม่านตามีเงาทึบ หรือเมื่อส่องไฟจะมีเงาทึบขวางแสงไฟ เรียกว่า ต้อกระจก รูม่านตาเล็กหรือขยายใหญ่
ไปรูม่านตาไม่เท่ากัน ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสงหรือตอบสนองช้าไป
ตรวจความใสของของกระจกตา ใช้ไฟฉายส่องไฟจากด้านข้าง ให้ลำแสงฉายผ่านกระจกตา เข้าทางด้านข้าง
ภาวะปกติ กระจกตาจะใส โค้ง อาจพบวงขาวขุ่นรอบๆ ชิดขอบกระจกตา
ภาวะผิดปกติ กระจกตาขุ่น มีแผล มีติ่งหรือก้อนเนื้อจากตาขาวยื่นเข้ามาในม่านตาที่เรียกว่า ต้อเนื้อ
ตรวจตาขาวและเยื่อบุลูกตา วางนิ้วหัวแม่มือไว้บนเปลือกตาบน ดึงเปลือกตาขึ้นข้างบนให้ผู้ใช้บริการมองล่าง กรอกตาไปซ้ายและขวา ดูตาขาวและเยื่อบุตา เเละตรวจตาล่างเหมือนกัน
ภาวะปกติ ตาขาวมีสีขาว เยื่อบุตาสีชมพู มีเส้นเลือดฝอยเล็กน้อย ไม่บวมแดง ไม่มีตุ่ม หรือแผล
ภาวะผิดปกติ ตาขาวมีสีเหลืองหรือแดง เยื่อบุตาซีด มีเส้นเลือดฝอยมากเกินไป
การตรวจหู
การดู ดูขนาดระดับใบหู 2 ข้าง ลักษณะใบหู ใช้ไฟฉายส่องในรูหูจน
ถึงเยื่อแก้วหู (ear drum) ดึงใบหูออกมาข้างๆ หรือดึงไปด้านหลังขึ้น
ด้านบน ใบหูทั้ง 2 ข้างอยู่ระดับกับตา และเอียง 10 ํ ในแนวตั้ง
ภาวะปกติ ใบหูทั้ง 2 ข้างอยู่ระดับกับตาและเอียง 10 ํ ในแนวตั้งในรูหู
พบขี้หู เยื่อบุปกติ ไม่มีสิ่งผิดปกติ และเห็นเยื่อแก้วหูเป็นแผ่นสีเทามี
แสงสะท้อนเป็นรูปกรวย
ภาวะผิดปกติ ใบหูสูงหรือต่ำกว่าระดับมุมตา พบในผู้ป่วยสมอง ใบหูเล็ก
มีผลต่อการได้ยิน เยื่อบุในรูหูบวมแดง มีสิ่ง ผิดปกติหรือขี้หู เยื่อแก้วหู
มีสีชมพูอมแดงหรือเหลืองขุ่น หรือสีขาวไม่สะท้อนแสง
การคลำ สอบถามอาการเจ็บในรูหูและบริเวณใบหู
ภาวะปกติ ในต าแหน่งปกติจะไม่เจ็บ ทั้งนอกและในรูหู
ภาวะผิดปกติ มีอาการกดเจ็บ บวมแดง มีก้อน มีตุ่มหรือรอยโรค
การตรวจการได้ยิน ให้ฟังเสียงนาฬิกาเดิน โดยวางห่างจากหู
2-3 ซ.ม. หรือกระซิบในระยะห่าง 1-2 ฟุต
การตรวจจมูกและ
โพรงอากาศ
ใช้เทคนิค การดู การคลำ และทดสอบการได้กลิ่น
การดู ดูจมูกและปีกจมูกภายนอกว่าพิการหรืออักเสบหรือไม่ ไฟฉายส่องเข้าไปในรูจมูก ตรวจดูเยื่อบุ สิ่งคัดหลั่ง ความตรงของผนังกั้นจมูก และ turbinate อาจต้องใช้nasal speculum
การคลำ ใช้นิ้วมือคลำบริเวณสันจมูก ปีกจมูก และบริเวณข้างเคียงและตรวจโพรงอากาศบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม
การตรวจการได้กลิ่น ให้ผู้ใช้บริการหลับตา เอาสบู่ให้ดม
การตรวจปาก
และช่องปาก
ใช้เทคนิค การดู สังเกตริมฝีปาก สีลักษณะ แผล หรือความผิดปกติ ขณะเดียวกันให้ผู้รับบริการร้องอาเพดาน ปากและลิ้นไก่ยกขึ้น
จะทำให้เห็นคอหอยชัดเจน
ภาวะปกติ ริมฝีปากสีชมพู ชุ่มชื้น ไม่มีแผล ตุ่ม บวม เยื่อบุช่องปาก เพดานปากมีชมพู ไม่ซีด ไม่มีตุ่มเม็ดผื่น ไม่มีรอยช้ำห้อเลือด หรือรอยแดง ลิ้นไม่เป็นฝ้า เหงือกสีชมพูขนาดปกติ ทอนซิลอยู่ระหว่าง anterior และ posterior pillar ไม่โตเกิน pillar
ภาวะผิดปกติ ริมฝีปากคล้ำ เขียวหรือซีดมาก บวมแดง มีแผล
หรือตุ่ม เยื่อบุช่องปากซีดมีตุ่ม เหงือกซีดหรือบวมแดง ลิ้นแตก
ลิ้นเลี่ยน เป็นฝ้า ลิ้นไก่เฉเอียง ทอนซิลโตเกิน pillar ออกมาแดง
มีหนอง
การตรวจเต้านม
ใช้เทคนิค การดู การคลำ
การดู สังเกตขนาดเต้านมทั้งสองข้าง ดูสีผิว
เส้นเลือด และลักษณะการบวม ค้นหาสิ่งผิดปกติอื่นๆ
ภาวะปกติ เต้านมทั้ง 2 ข้างไม่ควรแตกต่างกันมาก สีผิวอ่อนกว่าผิวกาย ไม่มีก้อน ไม่พบหลอดเลือดที่ผิดปกติ หัวนมสีชมพูหรือน้ำตาลเข้ม ไม่มีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติไหลออกมา
ภาวะผิดปกติ เต้านมขนาดใหญ่มากกว่าปกติหรือไม่เท่ากัน
แตกต่างกันมาก ผิวหนังเป็นสีแดง มีการอักเสบ เห็นหลอดเลือดขยายชัดเจน บวม หัวนมถูกดึงรั้ง มีตุ่ม มีแผล มีก้อน หัวนมมีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติ
การคลำ นั่งหรือนอนหงาย วางหมอนเล็กๆใต้ไหล
คลำทุกส่วนของเต้านม โดยใช้อุ้งมือส่วนนิ้วชี้กลางและนาง
ภาวะปกติ เต้านมจะยืดหยุ่น กดไม่เจ็บหรืออาจเจ็บได้เล็กน้อย ไม่พบก้อน หัวนมกดไม่เจ็บ ไม่มีแผล ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง
ภาวะผิดปกติ บวมแดง กดเจ็บเต้านมหรือหัวนม คลำพบก้อน มีแผล ผิวเต้านมไม่นุ่ม หัวนมมีสิ่งคัดหลั่ง
การตรวจรักแร้
การดู สังเกตสีผิวและก้อนบริเวณรักแร้
การคลำ อาจตรวจในท่านั่งหรือนอน นิยมในท่านั่ง ใช้มือซ้ายคลำสอดเข้าไปใต้รักแร้ โดยใช้ส่วนนิ้วชี้ กลางและนางคลำคลึงวนรอบๆ
ไปให้ทั่ว
ภาวะปกติ ไม่พบก้อน คลำไม่พบต่อมน้ำเหลือง
ภาวะผิดปกติ พบก้อน หรือต่อมน้ำเหลืองใหญ่กว่าปกติ