Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4.2 การบริหารยาฉีด - Coggle Diagram
บทที่ 4.2
การบริหารยาฉีด
4.2.1 การคำนวณขนาดยา
ขั้นตอนการเตรียมยา
การคำนวณยา
ตัวอย่างที่ 1 คำสั่งการรักษาให้ Morphine 3 mg v q 6 hr.
สิ่งที่ต้องเข้ำใจ
การฉีดยา Morphine เข้าทางหลอดเลือดดำต้องผสมให้เจือจางเป็น 10 ml
ยา Morphine 1 amp มี 10 mg/ml (ดูได้จากข้าง amp ยา)
วิธีทำ
ผสม Morphine กับ sterile water ให้ตัวยาเจือจางเป็น 10 ml เนื่องจากยา Morphine 1 amp มี 1 ml จึงใช้ sterile water จำนวน 9 ml เมื่อเจือจางเป็น 10 cc แล้ว ความเข้มข้นจะเท่ากับ 10 mg/10 ml
Morphine 10 mg = 10 ml
ต้องการใช้ 3 mg = 3x10 ml หาร 10
ตอบ 3 ml
ขั้นตอนการฉีดยา
4.2.2 วิธีการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
อุปกรณ์สำหรับการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
1.2 กระบอกฉีดยา (Syringe)
ประกอบด้วย2 ส่วนคือ
กระบอก (barrel) ซึ่งมีปลาย (tip) ที่มีขนาดสวมได้พอดีกับหัวเข็มฉีดยา
ลูกสูบ(plunger)
กระบอกฉีดยาจะมีทั้งชนิดที่ทำด้วยพลาสติกซึ่งใช้แล้วทิ้ง และชนิดทำด้วยแก้ว
กระบอกฉีดยามีหลายขนาดตั้งแต่ 0.5-50 ml
1.3 เข็มฉีดยา
ส่วนมากทำจาก stainless steel และเป็นชนิดใช้ครั้งเดียว
ประกอบด้วย 3 ส่วน
ตัวเข็ม (shaft) เป็นส่วนที่ต่อจากหัวเข็ม
ปลายเข็ม (bevelor slanted tip)
หัวเข็ม (hub)
ความยาวของตัวเข็มฉีดยา และเบอร์เข็ม มีตั้งแต่เบอร์ 18 ถึง 28
การเลือกเข็มและกระบอกฉีดยาเพื่อใช้ในการฉีดยาขึ้นอยู่กับเกณฑ์ดังต่อไปนี้
ปริมาณของยาที่จะฉีด
ขนาดรูปร่างของผู้ป่วย
ความหนืดของยา (viscosity of the solution)
ชนิดของยา
ทางที่ให้ยาเข้าสู่ร่างกาย
วัตถุประสงค์การใช้
ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง เบอร์ 23 – 25 ความยาว (นิ้ว) ½ - 5/8
ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อสำหรับผู้ใหญ่ เบอร์ 20 – 23 ความยาว (นิ้ว) 1 – 2 ½
ฉีดยาเข้าผิวหนัง เบอร์ 25 – 27 ความยาว (นิ้ว) 3/8 – ½
ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อสำหรับทารกและเด็กเล็ก เบอร์ 25 – 27 ความยาว (นิ้ว) ½ - 1
ดูดยา ละลายยา เบอร์ 18 – 20 ความยาว (นิ้ว) 1 – 1 ½
ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ เบอร์ 18 – 23 ความยาว (นิ้ว) 1 ½
1.1 ยาฉีด (Medication)
1) ยาที่บรรจุในหลอดจะเป็นยาน้้ำซึ่งใช้ฉีดครั้งเดียว (single dose) ถ้าใช้ไม่หมดต้องทิ้ง
ไป เพราะเมื่อหลอดยาถูกหักแล้วจะไม่สามารถรักษาให้อยู่ในสภาพปราศจากเชื้อได้
2) ยาที่บรรจุในขวดจะมีทั้งชนิดที่เป็นผงและยาน้ำ มีทั้งแบบ single dose และ
multiple dose ยาที่เป็นผงจะมีความคงตัวต่ำ
วิธีการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
ก่อนการลงมือผสมยาฉีดตามแผนการรักษาผู้เตรียมควรปฏิบัติดังนี้
4) คำนวณปริมาณยาฉีดที่ผู้ป่วยควรได้รับอย่างถูกต้อง
5) ดูแลบริเวณสำหรับเตรียมยาให้สะอาด แห้ง มีแสงสว่างเพียงพอ
3) ศึกษาเกี่ยวกับขนาด ฤทธิ์ข้างเคียง วิธีละลายยาในกรณีเป็นยาผง
6) ตรวจดูความพร้อมของเครื่องมือเครื่องใช้
2) อ่านและตรวจสอบรายละเอียดบนขวดยาหรือหลอดยาเกี่ยวกับชื่อยา วิถีทำงการให้ยา
วันหมดอายุของยา
7) ล้างมือให้สะอาด เช็ดมือ
1) ซักถามประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วย
2.1 วิธีเตรียมยาฉีดจากยาน้ำบรรจุหลอด (Ampule)
6) สวมหัวเข็มสำหรับดูดยาเข้ากับปลายกระบอกฉีดยา บิดหัวเข็มให้แน่นพอประมาณ
7) ถอดปลอกเข็มออก จับหลอดยาด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด ถือกระบอกฉีดยาด้วยมือข้าง
ที่ถนัด สอดเข็มเข้าหลอดยา
5) ฉีกซองกระบอกฉีดยาโดยระวังมิให้เกิดการปนเปื้อน
8) เอียงหลอดยาให้ปลายตัดเข็มจุ่มในน้ำยา ดูดยาตามจำนวนที่ต้องการ
4) คลี่สำลีชุบalcoholหรือ gauze ที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้วหุ้มรอบบริเวณคอหลอดยา
9) ตรวจสอบชื่อยาบนหลอดยาอีกครั้งหนึ่งก่อนทิ้งหลอดยา
3) เช็ดรอบคอหลอดยาด้วยสำลีชุบ alcohol
10) เปลี่ยนเข็มใหม่ เลือกขนาด และความยาวที่เหมาะสมสำหรับการฉีดยานั้น ๆ
2) เลื่อยรอบคอหลอดยาพอเป็นรอย โดยคลี่สำลีชุบ alcohol รองหลังคอหลอดยา
11) ถ้าเตรียมยาสำหรับฉีดผู้ป่วยหลายคนหรือหลายชนิดพร้อมกัน ควรวาง
กระบอกฉีดยาที่เตรียมยาแล้วบนถาดที่มีผ้าสะอาดปูรอง
1) ทำความสะอาดรอบคอหลอดยา และใบเลื่อยด้วยสำลีชุบalcohol70%
2.2 วิธีเตรียมยาฉีดจากยาน้ำบรรจุขวด (Vial)
6) แทงเข็มเข้าจุกยางใช้นิ้วหัวแม่มือดันลูกสูบให้อากาศเข้าขวดยาจนหมด
7) คว่ำขวดยาลง โดยให้นิ้วดันลูกสูบอยู่ ปรับให้ปลายตัดเข็มอยู่ในน้้ำยา
5) ถอดปลอกเข็มออก ดูดอากาศเข้ากระบอกฉีดยาเท่าปริมาณยาที่ต้องการ
8) ค่อย ๆ ปล่อยนิ้วที่ดันลูกสูบออก น้ำยาจากขวดจะไหลเข้ามาในกระบอกฉีด
ยา เมื่อได้ยาครบตามปริมาณที่ต้องการ ถอนเข็มและกระบอกฉีดยาออกจากจุกขวดยา
4) สวมหัวเข็มสำหรับดูดยาเข้ากับปลายกระบอกฉีดยา บิดหัวเข็มให้แน่น
พอประมาณ
9) ตรวจสอบชื่อยาบนขวดยาอีกครั้งหนึ่ง
3) ฉีกซองห่อกระบอกฉีดยาโดยระวังมิให้เกิดการปนเปื้อน
10) เปลี่ยนเข็มใหม่ เลือกขนาด และความยาวที่เหมาะสมสำหรับการฉีดยานั้น ๆ
2) ทำความสะอาดจุกขวดยาด้วยสำลีชุบ alcohol70% โดยวิธีหมุนจากจุดที่
แทงเข็มวนออกด้านนอกจนถึงคอขวดยา
1) เขย่าขวดยาเบา ๆ ให้ยาเข้ากัน
11) หากเตรียมยาสำหรับฉีดผู้ป่วยหลายคน หรือหลายชนิดพร้อมกัน ควรวาง กระบอกฉีดยา (ที่เตรียมยาแล้ว) บนถาดที่มีผ้าสะอาดปูรอง และแนบการ์ดยาไว้เพื่อป้องกันการนำยาผิด
ชนิดไปฉีดให้ผู้ป่วย
2.3 วิธีเตรียมยาฉีดจากยาผงบรรจุขวด (วิธีละลายยา)
4) ถอนเข็ม และกระบอกฉีดยาออกจากขวดยา นำปลอกเข็มที่ถอดออกมาสวม
ครอบเข็มไว้
5) เขย่าขวดให้ตัวทำละลายละลายผงจนหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
3) ดูดตัวทำละลายตามปริมาณที่ต้องการ
6) ทำความสะอาดจุกขวดยาอีกครั้งด้วยสำลีชุบalcoholปล่อยให้ alcohol แห้ง
2) ทำความสะอาดจุกขวดตัวทำละลาย และจุกขวดยาด้วยสำลีชุบ
alcohol70% จนถึงคอขวด ปล่อยให้ alcohol แห้ง
7) ใช้กระบอกฉีดยาพร้อมเข็มชุดเดิม ดูดยาออกจากขวดตามปริมาณที่ต้องการ
1) ตรวจดูตัวทำละลาย (น้ำกลั่นหรือน้ำเกลือ) ว่ามีฝุ่นผงหรือไม่ โดยคว่ำขวดยก
ส่องดู หากมีฝุ่นผง ไม่ควรนำมาใช้
8) หากยาที่ละลายแล้วใช้ไม่หมด และมีอายุที่จะเก็บไว้ใช้ได้ให้เขียนฉลากติดขวดไว้
4.2.3 ตำแหน่งและวิธีการฉีดยาบริเวณต่างๆ
ขั้นเตรียมการก่อนฉีดยา
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ
เลือกบริเวณสำหรับฉีดยา ควรหลีกเลี่ยงการฉีดยาในบริเวณที่มีการอักเสบ ช้ำบวม เป็นแผลมีก้อนแข็ง หรือเป็นอัมพาต
ถามชื่อ – สกุลของผู้ป่วย รวมถึงประวัติการแพ้ยา
จัดท่าและเสื้อผ้าผู้ป่วย เปิดบริเวณที่จะฉีดยาให้กว้างพอ หากเป็นบริเวณที่ไม่ควรเปิดเผยควรปิดประตูหรือกั้นม่าน
ตรวจความพร้อมของเครื่องใช้
ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือ
4.2.3.1 การฉีดยาเข้าชั้นผิวหนัง (Intradermal injection)
เป็นการฉีดยาเข้าในชั้นdermis (ชั้นหนังแท้) เพื่อให้เกิดผลเฉพาะที่
วิธีการฉีดยาเข้าชั้นผิวหนัง มีดังนี้
ไม่ต้องทดสอบว่าปลายตัดเข็มอยู่ในหลอดเลือดหรือไม่
สังเกตบริเวณที่ฉีดจะมีตุ่มนูนขึ้นมา ถ้าไม่มีตุ่มนูน แสดงว่าฉีดลึกเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง
แทงเข็มทำมุม 5-15 องศา กับผิวหนัง โดยหงายปลายตัดเข็มขึ้น และแทงเข้าไป
เพียงให้ปลายตัดเข็มเลยเข้าไปในผิวหนังเล็กน้อย
ไม่ต้องคลึงบริเวณที่ฉีดยา
ผิวหนังให้ตึง
ใช้ปากกาลูกลื่นหมึกสีน้ำเงินหรือดำ เขียนรอบรอยนูนที่เกิดจากการฉีดยาและ
บอกผู้ป่วยไม่ให้ลบรอยหมึกที่เขียนไว้ จนกว่าจะอ่านผลเรียบร้อยแล้ว
ไล่อากาศออกจากกระบอกฉีดยาจนหมดก่อนฉีดยา
4.2.3.2 การฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous injection)
เป็นการฉีดยาเข้าในชั้นsubcutaneous tissue ยาจะถูกดูดซึมได้ช้ากว่าการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
การฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง ให้ปฏิบัติดังนี้
ตำแหน่งสำหรับฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
ทำผิวหนังให้ตึงก่อนแทงเข็ม หรือการใช้นิ้วมือจับรวบเนื้อเยื่อบริเวณที่จะฉีดเข้า
หากัน แต่วิธีหลังนี้จะไม่ใช้ในการฉีด heparin
การแทงเข็มถ้าใช้เข็มยาว 5/8 นิ้ว ให้แทงเข็มทำมุม 45 องศำ ถ้าใช้เข็มยาว ½นิ้ว ให้แทงเข็มทำมุม 90 องศา
การฉีด heparin ไม่ต้องทดสอบว่าปลายเข็มอยู่ในหลอดเลือดหรือไม่
การฉีด heparin และ insulin ห้ามคลึงบริเวณที่ฉีดยาแล้ว
4.2.3.3 การฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ยาจะถูกดูดซึมเร็วเพราะมีเลือดมาเลี้ยงมาก
การหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ
1) วิธีหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน
2) วิธีหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อสะโพก
3) วิธีหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ Vastus lateralis (กล้ามเนื้อหน้าขา)
วิธีการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ปฏิบัติดังนี้
5) ยึดหัวเข็มและกระบอกฉีดยาให้มั่นคง
6) เมื่อยาหมดให้ใช้สำลีกดตำแหน่งแทงเข็ม ขณะที่ถอนเข็มออกด้วยความรวดเร็ว
4) แทงเข็มด้วยความเร็วและมั่นคง แทงเข็มทำมุม 90 องศา
7) คลึงบริเวณฉีดยาเบา ๆ เพื่อช่วยให้ยาดูดซึมได้เร็วขึ้นและลดอาการเจ็บปวดได้ด้วย
3) ถือกระบอกฉีดยาด้วยมือข้างถนัด ส่วนมือข้างไม่ถนัดทำผิวหนังบริเวณฉีดยาให้
ตึง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้กางออกขณะกดลงบนผิวหนัง
8) ปลดเข็มออกจากกระบอกฉีดยา แยกเข็มฉีดยาทิ้งในชามรูปไต หรือภาชนะ
สำหรับทิ้งเข็มโดยเฉพาะเพื่อนำเข็มไปทำลายต่อไป
2) ถอดปลายเข็มออก จับกระบอกฉีดยาตั้งขึ้น ไล่อากาศ
9) จัดเสื้อผ้าผู้ป่วยให้เรียบร้อย และจัดให้อยู่ในท่าที่สบาย (ถ้าเป็นผู้ป่วยนอก ควรให้
ผู้ป่วยพักเพื่อสังเกตอาการประมาณ 15 นาที)
1) ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดยาด้วยสำลีชุบ alcohol70%
ล้างมือให้สะอาด
การบรรเทาความเจ็บปวดจากการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
4) จัดทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายที่สุด จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและไม่สุขสบายลงได้
5) อย่าฉีดยาบริเวณที่เนื้อเยื่อแข็งตัวหรือกดเจ็บ
3) ใช้ Z-track technique ในการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ จะทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดน้อยลง
กว่าวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบดั้งเดิม
6) แทงเข็มและดึงเข็มออกจำกเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว ในทิศทางเดียวกัน
2) เข็มที่ใช้ฉีดยาจะต้องไม่มียาเคลือบอยู่ภายนอก
7) จับกระบอกฉีดยาให้อยู่กับที่ขณะฉีด
1) เลือกเข็มเบอร์เล็กที่สุดที่เหมาะสมกับชนิดของยาและตำแหน่งที่จะฉีดยา
8) เดินยาช้ำๆ เพื่อให้ยากระจายไปรอบๆ เนื้อเยื่อได้ดีกดบริเวณที่ฉีดเบาๆ หลังฉีดยา
ยกเว้นมีข้อห้าม
4.2.4 กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาฉีด
วางแผนการพยาบาล บริหารยาตามแผนการรักษาของแพทย์การให้ยาต้องคำนึงถึงหลัก
6Rs (10 Rs)
ปฏิบัติการพยาบาล ในขั้นการเตรียมอุปกรณ์ การเตรียมยาฉีด และการฉีดยาตามวิถีทาง
ต่างๆ ตามแผนการพยาบาลที่วางไว้
การวินิจฉัยทางการพยาบาล เมื่อรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการประเมินสภาพทั้งหมดแล้ว
นำมาจัดหมวดหมู่ข้อมูล ให้การวินิจฉัยทางการพยาบาล
การประเมินสภาพ การบริหารยาฉีดให้กับผู้ป่วยพยาบาลควรมีการประเมินผู้ป่วยก่อนให้ยา
การประเมินผล ควรมีการประเมินผู้ป่วยภายหลังจากได้รับยาทุกครั้ง เพื่อป้องกัน
ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้