Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4.2 การบริหารยาฉีด ovb0cd - Coggle Diagram
บทที่ 4.2
การบริหารยาฉีด
การคำนวณขนาดยา
การบริหารยาฉีด 2 ขั้นตอน
การเตรียมยา
: ฝึกกำรคำนวณยาได้ เตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องครบตามขนาดที่แพทย์สั่ง
ตัวอย่าง
คำสั่งการรักษาให้ Morphine 3 mg v q 6 hr.
สิ่งที่ต้องเข้าใจ 1. ยา Morphine 1 amp มี 10 mg/ml (ดูได้จากข้าง amp ยา)
การฉีดยา Morphine เข้าทางหลอดเลือดดำต้องผสมให้เจือจางเป็น 10 ml
วิธีทำ ผสม Morphine กับ sterile water ให้ตัวยาเจือจางเป็น 10 ml
เนื่องจากยา Morphine 1 amp มี 1 ml จึงใช้ sterile water จำนวน 9 ml
เมื่อเจือจางเป็น 10 cc แล้ว ความเข้มข้นจะเท่ากับ 10 mg/10 ml
Morphine 10 mg = 10 ml
ต้องการใช้ 3 mg = 3 x 10/10 ml = 3 ml
การฉีดยา
ฉีดสารที่เป็นของเหลวเข้าไปในเนื้อเยื่อ หลอดเลือด / ช่องในร่างกาย
รักษา การให้ภูมิคุ้มกันโรค ทดสอบการแพ้ยา
และสารบางชนิด และเพื่อการวินิจฉัยโรค
การฉีดยาทั่วไปในการรักษาพยาบาล 4 วิธี
การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneous injection)
การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (intravenous injection)
การฉีดยาเข้ำกล้ามเนื้อ (intramuscular injection)
การฉีดยาเข้าผิวหนัง (intradermal injection)
วิธีการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
วิธีการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
ลงมือผสมยาฉีดตามแผนการรักษา
ผู้เตรียมควรปฏิบัติ
ศึกษาเกี่ยวกับขนาด ฤทธิ์ข้างเคียง
วิธีละลายยาในกรณีเป็นยาผง
คำนวณปริมาณยาฉีดที่ผู้ป่วยควรได้รับอย่างถูกต้อง
อ่านและตรวจสอบรายละเอียดบนขวดยำเกี่ยวกับชื่อยา วิถีทางการให้ยา วันหมดอายุของยา (Exp.date)
ดูแลบริเวณสำหรับเตรียมยาให้สะอาด
แห้ง มีแสงสว่างเพียงพอ
ซักถามประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วย
ตรวจดูความพร้อมของเครื่องมือ เครื่องใช้
ล้างมือให้สะอาด เช็ดมือ
วิธีเตรียมยาฉีดจาก
ยาน้ำบรรจุหลอด (Ampule)
สวมหัวเข็มสำหรับดูดยาเข้ากับปลายกระบอกฉีดยา
บิดหัวเข็มให้แน่นพอประมาณ
ถอดปลอกเข็มออกด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
ถือกระบอกฉีดยาด้วยมือข้างที่ถนัด สอดเข็มเข้าหลอดยา
ระวังไม่ให้เข็มสัมผัสกับด้านนอกและปากหลอดยา
ฉีกซองกระบอกฉีดยา ระวังไม่ให้เกิดการปนเปื้อน
เอียงหลอดยาให้ปลายตัดเข็มจุ่มในน้ำยา
ดูดยาตามจำนวนที่ต้องการ
คลี่สำลีชุบalcohol / gauze ผ่านการฆ่าเชื้อโรคหุ้มรอบบริเวณคอหลอดยา
ทำการหักหลอดยา วางหลอดยาที่หักปลายแล้วในบริเวณที่ไม่ถูกปนเปื้อน
ตรวจสอบชื่อยาบนหลอดยาอีกครั้งหนึ่งก่อนทิ้งหลอดยา
เช็ดรอบคอหลอดยาด้วยสำลีชุบ alcohol
เปลี่ยนเข็มใหม่ เลือกขนาด
และความยาวที่เหมาะสมสำหรับการฉีดยานั้นๆ
เลื่อยรอบคอหลอดยาพอเป็นรอย โดยคลี่สำลีชุบ alcohol รองหลังคอหลอดยา
ถ้ามียาค้างอยู่เหนือคอหลอดยาต้องไล่ยาลงไปอยู่ใต้คอหลอดยา
ถ้าหลอดยามีแถบสีที่คอหลอดยา ไม่ต้องเลื่อยคอหลอดยำ
ถ้าเตรียมยาสำหรับฉีดผู้ป่วยหลายคน / หลายชนิดพร้อมกัน
ควรวางกระบอกฉีดยาที่เตรียมยาแล้วบนถาดที่มีผ้าสะอาดปูรอง
และมีการ์ดยาแนบกระบอกฉีดยาไว้เพื่อป้องกันการนำยาผิดชนิดไปฉีดให้ผู้ป่วย
ทำความสะอาดรอบคอหลอดยา
และใบเลื่อยด้วยสำลีชุบalcohol70%
เตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับการผสมยาฉีด ได้แก่ ถาด ผ้ารองถาดยา อับสำลี กระปุก forceps card ยา (หรือใบบันทึกการให้ยา)
วิธีเตรียมยาฉีดจาก
ยาน้ำบรรจุขวด (Vial)
แทงเข็มเข้าจุกยางใช้นิ้วหัวแม่มือดันลูกสูบ
ให้อากาศเข้าขวดยาจนหมด
คว่ำขวดยาลง ใช้นิ้วดันลูกสูบอยู่ ปรับให้ปลายตัดเข็มอยู่ในน้ำยา
ถอดปลอกเข็มออก ดูดอากาศเข้ากระบอกฉีดยา
เท่าปริมาณยาที่ต้องการ
ค่อยๆ ปล่อยนิ้วที่ดันลูกสูบออก น้ำยาจากกขวดจะไหลเข้ามาในกระบอกฉีดยา
เมื่อได้ยาครบตามปริมาณที่ต้องกำร ถอนเข็มและกระบอกฉีดยาออกจากจุกขวดยา
สวมหัวเข็มสำหรับดูดยาเข้ากับปลายกระบอกฉีดยา
บิดหัวเข็มให้แน่นพอประมาณ
ตรวจสอบชื่อยาบนขวดยาอีกครั้งหนึ่ง
ฉีกซองห่อกระบอกฉีดยา โดยระวังไม่ให้เกิดการปนเปื้อน
เปลี่ยนเข็มใหม่ เลือกขนาด และความยาวที่เหมาะสมสำหรับการฉีดยานั้น ๆ
ทำความสะอาดจุกขวดยา ด้วยสำลีชุบ alcohol70% วิธีหมุนจากจุด
ที่แทงเข็มวนออกด้านนอกจนถึงคอขวดยา (ถ้ามีแผ่นโลหะปิดอยู่บน
จุกยาง ดึงออกแล้วทำความสะอาดอีกครั้ง) ปล่อยให้ alcohol แห้ง
ถ้าเตรียมยาสำหรับฉีดผู้ป่วยหลายคน / หลายชนิดพร้อมกัน
ควรวางกระบอกฉีดยาที่เตรียมยาแล้วบนถาดที่มีผ้าสะอาดปูรอง
และมีการ์ดยาแนบกระบอกฉีดยาไว้เพื่อป้องกันการนำยาผิดชนิดไปฉีดให้ผู้ป่วย
เขย่าขวดยาเบา ๆ ให้ยาเข้ากัน
วิธีเตรียมยาฉีดจากยาผงบรรจุขวด
(วิธีละลายยา)
4.ถอนเข็ม และกระบอกฉีดยาออกจากขวดยา
นำปลอกเข็มที่ถอดออกมาสวมครอบเข็มไว้
เขย่าขวดให้ตัวทำละลายละลายผงจนหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
ดูดตัวทำละลายตามปริมาณที่ต้องการ
เมื่อได้ตัวทำละลายแล้วให้ฉีดตัวทำละลายเข้ำในขวดยาผง
แทงเข็มเข้าจุกขวด ดันลูกสูบ ปล่อยนิ้วที่ดันลูกสูบออก
ทำความสะอาดจุกขวดยาอีกครั้งด้วย
สำลีชุบ alcohol ปล่อยให้ alcohol แห้ง
ทำความสะอาดจุกขวดตัวทำละลำย และจุกขวดยาด้วยสำลีชุบ
alcohol70% จนถึงคอขวด ปล่อยให้ alcohol แห้ง
ใช้กระบอกฉีดยาพร้อมเข็มชุดเดิม ดูดยาออกจากขวดตามปริมาณ
ที่ต้องการ ด้วยวิธีเดียวกับการเตรียมยาฉีดจากยาน้ำบรรจุขวด
ตรวจดูตัวทำละลาย (น้ำกลั่น / น้ำเกลือ) มีฝุ่นผงหรือไม่ โดยคว่ำขวดยกส่องดู หากมีฝุ่นผง ไม่นำมาใช้
ยาที่ละลายแล้วใช้ไม่หมด และมีอายุที่จะเก็บไว้ใช้ได้
ให้เขียนฉลากติดขวดไว้เกี่ยวกับความเข้มข้นของยา วัน/เดือน/ปีที่ละลาย
ผู้ละลาย และเก็บยาไว้ในที่ที่เหมาะสมตามฉลากยาที่แนบมากับยา
อุปกรณ์สำหรับ
การเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
ยาฉีด (Medication)
: บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุ
ที่เป็นหลอด (ampule) และขวด (vial)
ที่บรรจุในหลอดจะเป็นยาน้ำ
ใช้ฉีดครั้งเดียว (single dose)
ใช้ไม่หมดต้องทิ้ง เพราะหลอดยาถูกหักแล้ว
จะไม่สามารถรักษาให้อยู่ในสภาพปราศจากกเชื้อได้
หลอดยาที่มีวงสีรอบคอหลอดยา
ยาที่บรรจุในขวดจะมีทั้งชนิดที่เป็นผงและยาน้ำ
มีทั้งแบบ single dose และ multiple dose
บนขวดยา จะมีชื่อยา ปริมาณยา
วิถีทางให้ยา วันหมดอายุของยาอยู่
ยาที่เป็นผงจะมีความคงตัวต่ำ บางชนิด
จะบอกชื่อ และปริมาณของตัวทำละลายยา
จุกขวดจะเป็นยางและมีแผ่นโลหะยึดรอบริม
ของขอบจุกยางไว้ ต้องเปิดแผ่นโลหะออก
กระบอกฉีดยา (Syringe)
ประกอบด้วย 2 ส่วน
กระบอก (barrel) มีปลาย (tip)
ที่มีขนาดสวมพอดีกับหัวเข็มฉีดยา
ลูกสูบ (plunger) มีชนิดพลาสติก (ใช้แล้วทิ้ง)
และชนิดทำด้วยแก้ว
ใช้เสร็จล้างสะอาดและทำให้แห้ง ห่อด้วยผ้า 2 ชั้น
แยกลูกสูบและกระบอก ห่อส่วนที่เป็นกระบอกไว้นอกสุด
การเปิดห่อกระบอกฉีดยา ระวังไม่ให้
ปนเปื้อน และให้รักษาด้านในผ้าขาว
ขนาดตั้งแต่ 0.5-50 ml
เข็มฉีดยา
ตัวเข็ม (shaft) เป็นส่วนที่ต่อจากหัวเข็ม จับต้องไม่ได้
ต้องรักษาสภาวะปราศจำกเชื้อไว้ มีปลอกพลาสติกครอบ
ปลายเข็ม (bevel or slanted tip) จับต้องไม่ได้
มีปลอกพลาสติกครอบไว้
หัวเข็ม (hub) มีขนาดพอดีกับปลายกระบอกฉีดยา
สามารถจับต้องได้ขณะทำให้หัวเข็มและปลายหลอดฉีดยายึดติดกัน
การเลือกเข็มฉีดยา
เบอร์เข็ม
เบอร์เข็มเล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางจะใหญ่ขึ้น
เช่น เข็มเบอร์ 25 จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ของตัวเข็มเล็กกว่าเข็มเบอร์ 18
มีตั้งแต่เบอร์ 18 ถึง 28
เบอร์เข็มใหญ่ ขนาดของ
เส้นผ่านศูนย์กลางของตัวเข็มจะเล็ก
เกณฑ์การฉีดยา
ปริมาณของยาที่จะฉีด
ขนาดรูปร่างของผู้ป่วย
ความหนืดของยา
(viscosity of the solution)
ชนิดของยา
เช่น ฉีดยาอินซูลิน ใช้กระบอกฉีดยา
สำหรับฉีดอินซูลินโดยเฉพาะ
การฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
เลือกใช้เข็มที่ยาวกว่าการฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
ทางที่ให้ยาเข้าสู่ร่างกาย (route of administration)
เช่น ฉีดยาเข้ำชั้นกล้ามเนื้อ ใช้เข็มยาวกว่าฉีดเข้า
ชั้นใต้ผิวหนัง และชั้นผิวหนัง
พิจารณาจากความลาดเอียง
ความยาวของตัวเข็มฉีดยา
ขนาดและความยาวของเข็มฉีดยา
วัตถุประสงค์การใช้
ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง เบอร์ 23 – 25
ความยาว (นิ้ว)½ - 5/8
ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อสำหรับผู้ใหญ่
เบอร์ 20 – 23 ความยาว (นิ้ว) 1 – 2 ½
ฉีดยาเข้าผิวหนัง เบอร์ 25 – 27
ความยาว (นิ้ว) 3/8 – ½
ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อสำหรับทารกและเด็กเล็ก
เบอร์ 25 – 27 ความยาว (นิ้ว) ½ - 1
ดูดยา ละลายยา เบอร์ 18 – 20
ความยาว (นิ้ว) 1 – 1 ½
ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ เบอร์ 18 – 23
ความยาว (นิ้ว) 1 ½
ตำแหน่งและวิธีการฉีดยาบริเวณต่างๆ
การฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous injection : Sc)
ชั้นใต้ผิวหนังมี pain receptor
อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดมำกกว่า
การฉีดใต้ผิวหนัง
การแทงเข็มถ้าใช้เข็มยาว 5/8 นิ้ว ให้แทงเข็มทำมุม 45 องศา ถ้าใช้เข็มยาว ½ นิ้ว ให้แทงเข็มทำมุม 90 องศา
การฉีด heparin ไม่ต้องทดสอบว่าปลายเข็มอยู่ในหลอดเลือดหรือไม่
ทำผิวหนังให้ตึงก่อนแทงเข็ม / ใช้นิ้วมือจับรวบเนื้อเยื่อ
บริเวณที่จะฉีดเข้าหากัน วิธีหลังนี้จะไม่ใช้ในการฉีด heparin
การฉีด heparin และ insulin ห้ามคลึงบริเวณที่ฉีดยา
ตำแหน่งสำหรับฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
บริเวณส่วนกลางของหน้าขา
บริเวณหน้าท้องที่อยู่ระหว่างแนวใต้ชายโครง
กับแนวของ anterior superior iliac spine ยกเว้น
บริเวณรอบสะดือ 1 นิ้ว เพราะมี pain receptor มาก
บริเวณต้นแขนส่วนกลางด้านนอก
บริเวณสะบัก
ฉีดยาเข้าในชั้น subcutaneous tissue
ยาจะถูกดูดซึมได้ช้ากว่าการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
ยาที่ฉีดเข้าใต้ผิวหนังส่วนมากคือ insulin
และ heparin จำนวนยา ฉีดไม่เกินครั้งละ 2 ml ในแต่ละบริเวณ
การฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ (IM)
กล้ามเนื้อเป็นเนื้อเยื่อที่ทนต่อการระคายเคืองได้ดี
ยาที่มีความเหนียวข้น และระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ
วิธีการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ
ยึดหัวเข็มและกระบอกฉีดยาให้มั่นคง ด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
และใช้มือข้างถนัดดึงลูกสูบขึ้นเล็กน้อย เพื่อทดสอบว่าปลายเข็มอยู่ในหลอดเลือด
ถ้าไม่มีเลือดเข้าในกระบอกฉีดยา ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างถนัดดันลูกสูบเดินยาช้าๆ
(ถ้ามีเลือดเข้ามาในกระบอกฉีดให้ยกเลิกการฉีดยานั้น และเตรียมยาฉีดใหม่)
เมื่อยาหมดให้ใช้สำลีกดตำแหน่งแทงเข็ม ขณะที่ถอนเข็มออกด้วยความรวดเร็ว
แทงเข็มด้วยความเร็วและมั่นคง แทงเข็มทำมุม 90 องศา
คลึงบริเวณฉีดยาเบาๆ เพื่อช่วยให้ยาดูดซึมเร็วขึ้น ลดอาการรเจ็บปวดได้
(ยกเว้นยาที่มีส่วนประกอบของโลหะหนัก)
ถือกระบอกฉีดยาด้วยมือข้างถนัด ส่วนมือข้างไม่ถนัดทำผิวหนัง
บริเวณฉีดยำให้ตึง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้กางออกขณะกดลงบนผิวหนัง
ปลดเข็มออกจากกระบอกฉีดยา
แยกเข็มฉีดยาทิ้งในชามรูปไต / ภาชนะ สำหรับทิ้งเข็มโดยเฉพาะ
ถอดปลายเข็มออก จับกระบอกฉีดยาตั้งขึ้น ไล่อากาศ
ล้างมือให้สะอาด
1.ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดยา ด้วยสำลีชุบ alcohol70% โดยหมุนออกจากจุดที่จะแทงเข็มให้เป็นวงกว้างประมาณ 2-3 นิ้ว ปล่อยให้ alcohol แห้ง
จัดเสื้อผ้าผู้ป่วยให้เรียบร้อย จัดให้อยู่ในท่าที่สบาย
(ถ้าเป็นผู้ป่วยนอก ควรให้ผู้ป่วยพักเพื่อสังเกตอาการประมาณ 15 นำที)
ยาถูกดูดซึมเร็ว เพราะมีเลือดมาเลี้ยงมาก
แต่อาจจะเกิดอันตรายต่อเส้นประสาท / ฉีดเข้าหลอดเลือดได้
การหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ
2. วิธีหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อสะโพก
(Glutens muscle) 3 วิธี
วิธีที่ 2 แบ่งสะโพกออกเป็น 4 ส่วน
ด้านล่าง มีขอบเขตตามแนวของก้นย้อย (glutealfold)
ด้านใน (medial) มีขอบเขตตามแนวแบ่งครึ่งจากกระดูก Coccyx
ขึ้นไปตามแนวแบ่งครึ่งของกระดูก sacrum
ด้านบน มีขอบเขตตามแนวของ iliac crest
ด้านนอก (lateral) มีขอบเขตตามแนวด้านข้าง
ของต้นขาและสะโพก
วิธีที่ 3 ลากเส้นจาก posterior superior iliac spine
ไปยังปุ่มกระดูกต้นขา (greater trochanter of the femur)
เส้นนี้จะขนานกับ sciatic never ตำแหน่งที่ฉีด คือ ส่วนบนด้านนอกของเส้น ต่ำจากขอบกระดูกเชิงกราน 2 - 3 นิ้วฟุต
ส่วนบนด้านนอกของเส้น ต่ำจากขอบกระดูกเชิงกราน 2 - 3 นิ้วฟุต
วิธีที่ 1 แบ่งสะโพกออกเป็น 3 ส่วน
ใช้ landmark 2 แห่ง
anterior superior iliac spine และ coccyx ลากเส้นสมมุติ
ระหว่าง 2 จุด แบ่งเส้นสมมุติออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน
ตำแหน่งที่ฉีดยาได้คือส่วนแรกนับจาก anterior superior iliac spine โดยฉีดต่ำกว่าระดับของ iliac crest ประมาณ 2-3 นิ้วมือ
3. วิธีหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากกล้ามเนื้อ
Vastus lateralis (กล้ามเนื้อหน้าขา)
แบ่งหน้าขาตามความยาว (จาก greater trochanter
ไปยัง lateral femoral condyle) ออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนกลางเป็นส่วนที่เหมาะสมสำหรับฉีดยา
1. วิธีหาตำแหน่งฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน
(Deltoid muscle)
บริเวณที่อยู่ต่ำกว่าขอบล่างของ
acromion process 2 นิ้ว
บริเวณที่มีกล้ามเนื้อมาก ฉีดบริเวณส่วนกลาง
ของกล้ามเนื้อ มีขอบเขตเป็นรูปสามเหลี่ยม
การบรรเทาความเจ็บปวด
จากการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
จัดท่าให้ผู้ป่วยผ่อนคลำยที่สุด จะช่วยบรรเทา
ความเจ็บปวดและไม่สุขสบาย
อย่าฉีดยาบริเวณที่เนื้อเยื่อแข็งตัว / กดเจ็บ
3.ใช้ Z-track technique ในการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
จะทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดน้อยลง
แทงเข็มและดึงเข็มออกจากเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว
ในทิศทางเดียวกัน
เข็มที่ใช้ฉีดยาจะต้องไม่มียาเคลือบอยู่ภายนอก
เพราะจะระคายเคืองเนื้อเยื่อที่เข็มแทงผ่าน
ทำให้ผู้ป่วยปวดและมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อได้
จับกระบอกฉีดยาให้อยู่กับที่ขณะฉีด
เลือกเข็มเบอร์เล็กที่สุดที่เหมาะสม
กับชนิดของยาและตำแหน่งที่จะฉีดยา
เดินยช้าๆ เพื่อให้ยากระจายไปรอบๆเนื้อเยื่อได้ดี
กดบริเวณที่ฉีดเบาๆหลังฉีดยา ยกเว้นมีข้อห้าม
การฉีดยาเข้าชั้นผิวหนัง
(Intradermal injection : Id)
ฉีดยาเข้าในชั้น dermis (ชั้นหนังแท้) เพื่อให้เกิดผลเฉพาะที่
วิธีการฉีดยา
ไม่ต้องคลึงบริเวณที่ฉีดยา
ไม่ต้องทดสอบว่าปลายตัดเข็มอยู่ในหลอดเลือด
แทงเข็มทำมุม 5-15 องศากับผิวหนัง โดยหงายปลายตัดเข็มขึ้น
และแทงเข้าไปเพียงให้ปลายตัดเข็มเลยเข้าไปในผิวหนังเล็กน้อย
สังเกตบริเวณที่ฉีดจะมีตุ่มนูนขึ้นมา
ถ้าไม่มีตุ่มนูน แสดงว่าฉีดลึกเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง
ผิวหนังให้ตึง
ใช้ปากกาลูกลื่นหมึกสีน้ำเงิน เขียนรอบรอยนูนที่เกิด
บอกผู้ป่วยไม่ให้ลบรอยหมึก จนกว่าจะอ่านผลเรียบร้อยแล้ว
ไล่อากาศออกจากกระบอกฉีดยาจนหมด
ฉีดเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค ทดสอบยา / สารต่างๆ ที่ฉีดจะถูกดูดซึมช้าที่สุด
บริเวณท้องแขนด้านในของปลายแขน มองเห็นปฏิกิริยาของการรทดลองได้ชัดเจน จำนวนยาฉีดไม่เกิน 0.5 ml ส่วนมากจะฉีดไม่เกิน 0.1 ml
ใช้กระบอกฉีดยา ชนิด tuberculin syringe
ขั้นเตรียมการก่อนฉีดยา
ถามชื่อ – สกุลของผู้ป่วย รวมถึงประวัติการแพ้ยา
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ
เลือกบริเวณสำหรับฉีดยา หลีกเลี่ยงการฉีดยาบริเวณที่มีการอักเสบ ช้ำบวม เป็นแผล มีก้อนแข็ง / เป็นอัมพาต
จัดท่าและเสื้อผ้าผู้ป่วย เปิดบริเวณที่จะฉีดยาให้กว้างพอ
หากเป็นบริเวณที่ไม่ควรเปิดเผย ควรปิดประตู / กั้นม่าน
ตรวจความพร้อมของเครื่องใช้
ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือ
กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาฉีด
2. การวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดภาวะเลือดออกง่าย/หยุดยาก เนื่องจากมีประวัติ/รอยโรค
มีโอกาสเกิดการแพ้ยาจากอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
3. วางแผนการพยาบาล
บริหารยาตามแผนการรักษาของแพทย์
การให้ยาต้องคำนึงถึงหลัก 6Rs (10 Rs)
4. ปฏิบัติการพยาบาล
ขั้นการเตรียมอุปกรณ์ การเตรียมยาฉีด
การฉีดยาตามมวิถีทางต่างๆ ตามแผนการพยาบาลที่วางไว้
5. การประเมินผล
ประเมินผู้ป่วยภายหลังจากได้รับยาทุกครั้ง
เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
1. การประเมินสภาพ
ประเมินผู้ป่วยก่อนให้ยา เช่น การซักประวัติการได้รับยา
การแพ้ยา โรคประจำตัว
ประเมินตำแหน่งที่สามารถฉีดยาได้ รวมทั้งการประเมินอาการก่อนและหลังการได้รับยา
ประเมินปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น ผลการตรวจทำงห้องปฏิบัติการ