Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4.2 การบริหารยาฉีด - Coggle Diagram
บทที่ 4.2 การบริหารยาฉีด
4.2.1การคำนวณขนาดยา
ขั้นตอนการเตรียมยา
ขั้นตอนการฉีดยา
4.2.2 วิธีการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
อุปกรณ์สำรับการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
1.1 ยาฉีด(Medication)
1) ยาที่บรรจุในหลอดจะเป็นยาน้ำซึ่งใช้ฉีดครั้งเดียว
2) ยาที่บรรจุในขวดจะมีทั้งชนิดที่เป็นผงและยาน้ำ มีทั้งแบบ single dose และ multiple dose ยาที่เป็นผงจะมีความคงตัวต่ำ
1.2 กระบอกฉีดยา (Syringe)
1.3 เข็มฉีดยา
ประกอบด้วย 3 ส่วน
ตัวเข็ม (shaft) เป็นส่วนที่ต่อจํากหัวเข็ม
ปลายเข็ม
หัวเข็ม (hub) ซึ่งมีขนาดพอดีกับปลายกระบอกฉีดยา
การเลือกเข็มและกระบอกฉีดยาเพื่อใช้ในการฉีดยํา ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1.ทางที่ให้ยาเข้าสู่ร่ํางกาย
ความหนืดของยา
ปริมาณของยาที่จะฉีด
ขนาดรูปร่ํางของผู้ป่วย
ชนิดของยา
วิธีการเตรียมยาฉีดชนิดต่างๆ
3) ศึกษาเกี่ยวกับขนาด ฤทธิ์ข้างเคียง วิธีละลายยาในกรณีเป็นยาผง
4) คำนวณปริมาณยาฉีดที่ผู้ป่วยควรได้รับอย่างถูกต้อง
2) อ่ํานและตรวจสอบรายละเอียดบนขวดยาหรือหลอดยาเกี่ยวกับชื่อยาวิถีทางการให้ยาวันหมดอายุของยา
5) ดูแลบริเวณสำหรับเตรียมยาให้สะอาด แห้ง มีแสงสว่างเพียงพอ
1) ซักถามประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วย
6) ตรวจดูความพร้อมของเครื่องมือเครื่องใช้
7) ล้างมือให้สะอาด เช็ดมือ
2.1 วิธีเตรียมยาฉีดจากยานำบรรจุหลอด
4) คลี่สำลีชุบ alcohol หรือ gauze ที่ผ่ํานการฆ่ําเชื้อโรคแล้วหุ้มรอบบริเวณคอหลอดยาเพื่อป้องกันหลอดยาที่หักปลายแล้วบาดนิ้วมือ
5) ฉีกซองกระบอกฉีดยาโดยระวังมิให้เกิดการปนเปื้อน
3) เช็ดรอบคอหลอดยาด้วยสำลีชุบ alcohol
6) สวมหัวเข็มสำหรับดูดยาเข้ากับปลายกระบอกฉีดยา บิดหัวเข็มให้แน่นพอประมาณ
2) เลื่อยรอบคอหลอดยาพอเป็นรอย โดยคลี่สำลีชุบ alcohol รองหลังคอหลอดยา ถ้ามียาค้างอยู่เหนือคอหลอดยาต้องไล่ยาลงไปอยู่ส่วนใต้คอหลอดยา
7) ถอดปลอกเข็มออก จับหลอดยาด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด ถือกระบอกฉีดยาด้วยมือข้างที่ถนัด สอดเข็มเข้าหลอดยา ระวังมิให้เข็มสัมผัสกับด้านนอกและปากหลอดยา
1) ทำความสะอาดรอบคอหลอดยา และใบเลื่อยด้วยสำลีชุบ alcohol70%
8) เอียงหลอดยาให้ปลายตัดเข็มจุ่มในน้ำยา ดูดยาตามจำนวนที่ต้องการ
9) ตรวจสอบชื่อยาบนหลอดยาอีกครั้งหนึ่งก่อนทิ้งหลอดยา
10) เปลี่ยนเข็มใหม่
11) ถ้าเตรียมยาสำหรับฉีดผู้ป่วยหลายคนหรือหลายชนิดพร้อมกัน
2.2 วิธีเตรียมยาฉีดจากยาน้ำบรรจุขวด (Vial)
4) สวมหัวเข็มสำหรับดูดยาเข้ากับปลายกระบอกฉีดยา บิดหัวเข็มให้แน่นพอประมาณ
5) ถอดปลอกเข็มออก ดูดอากาศเข้ากระบอกฉีดยาเท่าปริมาณยาที่ต้องการ
3) ฉีกซองห่อกระบอกฉีดยาโดยระวังมิให้เกิดการปนเปื้อน
6) แทงเข็มเข้าจุกยางใช้นิ้วหัวแม่มือดันลูกสูบให้อากาศเข้าขวดยาจนหมด
2) ทำความสะอาดจุกขวดยาด้วยสำลีชุบ alcohol70%
7) คว่ำขวดยาลง โดยให้นิ้วดันลูกสูบอยู่ ปรับให้ปลายตัดเข็มอยู่ในน้ำยา
1) เขย่าขวดยาเบา ๆ ให้ยาเข้ากัน
8)ค่อย ๆ ปล่อยนิ้วที่ดันลูกสูบออก
9) ตรวจสอบชื่อยาบนขวดยาอีกครั้งหนึ่ง
10) เปลี่ยนเข็มใหม่ เลือกขนาด และความยาวที่เหมาะสมสำหรับการฉีดยานั้น ๆ
11) หากเตรียมยาสำหรับฉีดผู้ป่วยหลายคนควรวางกระบอกฉีดยา (ที่เตรียมยําแล้ว) บนถาดที่มีผ้าสะอาดปูรอง และแนบการ์ดยาไว้เพื่อป้องกันการนำยาผิดชนิดไปฉีดให้ผู้ป่วย
2.3 วิธีเตรียมยาฉีดจากยาผงบรรจุขวด (วิธีละลายยา)
4)ถอนเข็ม และกระบอกฉีดยาออกจากขวดยา นำปลอกเข็มที่ถอดออกมาสวมครอบเข็มไว้
5)เขย่าขวดให้ตัวทำละลายละลายผงจนหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
3)ดูดตัวทำละลายตามปริมาณที่ต้องการ
6)ทำความสะอาดจุกขวดยาอีกครั้งด้วยสำลีชุบ alcohol ปล่อยให้ alcohol แห้ง
2)ทำความสะอาดจุกขวดตัวทำละลาย
7) ใช้กระบอกฉีดยาพร้อมเข็มชุดเดิม
1) ตรวจดูตัวทำละลาย
8)หากยาที่ละลายแล้วใช้ไม่หมด และมีอายุที่จะเก็บไว้ใช้ได้ให้เขียนฉลากติดขวดไว้เกี่ยวกับความเข้มข้นของยา วัน เดือน ปีที่ละลาย ผู้ละลาย และเก็บยาไว้ในที่ที่เหมาะสมตามสลากยาที่แนบมากับยา
4.2.3 ตำแหน่งและวิธีการฉีดยาบริเวณต่างๆ
ขั้นเตรียมการก่อนฉีดยา
3.อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ
4.เลือกบริเวณสำหรับฉีดยา ควรหลีกเลี่ยงการฉีดยาในบริเวณที่มีการอักเสบ
2.ถามชื่อ –สกุลของผู้ป่วย รวมถึงประวัติการแพ้ยา
5.จัดท่าและเสื้อผ้าผู้ป่วย เปิดบริเวณที่จะฉีดยาให้กว้างพอ
1.ตรวจความพร้อมของเครื่องใช้
6.ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือ
4.2.3.1 การฉีดยาเข้าชั้นผิวหนัง
ไล่อากาศออกจํากกระบอกฉีดยาจนหมดก่อนฉีดยา
ไม่ต้องทดสอบว่าปลายตัดเข็มอยู่ในหลอดเลือดหรือไม่
ผิวหนังให้ตึง
5.สังเกตบริเวณที่ฉีดจะมีตุ่มนูนขึ้นมา ถ้าไม่มีตุ่มนูน แสดงว่าฉีดลึกเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง
แทงเข็มทำมุม 5-15 องศา กับผิวหนังโดยหงายปลายตัดเข็มขึ้น และแทงเข้าไปเพียงให้ปลายตัดเข็มเลยเข้าไปในผิวหนังเล็กน้อย
ไม่ต้องคลึงบริเวณที่ฉีดยา
ใช้ปากกาลูกลื่นหมึกสีน้ำเงินหรือดำ เขียนรอบรอยนูนที่เกิดจากการฉีดยาและบอกผู้ป่วยไม่ให้ลบรอยหมึกที่เขียนไว้ จนกว่าจะอ่านผลเรียบร้อยแล้ว
4.2.3.2การฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
การฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนังให้ปฏิบัติดังนี้
3.การแทงเข็มถ้าใช้เข็มยาว 5/8 นิ้วให้แทงเข็มทำมุม 45 องศาถ้าใช้เข็มยาว ½ นิ้ว ให้แทงเข็มทำมุม 90 องศา
4.การฉีด heparin ไม่ต้องทดสอบว่าปลายเข็มอยู่ในหลอดเลือดหรือไม่
2.ทำผิวหนังให้ตึงก่อนแทงเข็ม หรือการใช้นิ้วมือจับรวบเนื้อเยื่อบริเวณที่จะฉีดเข้าหากัน แต่วิธีหลังนี้จะไม่ใช้ในกํารฉีด heparin
5.กํารฉีด heparin และ insulin ห้ามคลึงบริเวณที่ฉีดยาแล้ว
ตำแหน่งสำหรับฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
2)บริเวณส่วนกลางของหน้าขา
3)บริเวณหน้าท้องที่อยู่ระหว่างแนวใต้ชายโครงกับแนวของ anterior superioriliac spine ยกเว้นบริเวณรอบสะดือ 1 นิ้ว เพราะมี pain receptor มาก
1) บริเวณต้นแขนส่วนกลางด้านนอก
4)บริเวณสะบัก
4.2.3.3 การฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
วิธีการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ
1)ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดยาด้วยสำลีชุบalcohol70%
6)เมื่อยาหมดให้ใช้สำลีกดตำแหน่งแทงเข็ม ขณะที่ถอนเข็มออกด้วยความรวดเร็ว
4)แทงเข็มด้วยความเร็วและมั่นคง แทงเข็มทำมุม 90 องศา
7)คลึงบริเวณฉีดยาเบา ๆ เพื่อช่วยให้ยาดูดซึมได้เร็วขึ้นและลดอาการเจ็บปวดได้ด้วย
3)ถือกระบอกฉีดยาด้วยมือข้างถนัด
8)ปลดเข็มออกจากกระบอกฉีดยา แยกเข็มฉีดยาทิ้งในชามรูปไต หรือภาชนะสำหรับทิ้งเข็มโดยเฉพาะเพื่อนำเข็มไปทำลายต่อไป
2)ถอดปลายเข็มออก จับกระบอกฉีดยาตั้งขึ้น ไล่อากาศ
9)จัดเสื้อผ้ํผู้ป่วยให้เรียบร้อย และจัดให้อยู่ในท่าที่สบาย
5)ยึดหัวเข็มและกระบอกฉีดยาให้มั่นคง
ล้างมือให้สะอาด
การบรรเทาความเจ็บปวดจากการฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
4) จัดท่าให้ผู้ป่วยผ่อนคลายที่สุด จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและไม่สุขสบายลงได้
5) อย่ําฉีดยําบริเวณที่เนื้อเยื่อแข็งตัวหรือกดเจ็บ
3)ใช้ Z-track technique ในการฉีดยําเข้าชั้นกล้ามเนื้อ จะทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดน้อยลงกว่าวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบดั้งเดิม
6) แทงเข็มและดึงเข็มออกจากเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว ในทิศทางเดียวกัน
2)เข็มที่ใช้ฉีดยาจะต้องไม่มียาเคลือบอยู่ภายนอก
7) จับกระบอกฉีดยาให้อยู่กับที่ขณะฉีด
1)เลือกเข็มเบอร์เล็กที่สุดที่เหมาะสมกับชนิดของยาและตำแหน่งที่จะฉีดยา
8) เดินยาช้ําๆ เพื่อให้ยากระจายไปรอบๆ เนื้อเยื่อได้ดีกดบริเวณที่ฉีดเบาๆ หลังฉีดยา ยกเว้นมีข้อห้าม
4.2.4กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาฉีด
1.การประเมินสภาพ
2.การวินิจฉัยทางการพยาบาล
3.วางแผนการพยาบาล
4.ปฏิบัติการพยาบาล
5.การประเมินผล