Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของรก น้ําคร่ํา…
บทที่ 6
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของรก น้ําคร่ํา และความผิดปกติของทารกในครรภ์
ภาวะน้ําคร่ําผิดปกติ(Polydramnios / Oligohydramnios)
ความหมายการตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำมาก/ครรภ์แฝดน้ำ
ปริมาณน้ำคร่ำมากกว่ากว่า 2,000 มล.
การดูค่าAFI (ค่าที่ปกติ AFI ประมาณ 5-25 ซม.)ได้24 -25 ซม.ขึ้นไป
สาเหตุ
ด้านมารดา
มารดาเป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์แฝด
ด้านทารก
มีความสัมพันธ์กับการกลืนของทารกความผิดปกติของระบบประสาท
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
ความพิการของทารกในครรภ์
ไม่ทราบสาเหตุ
นิจฉัยไม่พบความผิดปกติของมารดาและทารกในครรภ์
พบความรุนแรงของภาวะครรภ์แฝดน้ําได้เล็กน้อยถึงปานกลาง
การจําแนกชนิด
ภาวะน้ําคร่ํามากอย่างเฉียบพลัน (acute hydramnios )
ภาวะน้ําคร่ํามากเรื้อรัง (chronic hydramnios )
อาการและอาการแสดง
แน่นอึดอัด หายใจลําบาก เจ็บชายโครง
มีอาการบวมบริเวณเท้า ขา และปากช่องคลอด
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
การวินิจฉัย
การซักประวัติอาการ และอาการแสดงการเกิดภาวะครรภ์แฝดน้ํา
การตรวจร่างกาย
ขนาดมดลูกโตกว่าอายุครรภ์มากผิดปกติวัดเส้นรอบท้องได้มากกว่า 100 เซนติเมตร
เมื่อเคาะบริเวณท้องพบมีคลื่นน้ํากระทบมือ
ฟังเสียง FHS ไม่ได้ยินหรือได้ยินไม่ชัดเจน
น้ําหนักตัวมารดาเพิ่มมากขึ้นมากกว่า1กิโลกรม/สัปดาห์
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การหาค่า (AFI)
ชนิดรุนแรงน้อยคือวัดAFIได้>24เซ็นติเมตร
ชนิดรุนแรงปานกลางคือวัดAFIได้>32เซ็นติเมตร
ชนิดรุนแรงมากคือวัดAFIได้>44เซ็นติเมตรขึ้นไป
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ประเมิน+ซักประวัติอาการและอาการแสดง+การตรวจร่างกาย
ดูแลเพื่อบรรเทาอาการอึดอัดแน่นท้อง จากการขยายตัวของมดลูก
ระยะคลอด
ให้นอนพักบนเตียงป้องกันภาวะน้ําคร่ําแตกก่อนกําหนด
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
ฟัง FHSในระยะ latent ทุก 30 นาที และระยะ active ทุก 15 นาที
ระยะหลังคลอด
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ภาวะน้ําคร่ําน้อย(oligohydramnios)
ความหมาย
มีน้ําคร่ําน้อยกว่า300 มิลลิลิตร
สาเหตุ
ถุงน้ําคร่ําแตกก่อนกําหนด
ทารกในครรภ์มีภาวะผิดปกติ
ความผิดปกติของโครโมโซม
รกเสื่อมสภาพ
การตั้งครรภ์เกินกําหนด
IUGR
การวินิจฉัย
การวัดโพรงน้ําคร่ําที่ลึกที่สุดในแนวดิ่งหากมีค่าน้อยกว่า1หรือ2 เซนติเมตร ให้ถือว่ามีภาวะน้ําคร่ําน้อย
(AFI) มีค่าน้อยกว่า 5 เซนติเมตร
การรักษา
การเติมน้ําคร่ํา (amnioinfusion) ด้วย normal saline/ ringers lactate 5% glucose
การดื่มน้ํามากๆ
การประเมินภาวะความผิดปกติแต่กําเนิด
การพยาบาล
อธิบายถึงสาเหตุและแนวทางการรักษา
ดูแลให้ได้รับการใส่สารน้ําเข้าไปในถุงน้ําคร้ํา
รับฟังปัญหา แสดงความเห็นอกเห็นใจ
กระตุ้นให้ระบายความรู้สึก
ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า(Intra Uterine Growth Restriction: IUGR)
ทารกที่มีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์
ทารกที่มีขนาดเล็กตามธรรมชาติ
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
สาเหตุ
ด้านมารดา
มารดามีรูปร่างเล็ก
ภาวะขาดสารอาหาร
ภาวะโลหิตจางรุนแรง
มารดามีภาวะติดเชื้อ
โรคของมารดา
การตั้งครรภ์แฝด
พฤติกรรมสุขภาพของมารดา
ด้านทารก
ความพิการแต่กําเนิด
การติดเชื้อในระยะตั้งครรภ์
ความผิดปกติของโครโมโซม
การจําแนกประเภทของ IUGR
ทารกโตช้าในครรภ์แบบได้สัดส่วน
ทารกโตช้าในครรภ์แบบไม่ได้สัดส่วน
การวินิจฉัย
การซักประวัติเพื่อค้นหาสาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
การตรวจร่างกาย
มดลูกเล็กกว่าอายุครรภ์3เซนติเมตรขึ้นไป
น้ําหนักเพิ่มขึ้นน้อยหรือไม่มีการเพิ่มขึ้นของน้ําหนัก
การตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง (ultrasound)
Abdominal Circumference = AC
Biparietal diameter = BPD
Head circumference = HC
femur length = FL
amniotic fluid volume
placenta grading
การรักษา
ค้นหาและลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอันตรายภาวะแทรกซ้อน
การตรวจ U/S ทุก 2-3 สัปดาห์
กําหนดเวลาการคลอดที่เหมาะสม
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารเสพติด
แนะนําให้มารดาพักผ่อนมากๆโดยเฉพาะการนอนตะแคงซ้าย
แนะนําให้มารดานับลูกดิ้นทุกวันการทําNST,OCT
ระยะคลอด
ควรติดตามประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและเสียงหัวใจทารกทุก½ -1 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการให้ยาแก้ปวด
ระยะหลังคลอด
ป้องกันการเกิดภาวะhypoglycemia, hypothermia, polycythemia
การตั้งครรภ์ที่ทารกมีจํานวนมากกว่า1 คน(Multiple/Twins pregnancy)
ชนิดและสาเหตุการตั้งครรภ์แฝด
แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวหรือแฝดแท้
แฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ หรือแฝดเทียม
ลักษณะทารกแฝดที่เป็นผู้รับ(recipient)
ทารกมีขนาดใหญ่กว่ามีน้ําหนักมากกว่าถึง1,000กรัม
เกิดภาวะตัวเหลืองจากการสลายของเม็ดเลือด(hemolysis) ทําให้เกิดkernicterus
เกิดภาวะความเข้มข้นของเลือดมาก
เกิดภาวะ cardiac hypertrophy
เกิดภาวะน้ําคร่ํามาก (polyhydramnios)
ลักษณะทารกแฝดที่เป็นผู้ให้(donor)
ทารกมีขนาดเล็กกว่า
น้ําตาลในกระแสเลือดน้อย
เกิดภาวะซีดค่อนข้างรุนแรง
เกิดภาวะ cardiac atrophy
เกิดภาวะน้ําคร่ําน้อย (oligohydramnios)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย/ตรวจหน้าท้อง/ตรวจภายใน
การตรวจพิเศษ
รวจด้วยอัลตราซาวด์
ระดับฮอร์โมน estriol, HCG, HPL สูงกว่าปกติ
การถ่ายภาพรังสีทางหน้าท้อง
แนวทางการดูแลรักษา
ต้องวินิจฉัยให้ได้เร็วที่สุด
ป้องกันการคลอดก่อนกําหนด
ดูแลการเจริญเติบโตของทารกอย่างใกล้ชิ
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอันตรายต่อทารกในระยะคลอดและทารกแรกคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
เพิ่มปริมาณอาหารจากความต้องการของหญิงตั้งครรภ์ปกติ 1,000 kcal/day(เท่ากับ 3,500kcal/day)
เฝ้าระวังการเกิดภาวะโลหิตจางอาจให้โฟลิคเสริม
เฝ้าระวังการความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์
เฝ้าระวังการความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์
ควรงดมีเพศสัมพันธ์เ
ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ป้องกันการคลอดก่อนกําหนด
ระยะคลอด
การพิจารณาวิธีการคลอด
ได้รับการประเมินจากสูติแพทย์ให้คลอดทางช่องคลอด
ให้ติดตั้งเครื่อง EFM
ตรวจความเข้มข้นของเลือด และเตรียมเลือดไว้ให้พร้อม
มารดางดน้ํา/งดอาหาร/และให้สารน้ํา
ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ให้ทําคลอดเหมือนการตั้งครรภ์เดี่ยวปกติหลังจากคลอดแล้วให้รีบclampสายสะดือ
การช่วยเหลือการคลอดของแฝดคนที่สองให้ตรวจดูท่าและส่วนนําของทารกก่อน
ระยะหลังคลอด
เฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
ป้องกันการติดเชื้อโดยดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวน
แนะนําการดูแลบุตร การเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
แนะนําวิธีการคุมกําเนิด
ทารกพิการ(Fetal anormaly)
ความผิดปกติของทารกสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
Malformation
Disruption
Deformation
Dysplasia
ปากแหว่งเพดานโหว่
สาเหตุ
กรรมพันธุ์
สิ่งแวดล้อม
มารดาติดเชื้อหัดเยอรมันในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก
มารดาขาดวิตามินและสารโฟเลท
มารดาสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์
อาการและอาการแสดง
ไม่สามารถอมหัวนมหรือจุกนมได้สนิท
ทารกที่มีเพดานโหว่มักจะสําลักน้ํานม
การได้ยินผิดปกติ
การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนต้น
การวินิจฉัย
อัลตร้าซาวน์สามารถตรวจพบได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ13-14สัปดาห์
การพยาบาลทารกแรกเกิด
ดูแลด้านจิตใจสําหรับบิดามารดา
ให้คําแนะนําเกี่ยวกับการดูแลทารกแรกเกิดที่พบปัญหา
ดูแลการให้นมแม่
ภายหลังการให้ทารกดูดนมหรือให้นมต้องไล่ลมเป็นระยะ ๆ ทุก 15-30 นาที และจัดท่านอนหัวสูงและนอนตะแคงขวาให้ใบหน้าตะแคง
ดาวน์ซินโดรม
สาเหตุ
ความผิดปกติ trisomy21
การรักษา
ประคับประคองตามอาการ
งเน้นให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
การวนิจฉัย
การตรวจโครโมโซมโดยวิธี chorionic villus
การทํา amniocentesis เมื่ออายุครรภ์16-18 สัปดาห์
ทารกศีรษะบวมน้ําหรือภาวะน้ําคั่งในโพรงสมอง(Hydrocephalus)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ประวัติการติดเชื้อโรคบางชนิด
ประวัติการได้รับยาขณะตั้งครรภ์
ตรวจพบปริมาณน้ําคร่ํามากผิดปกติ
การตรวจร่างกาย
การรักษา
ขณะตั้งครรภ์ครรภ์
รายไม่รุนแรงแนะนําให้ติดตามการเปลี่ยนแปลง
อาจพิจารณายุติการตั้งครรภ์กรณีเป็นรุนแรงมาก
อาจพิจารณายุติการตั้งครรภ์กรณีเป็นรุนแรงมาก
รักษาด้วยการใส่shuntในครรภ์ในอายุครรภ์28-32สัปดาห์
การดูแลทารก
ท่านอน/การหายใจ/การให้ความอบอุ่น
วัดขนาดของรอบศีรษะทารกทุกวัน
อธิบายให้บิดามารดาเข้าใจสภาพของทารก
ทารกศีรษะเล็ก(Microcephaly)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
มารดามีประวัติเป็น Phenylketonuria
มารดาเป็น Rubella, Syphilis
พบว่ามีพี่น้องเคยเป็น Microcephaly
ได้รับรังสีขณะอยู่ในครรภ์
กิดภาวะ Anoxia ขณะอยู่ในครรภ์
มารดาไดรับเชื้อโรคไข้ซิกา
อาการและอาการแสดง
ขนาดของศีรษะเล็กกว่าปกติหน้าผากเล็ก ใบหูใหญ่
การพยาบาล
การดูแลเกี่ยวกับท่านอน/การหายใจ/การให้ความอบอุ่น
สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงต่างๆ และอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาทของทารกเกี่ยวกับระบบ Motor และ Mental retardation
ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects: NTDs)
จําแนกออกเป็น 2 กลุ่มหลัก
Open type NTDs
Closed type NTDs หรือ spina bifida occulta
สาเหตุของการเกิด NTDs
Genetic factors
Environmental factors
เยื่อหุ้มไขสันหลังยื่น
ชนิดของกระดูกสันหลังโหว่
spin bifida occulta
spina bifida cystica
meningocele
myelomeningocele
การดูแลและการพยาบาล
การเจาะน้ําคร่ําการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ
ฟังเสียงหัวใจทารกและประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
ประเมินความต้องการสัมผัสทารก
ให้การประคับประคองทางด้านจิตใจ
ทารกตายในครรภ์(Fetal demise)
แบ่งชนิดของทารกตายในครรภ์
การตายของทารกในระยะแรกคือการตายก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
การตายของทารกในระยะกลางคือการตายระหว่างอายุครรภ์ 20-28 สัปดาห์
การตายของทารกในระยะสุดท้าย คือการตายตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป
การรักษา
ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ขนาดของมดลูกโตไม่เกิน 14 สัปดาห์ทําการ dilatation and curettageหรือ suction curettage
ช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ เหน็บยา prostaglandin
ไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ ให้oxytocin
การพยาบาล
ให้การประคับประคองทางด้านจิตใจ
แนะนําให้สามีและครอบครัวให้กําลังใจ
ประเมินความต้องการสัมผัสกับทารกแรกคลอดที่เสียชีวิต
ดูแลให้ได้รับการสิ้นสุดการตั้งครรภ์
ติดตามผลการตรวจเลือดเพื่อหาระยะการแข็งตัวของเลือด clottingtime ระดับของfibrinogen ในกรณีที่ทารกตายในครรภ์เกิน 2 สัปดาห์
ให้ได้รับยายับยั้งการหลั่งน้ํานมตามแผนการรักษาของแพทย์
สาเหตุ
รกลอกตัวก่อนกําหนด การติดเชื้อในโพรงมดลูก เส้นเลือดอุดกั้นในสายสะดือ สายสะดือผิดปกติ
ยาหรือสารเสพติด
มีการกดทับสายสะดือจากสายสะดือย้อย
ไม่มาฝากครรภ์ หรือมาฝากครรภ์ไม่ครบตามกําหนด
การวินิจฉัย
น้ําหนักตัวของมารดาคงที่หรือลดลงเต้านมมีขนาดเล็กลง
คลํายอดมดลูกพบว่าไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์
ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้
พบสิ่งคัดหลั่งสีน้ําตาลไหลออกทางช่องคลอด
ทารกไม่มีการเต้นของหัวใจ