Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเฝ้าระวังและการสอบสวนทางวิทยาการระบาด "โรคเบาหวาน" - Coggle…
การเฝ้าระวังและการสอบสวนทางวิทยาการระบาด "โรคเบาหวาน"
การเฝ้าระวัง
การเฝ้าระวังเชิงรุก
เป็นการเฝ้าระวังเชิงรุก เน้นการดูแลในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การรักษาพยาบาล การควบคุมและป้องกันโรค รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายเป็นหลัก
เน้นให้มีการส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของตนเองและคนในครอบครัว ตลอดจนชุมชน สังคมมากขึ้น ทั้งยังมีการพัฒนาระบบและเครื่องมือให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด รวมถึงให้ความใส่ใจในเรื่องของการจัดการ ข้อมูลสารสนเทศ การสื่อสารและงบประมาณบุคลากรเช่นกัน
การดำเนินงาน
การดำเนินการเชิงรุก เพื่อให้ ประชาชนสามารถจัดการกับปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้ และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและทำการรักษาผู้ป่วยในทันที รวมถึงมีการส่งต่อผู้ป่วยได้ตลอดเวลาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการเข้าถึงในด้านการรักษาอย่างรวดเร็ว
มีบริการแพทย์ฉุกเฉินและการพยาบาลผู้ป่วยก่อนที่จะส่งต่อด้วย และสำหรับประการสุดท้ายที่จะต้องให้ความใส่ใจ ก็คือการมีความเชื่อมโยงและมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการดูแล ผู้ป่วยเบาหวาน อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
มีนโยบายที่จะจัดการกับอาการของโรคเรื้อรัง มุ่งเน้นให้มีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงมากถึงร้อยละ 80-90 พร้อมทั้งจัดให้มีการให้คำปรึกษาและแนะนำสำหรับผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
กระบวนการเฝ้าระวังวิทยาการระบาด
การจัดเก็บข้อมูล Data collection and consoildation
นัดหมายกลุ่มเสี่ยง เพื่อทำการการเจาะเลือดปลายนิ้ว วัดความดันโลหิต ชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล
มีการอบรม อสม. เมื่อผ่านการอบรมแล้ว อสม.จะต้องรายงานการเยี่ยมบ้าน ซึ่งก็คือการประเมินอาการของผู้ป่วยในสายตาของอสม. เอง ว่าผู้ป่วยสามารถดำรงชีพได้ตัวเองหรือไม่ มีอาการรุนแรงมากน้อยเพียงใด
การวิเคราะห์ Analysis
วิเคราะห์ข้อมูลตามบุคคล เวลา สถานที่หรือสิ่งแวดล้อมและคิดเป็นร้อยละ รวมถึงการเปรียบเทียบความรุนแรงของโรค
การแปลผลข้อมูล Interpretation
จำแนกออกเป็นกลุ่มต่างๆตามอาการความรุนแรงของโรค
การเผยแพร่ข้อมูล Feed back
จัดโครงการอบรมในชุมชนและมีการให้คำแนะนำและความรู้ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนำไปใช้และปฏิบัติได้ ซึ่งก็จะเน้นในการให้ผู้ป่วยจัดการกับสุขภาพของตนเองในด้านของการออกกำลังกาย การชั่งน้ำหนัก การควบคุมอาหาร การใช้ยา การตรวจติดตามตนเองและการตรวจวัดน้ำตาลในเลือด
การสอบสวน
การเตรียมการก่อนการสอบสวน เตรียมความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและจัดทีมงานบุคลากรทางแพทย์ ทีม อสม. เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบและสำรวจหรือติดตามการคัดกรองโรคเพื่อเก็บข้อมูลผู้ป่วย
การยืนยันการวินิจฉัย โดยทำการการเจาะเลือดปลายนิ้ว วัดความดันโลหิต ชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงก่อนที่จะส่งตัวผู้ป่วยออกมาทำการรักษาต่อไป
ยืนยันว่ามีการระบาดจริง โรคเบาหวานเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
การกำหนดนิยามและค้นหาผู้ป่วย
การค้นหาเชิงรับ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารักษาที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว
การค้นหาเชิงรุก ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ที่เกิดจากการขาดความรู้ในการป้องกันโรค พฤติกรรมการพักผ่อนนอนหลับ การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
รวบรวมข้อมูลระบดวิทยาเชิงพรรณนา รวบรวมข้อมูลของผู้ป่วยจาก อายุ เพศ อาชีพ และสถานที่ เพื่อหากลุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
การตั้งสมมติฐานของการระบาด ปัจจัยเสี่ยงของบุคคลคือพฤติกรรมการพักผ่อนนอนหลับ การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
ทำการศึกษาวิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์เพื่อพิสูจน์สมมติฐาน เปรียบเทียบผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่ข่าย และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่ รพ.สต
ศึกษาสภาพแวดล้อมและสิ่งประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง การศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆจากการสำรวจพื้นที่เพิ่มเติม
ดำเนินการควบคุมและป้องกัน จัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน เช่น การปลูกผักปลอดสารพิษสำหรับทานเอง หรือปลูกขาย การออกกำลังกายวันละ 30 นาทีเมื่อมีเวลา
สรุปสาเหตุและเขียนรายงาน สรุปข้อมูลที่ได้และส่งกลับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มีหน้าที่เฝ้าระวังและควบคุมโรคในชุมชน
กลุ่มเป้าหมาย
ผู้ป่วยโรคเบาหวานและกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในชุมชน จำแนกตาม อายุ เพศ อาชีพและสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมและคิดเป็นร้อยละ
องค์ประกอบของระบบบริการสุขภาพ 6 ส่วน
การออกแบบระบบการให้บริการ
สนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้
มีการจัดโครงสร้างการทำงานของ รพ.สต. ใหม่
เน้นในด้านการสนับสนุนการตัดสินใจ
ทำการเชื่อมโยงเพื่อเสริมพลังชุมชน ( Community Empowerment )
การจัดการข้อมูลทางคลินิก (Clinical Information System )