Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเฝ้าระวังและการสอบสวนทางระบาดวิทยา โรคความดันโลหิตสูง, p8_BP_HL1802…
การเฝ้าระวังและการสอบสวนทางระบาดวิทยา
โรคความดันโลหิตสูง
หลักการคัดกรองความดันโลหิตสูง
(กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข,2560)
การเตรียมตัวเพื่อวัดความดันโลหิต
ควรหยุดกิจกรรมที่ใชพลังงานมาก 1 ชั่วโมงก่อนรับการตรวจวัดความดันโลหิต
เช่น ออกกำลังกายหรือทำงานหนักมาก เป็นต้น
ไม่ดื่มสุรา ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน หรือสูบบุหรี่
ก่อนวัดความดันโลหิต อย่างน้อย 30 นาที
ควรสวมเสื้อแขนสั้น หรือสวมเสื้อหลวมๆ สบายๆ สามารถพับแขนเสื้อ
ขึ้นไปเหนือข้อศอกและต้นแขนเพื่อความสะดวกในการวัด
ควรปัสสาวะก่อนวัดความดันโลหิต
ก่อนวัดความดันโลหิต ควรนั่งพักอย่างน้อย 5 นาที โดยนั่งหลังพิงพนักเก้าอี้
และเท้าทั้งสองวางราบกับพื้น วางพักแขนบนโต๊ะที่ระดับหัวใจ
ขณะวัดความดันโลหิต
ต้องไม่พูดคุยกัน
วัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 3-5 นาที
แจ้งค่าและอธิบายความหมายระดับความดันที่วัดได้แก่ผู้ที่ได้รับการคัดกรอง
แนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมกับระดับความดันโลหิต
กระบวนการเฝ้าระวังทางวิทยาการระบาด
การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis)
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการจัดเก็บข้อมูลที่สำรวจและนำมาเปรียบเทียบแนวโน้มในการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเกิดโรคความดันโลหิตสูง
การแปลผลข้อมูล (Interpretation)
แบ่งแยกกลุ่มเป้าตามความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
การจัดเก็บข้อมูล (Data collection and consolidation)
จัดเก็บข้อมูลโดยการสำรวจปัจจัยเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
คัดกรองกลุ่มเป้าหมายโดยการแบ่งแยกตามระดับความเสี่ยง
การเผยแพร่ข้อมูล หรือการให้ข้อมูลย้อนกลับ และการสื่อสารผลการเฝ้าระวัง (Feedback and dissemination)
การสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างการรับรู้ในระดับสังคม เช่น การใช้วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว ป้ายประกาศ และการจัดกิจกรรมรณรงค์ การสื่อสารกลุ่มย่อย
เน้นการให้ความรู้ในกลุ่มเฉพาะ เช่น ใช้ภาพพลิก วีดิโอ สารคดีและการบรรยายโดยผู้มีความรู้ และการสื่อสารรายบุคคล โดยใช้แผ่นพับแผ่นปลิวความรู้และมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
(โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์,2563)
พันธุกรรม
โรคเบาหวาน
โรคไตเรื้อรัง
น้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea)
การขาดการออกกำลังกาย
การรับประทานอาหารเค็มอย่างต่อเนื่อง
การสูบบุหรี่
การดื่มแอกอฮอล์
การคัดกรองโรคความดันโลหิตสูง
การวัดระดับความดันโลหิตในกลุ่มประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป
โดยใช้แนวคิดของการคัดกรองโรคด้วยวิธีปิงปองจราจรชีวิต 7 สี
(วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 2560)
กลุ่มป่วย: กลุ่มมีความรุนแรงระดับ 1 (BP140/90-159/99 mmHg
กลุ่มป่วย: กลุ่มมีความรุนแรงระดับ 2 BP160/100-179/109 mmHg
กลุ่มป่วย: กลุ่มผู้ป่วยที่รับประทานยา และ BP≤139/89 mmHg
กลุ่มป่วย: กลุ่มมีความรุนแรงระดับ 3 BP≥180/110 mmHg
กลุ่มเสี่ยง BP>120/80-139/89 mmHg
กลุ่มป่วย: กลุ่มมีความรุนแรงระดับป่วยรุนแรงมีโรคแทรกซ้อน
กลุ่มปกติ BP≤120/80 mmHg
การเฝ้าระวังทางวิทยาการระบาด
การเฝ้าระวังเฉพาะกลุ่มหรือการเฝ้าระวังเฉพาะพื้นที่ (sentinel surveillance)
ทำการเฝ้าระวังเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่คิดว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองอย่างละเอียด
การเฝ้าระวังกลุ่มอาการ (syndromic surveillance)
เฝ้าระวังอาการและอาการแสดงของกลุ่มเป้าหมายที่เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง
การเฝ้าระวังเชิงรับ (passive surveillance)
หลังจากที่ทำการเก็บบันทึกข้อมูล ก็รวบรวมแล้วนำข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตส่งเจ้าหน้าที่ที่กี่ยวข้อง
การเฝ้าระวังเหตุการณ์ (event-based surveillance)
จัดระบบและรวบรวมข่าวสาร เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการสาธารณสุข เพื่อเตรียมการรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวโรคความดันโลหิตสูง
การเฝ้าระวังเชิงรุก (active surveillance)
หน่วยงานที่ทำการเฝ้าระวัง เข้าไปรวบรวมข้อมูล ติดตามค้นหาโรคหรือปัญหา เมื่อพบกลุ่มเสี่ยงก็ทำการบันทึกเก็บข้อมูล
แนวทางการดูแลรักษาโรคความดันโลหิตสูง
(วารสารพยาบาลทหารบก, 2561)
การลดปริมาณโซเดียม (Sodium Reduction)
โดยลดปริมาณเกลือให้น้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน
ซึ่งจะทำให้ความ ดันโลหิตลดลง 2-8 มิลลิเมตรปรอท
การออกกำลังกาย(Physical Activity)
เช่น การเต้นแอโรบิคการเดินเร็ว ประมาณ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์
มีผลเพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตให้ใกล้เคียงปกติซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตลดลง4-9 มิลลิเมตรปรอท
การวางแผนรับประทานอาหารตามหลักการ บริโภคอาหารเพื่อยับยั้งโรคความดันโลหิตสูง
(DASH, Dietary Approaches to Stop Hypertension, Eating Plan)
โดยรับประทานอาหารประเภทผักผลไม้และเส้นใยอาหาร 8-10 ส่วน ต่อวัน
รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน ซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตลดลง 8-14 มิลลิเมตรปรอท
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณปานกลาง (Moderate Alcohol Consumption)
โดยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มต่อวัน คือ เบียร์ 820 มิลลิลิตร ไวน์300 มิลลิลิตร และ วิสกี้ 90 มิลลิลิตรซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตลดลง 2-4 มิลลิเมตรปรอท
การควบคุมและลดน้ำหนักตัว (Weight Control and Weight Reduction)
โดยควบคุมค่า BMI ให้อยู่ระหว่าง 18.5-24.9
ซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตลดลง 5-20 มิลลิเมตรปรอท ต่อน้ำหนักตัวที่ลดลง 10 กิโลกรัม
การไม่สูบบุหรี่รวมทั้งการผ่อนคลายความเครียด พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่งและสงบ
ขั้นตอน/กระบวนการการสอบสวนทางวิทยาการระบาด
รวบรวมข้อมูลระบาดวิทยาเชิงพรรณนา (descriptive epidemiology)
รวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล อายุ เพศ อาชีพ พฤติกรรมเสี่ยง เพื่อหากลุ่มเสี่ยง
การตั้งสมมุติฐานของการระบาด (generating hypothesis)
พฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเป้าหมายที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
การกำหนดนิยามและค้นหาผู้ป่วย (establish case definition)
จำแนกกลุ่มเป้าหมายตามกลุ่มเสี่ยง 7 สี
ทำการศึกษาวิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์เพื่อพิสูจน์สมมุติฐาน (testing the hypothesis)
เปรียบเทียบพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของการระบาด ระหว่างกลุ่มที่ป่วยและกลุ่มที่ไม่ป่วย
ยืนยันว่ามีการระบาดจริง (establish the existence of an outbreak)
สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วย
เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ป่วยช่วงที่ผ่านมา
ศึกษาสภาพแวดล้อมและสิ่งประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง (environmental investigation)
ศึกษาพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
ศึกษาข้อมูลจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องของโรคความดันโลหิตสูง
ยืนยันการวินิจฉัยโรค (case confirmation / verifying diagnosis)
สังเกตอาการและอาการแสดงของโรคความดันโลหิตสูง
ดำเนินการควบคุมและป้องกัน (implement control and prevention measure)
ควบคุมป้องกันโรคในทุกระยะของการสอบสวนโรค คือ
กำหนดนโยบายที่ช่วยป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูง
พัฒนาระบบบริการสุขภาพให้เอื้อต่อการป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูง
สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูง
เพิ่มบทบาทของชุมชนให้มีส่วนร่วมในการป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูง
ใช้กระบวนการส่งเสริมสุขภาพและสุขศึกษาเพื่อป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูง
การเตรียมการก่อนการสอบสวน (preparation prior to investigation)
เตรียมตัวในด้านความรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง
เตรียมเครื่องมือตรวจความดันโลหิตสูง
สรุปสาเหตุและเขียนรายงาน ( causal association and report of epidemic investigation)
ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการสอบสวนโรคความดันโลหิตสูง
วิธีดำเนินการสอบสวนโรคความดันโลหิตสูง
พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
ข้อเสนอแนะในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในอนาคต