Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะแทรกซ้อน Birth injuries …

- - - - ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
      - ภาวะน้ำคร่ำน้อย
      - รกลอกตัวก่อนกำหนด
    - - การคลอดเฉียบพลัน
    - - เชิงกรานแคบไม่ได้สัดส่วนกับทารก (cephalopelvic disproportion: CPD)
      - มารดามีภาวะเบาหวาน
- - - - มีขอบเขตไม่แน่นอน
      - ก้อนบวมโนนี้จะข้ามรอยต่อ (suture) ของกระดูกกะโหลกศีรษะ
      - การคั่งของของเหลวในระหว่างชั้นของหนังศีรษะกับชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
    - - มารดาและบิดาวิตกกังวลเกี่ยวกับก้อนบวมน้ำที่ใต้ศีรษะทารก
    - - บันทึกอาการและการพยาบาล
      - สังเกตลักษณะ ขนาด การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ของก้อนบวมโนที่ศีรษะ
      - อธิบายให้มารดาและบิดาเข้าใจถึงอาการที่เกิดขึ้นเพื่อคลายความวิตกกังวล
      - สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาทของทารก
    - - จะหายไปได้เองภายหลังคลอดประมาณ 2 -3 วันหลังคลอด
      - ถ้าเกิดจากการคลอดโดยใช้เครื่องดูดสูญญากาศจะหายได้ช้ากว่า
    - - พบได้ด้านข้างของศีรษะ
      - ทำให้ศีรษะมีความยาวมากกว่าปกติ
      - ลักษณะการบวมของก้อนโนนี้จะมีความกว้างและมีขนาดโตประมาณไข่ห่าน
    - - คลำศีรษะทารก จะพบก้อนบวมโน มีลักษณะนุ่ม กดบุ๋ม ขอบเขตไม่ชัดเจน
      - ข้ามแนวรอยต่อของกระดูกกะโหลกศีรษะและพบทันทีภายหลังคลอด
  - - - รายที่มีอาการรุนแรงจะแสดงอาการเมื่อแรกคลอดทันที
      - อาจค่อยๆ แสดงอาการหรืออาจไม่แสดงอาการเลยในบางราย โดยอาการมีดังนีั
        - Reflex ลดน้อยลงหรือไม่มี โดยเฉพาะ moro reflex จะเสียไป - กำลังกล้ามเนื้อไม่ดี มีอาการอ่อนแรง - มีภาวะซีด หรือมีอาการเขียว (cyanosis) ซึม ไม่ร้อง - ดูดนมไม่ดี หรือไม่ยอมดูดนม - ร้องเสียงแหลม - การหายใจผิดปกติ มีหายใจเร็ว ตื้น ช้า ไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดหายใจ - กระหม่อมโป่งตึง - ชัก
    - - ภายในห้องสมอง (intraventricular)
      - ใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นอีเพนไดมัล (subependymal)
      - ภายในเนื้อสมอง (intracerebral)
      - เหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา (epidural)
      - ใต้เยื้อหุ้มสมองชั้นอะแรคนอยด์ (subarachnoid)
      - ใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา (subdural)
    - - จากประวัติการคลอด
    - - ทารกอาจเกิดปัญญาอ่อน (mental retardation)
      - เลือดออกกดศูนย์หายใจทำให้ทารกหายใจลำบาก
    - - การได้รับอันตรายรุนแรงจาการคลอด เป็นสาเหตุสำคัญที่สุด :warning:
      - ภาวะขาดออกซิเจนเป็นเวลานานในขณะคลอดหรือเกิดภายหลังคลอด
      - Preterm
    - - ดูแลให้ได้รับยาระงับการชัก และให้วิตามินเค
      - ดูแลให้ออกซิเจนถ้าทารกมีภาวะพร่องออกซิเจน
      - ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายทารกถ้าตัวเย็น
      - ดูแลให้ได้รับนมและน้ำอย่างเพียงพอ
      - ถ้ามีความดันในกะโหลกศีรษะสูง อาจได้รับการรักษาโดยเจาะน้ำไขสันหลัง เพื่อบรรเทาอาการความดันในสมอง
    - - เตรียมเครื่องมือในการให้ความช่วยเหลือทารกไว้ให้พร้อม
      - ให้ทารกอยู่ในตู้อบ (incubator) ที่มีการควบคุมอุณหภูมิตู้ไว
      - ดูแลให้ทารกหายใจสะดวกและได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        จัดให้นอนราบ ศีรษะตะแคงไปด้านใดหน้าหนึ่ง อาจยกหัวเตียงสูง
        
        ดูดสิ่งคัดหลั่งจากปากและจมูกให้หมด
      - กรณีที่ให้ออกซิเจน
        
        สำรวจปริมาณออกซิเจนที่ทารกได้รับความไม่ควรเกิน 40% หรือตามแผนการรักษา
        
        และให้ออกซิเจนที่มีความชื้นปนเพื่อช่วยละลายเสมหะ
        
        บันทึกลักษณะพฤติกรรมที่สังเกตเห็น
      - ดูแลให้ได้รับนมและน้ำที่เพียงพอ
      - ตรวจสอบสัญญาณชีพ และบันทึกไว้ทุก 2- 4 ชั่วโมง ตามระดับความรุนแรงของอาการ
      - ป้องกันและไม่ให้ทารกได้รับอันตรายจากการชัก จัดวางเตียงของทารกไว้บริเวณที่สังเกตอาการได้ง่าย
      - ดูแลให้ทารกได้พักผ่อน รบกวนทารกให้น้อยที่สุด
      - ดูแลฉีดวิตามินเค จำนวน 1 มิลลิกรัม เข้ากล้ามเนื้อเพื่อป้องกันเลือดที่จะออกเพิ่ม
      - ประคับประคองจิตใจมารดาและบิดา และประคับประคองจิตใจของทารก เพื่อลดความวิตกกังวล
      - ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การให้ความรู้แก่มารดาในการดูแลทารกให้เหมาะสม
    - - ทารกเสี่ยงต่อภาวะชักเนื่องจากภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ
      - ทารกเสี่ยงต่อภาวะตัวเหลืองเนื่องจากมีภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ
      - มารดาและบิดาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ
  - - - มารดาและบิดาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ
      - ทารกมีโอกาสติดเชื้อที่บริเวณผิวหนังรอบๆบริเวณที่มีภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ
      - ทารกเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตัวเหลืองเนื่องจากมีภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะที่เกิดจากการคลอด
    - - :forbidden:แนะนำไม่ใช้ใช้ยาทา ยานวด ประคบหรือเจาะเอาเลือดออกเอง
      - อธิบายมารดาและบิดาให้เข้าใจถึงอาการของทารก
      - ตรวจ MB ถ้าตัวเหลืองรายงานแพทย์เพื่อพิจารณาส่องไฟ (phototherapy)
      - สังเกตอาการซีด การเจาะ Hct และให้เลือดตามแผนการรักษา
      - ให้ทารกนอนตะแคงด้านตรงข้ามกับก้อนโนเลือด
      - สังเกต ลักษณะ ขนาด การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ ภาวะเลือดออกในสมอง
    - - รายที่ก้อนเลือดขนาดใหญ่-อาจรักษาโดยการดูดเลือดออก
      - มีภาวะตัวเหลืองร่วม เเละมีระดับบิลลิรูบินในเลือดสูง-ต้องได้รับการส่องไฟ (phototherapy)
      - ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ก้อนโนเลือดจะค่อยๆหายไปเองได้ ปกติจะหายเองภายใน 2 เดือน
    - - อาจพบว่าทารกมีภาวะซีดได้จากการสูญเสียเลือดมาก
      - เป็นรุนแรงอาจพบอาการแสดงทันทีหลังเกิดและพบว่าก้อนโนเลือดมีสีผิดปกติ
      - อาการชัดเจนหลัง 24ชั่วโมงไปแล้ว
    - - การใช้ V/E
      - ศีรษะทารกถูกกดจากช่องทางคลอด
      - ระยะเวลาการคลอดยาวนาน
    - - ซักประวัติ-การเบ่งคลอดนานหรือการช่วยคลอดโดยใช้เครื่องดูดสูญญากาศ
      - ตรวจร่างกาย
        
        มีลักษณะแข็งหรือค่อนข้างตึง คลำขอบเขตได้ชัดเจน เมื่อใช้นิ้วกดจะไม่เป็นรอยบุ๋ม
        
        พบบริเวณศีรษะมีก้อนบวมโนบนกระดูกกะโหลกศีรษะชิ้นใดชิ้นหนึ่ง
    - - อาจเกิดการติดเชื้อจากการดูดเลือดออกจากก้อนโนเลือดในกรณีมีแผนการรักษา
      - hyperbilirubinemia
  - - - ก้อนมีลักษณะนุ่ม และข้ามแนวประสานกระดูก มีขนาดเพิ่มขึ้นช้าๆในหลายชั่วโมงหรือวัน หรือเพิ่มขนาดอย่างรวดเร็ว
      - อาจทำให้ทารกช็อกจากการเสียเลือดได้ :warning:
        
        hypovolemia
      - มีขอบเขตจากหน้าไปหลังเริ่มจากขอบเบ้าตาไปยังท้ายทอย และด้านข้างจากหูไปยังหูอีกข้าง
      - อันตรายมากกว่า Cephalhematoma :warning:
    - - มักพบในการคลอดโดยใช้ V/E