Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ใช้ในระบบประสาทอัตโนมัติ - Coggle Diagram
ยาที่ใช้ในระบบประสาทอัตโนมัติ
1.ยาโคลิเนอร์จิก (Cholinergic drugs)
เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์คล้ายกับการ
กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก
กลไกการออกฤทธิ์ของยาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
Cholinergic agonist ออกฤทธิ์โดยตรง
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้นที่ Muscarinic และ Nicotinic receptor
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ทำให้กระเพาะกล้ามเนื้อปัสสาวะหดตัว
ระบบทางเดินอาหาร
เพิ่มการหลั่งสารคัดหลั่ง คือ น้ำลาย และกรดในกระเพาะอาหาร
ระบบหายใจ
ทำให้กล้ามเนื้อเรียบหลอดลมหดตัว
ฤทธิ์ต่อตา
ทำให้ม่านตาหรี่
ระบบไหลเวียนเลือด
ทำให้ลดความต้านทานหลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
ระบบประสาทส่วนกลาง
สารมีฤทธิ์กระตุ้นสมองส่วน cortex มีบทบาทเกี่ยวกับการรับรู้
การเคลื่อนไหว ความอยากอาหาร ความปวด และอื่นๆ
การนำไปใช้ทางคลินิก
2.ใช้การรักษาต้อหิน
3.ใช้รักษาอาการท้องอืด ไม่ถ่าย
1.ใช้รักษาระบบทางเดินปัสสาวะ
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
Bethanechol , Pilocarpine ชนิดเม็ด
มึนเวียนศีรษะ
คล้ายจะเป็นลม
อาเจียน
น้ำมูก น้ำตาไหล เหงื่อออก
ปวดปัสสาวะ ปวดมวนท้อง
Pilocarpine แบบหยอด
ตามัว
ระคายเคือง
คันตา ตาแดง
น้ำตาไหล
ข้อห้ามใช้
โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
ยาจะกระตุ้นการหลั่งกรด และน้ำย่อยมากขึ้น
ผู้ป่วยลำไส้อุดตัน นิ่วทางเดินปัสสาวะ
เนื่องจากกระตุ้นการบีบตัวจะก่ออันตรายได้
ผู้ที่เป็นโรคหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
จะทำให้หลอดเลือดหดตัว
Anticholinesterase agant ออกฤทธิ์ทางอ้อม
กลไกการออกฤทธิ์
ยีบยั้งการทำงานของเอนไซม์ Acetylcholinesterase (AChE) หรือ Cholinesterase (ChE) เป็นเอนไซม์ที่ทำลาย ACh
จับกับเอนไซม์
จับกับเอนไซม์แบบชั่วคราว
neostigmine
edrophonium
pyridostigmine
จับกับเอนไซม์แบบถาวร
organophosphate compounds
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ส่งผลต่อnicotinic receptor
ผลต่อกล้ามเนื้อลาย
การบีบตัวของใยกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อ
มีอาการสั่นพริ้ว
ส่งผลต่อ muscarinic receptor
ผลต่อกล้ามเนื้อเรียบและต่อมของกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร
ทางเดินปัสสาวะ
ทางเดินหายใจ
ผลที่รุนแรง คือ ส่งผลต่อระบบไหลเวียน ทำให้หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตลดลง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ในการรักษาอาการลำไส้ กระเพาะปัสสาวะไม่บีบตัว
ใช้ในการรักษาโรค Myasthenia gravis (MS)
ใช้ในการยุติฤทธิ์ของยาคลายกล้ามเนื้อกลุ่มที่เป็น competitive antagonist
รักษา Alzheimer's disease
อาการข้างเคียง และ ความเป็นพิษ
Organophosphate หรือ ยาฆ่าแมลง เมื่อได้รับสารนี้จะเกิดอาการพิษ
ได้แก่
หัวใจเต้นช้า
ความดันโลหิตต่ำ
หายใจลำบาก
หลอดลมหดเกร็ง
รูม่านตาเล็ก
ถ้าสารนี้เข้าสู่สมองอาจทำให้เกิดอาการชัก และหยุดหายใจได้
2.ยาต้านมัสคารินิค (Antimuscarinic Drugs)
เป็นกลุ่มยาที่ปิดกั้น หรือยับยั้งฤทธิ์ของ cholinergic drugs ที่ cholinergic receptor
ยาในกลุ่มนี้มีผลต่อ nicotinic เล็กน้อย จึงออกฤทธิ์ปิดกั้นที่ Muscarinic receptors ได้แก่
Atropine
กลไกการออกฤทธิ์
Atropine เป็น Muscarinic antagonists ออกฤทธิ์แย่งที่กับ Ach ในการจับMuscarinic receptors แบบแข่งขัน ทำให้ยามีผลลด parasympathetic tone ในร่างกาย
ส่วนของร่างกายที่ตอบสนองต่อฤทธิ์ยาได้ไว
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
กล้ามเนื้อเรียบอื่นๆ
ลดความตึงตัวและความแรงในการบีบตัวของท่อปัสสาวะ
ต่อมเหงื่อ
ทำให้ร่างกายขับเหงื่อได้น้อยลง
ระบบทางเดินหายใจ
มีฤทธิ์ขยายหลอดลม ยับยั้งการหลั่งของสารคัดหลั่งที่จมูก
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว มีฤทธิ์โดยตรงทำให้หลอดเลือดขยายตัว
ระบบทางเดินอาหาร
ลดการบีบตัวของหลอดอาหารไปจนถึงลำไส้ใหญ่
รูม่านตา
ทำให้ม่านตาขยาย ไม่สามารถควบคุมเลนส์ให่มองภาพได้ชัด และทำให้ความดันในลูกตาสูง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้ทางจักษุแพทย์ ทำให้รูม่านตาขยาย
ใช้เป็นยาขยายหลอดลม ผู้ป่วย OPD และ Asthma
ใช้รักษาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวมากเกินไป
ใช้เป็นยาเตรียมก่อนผ่าตัด ยับยั้งการหลั่งกรดน้ำย่อย น้ำลายและสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจ
ใช้เป็น Antispasmodics ยาลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในช่องท้อง
ใช้เป็นยารักษาโรคพาร์กินสัน
Antisecretory รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ (ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้เพราะมียาชนิดอื่นที่ให้ผลได้ดีกว่า)
รักษาภาวะล้มเหลวของระบบไหลเวียนโลหิต
ใช้เป็นยาปเองกันและรักษาอาการเมารถ เมาคลื่น
ใช้เป็นยาต้านพิษ
อาการข้างเคียง และความเป็นพิษ
ร้อนวูบวาบทางผิวหนัง
ท้องผูก
ใจสั่น
ปัสสาวะลำบาก
ตาพร่ามัว
ปากแห้ง คอแห้ง
3.ยากระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก
(Adrenegic drugs)
เป็นสารซึ่งทำให้เกิดการกระตุ้นของระบบประสาทซิมพาเทติก หรือเรียกว่า
Sympathomimetics
กลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
มี 3 แบบ คือ
Indirectly acting กระตุ้นให้มีการหลั่งของสารที่เกี่ยวข้องกับซิมพาเทติก
Mixed-acting drugs
Directly acting drugs ออกฤทธิ์ที่เซลล์เมมเบรนของ Sympathetic effector cells โดยตรง
ยากลุ่ม Sympathomimetics แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
1.กลุ่ม Catecholamines
1.1 Epinephrine (Adrenaline)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์กระตุ้นได้ทั้ง α ( α1 และ α2 ) และ β ( β1 และ β2 )
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ระบบทางเดินอาหาร
กล้ามเนื้อเรียบของทางเดินอาหารคลายตัว กล้ามเนื้อหูรูดบีบตัว
ระบบหายใจ
กล้ามเนื้อทางเดินหายใจคลายตัว หลอดลมขยายตัว
ผลต่อเมทตาบอลิซึม
ภายในร่างกายทำให้กลูโคส และ lactose ในเลือดสูง
ระบบไหลเวียนเลือด
มีฤทธิ์แรงที่ในการบีบหลอดเลือดและกระตุ้นหัวใจ
ยาเข้าสู่สมองได้น้อยจึงไม่มีฤทธิ์กระตุ้นสมอง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้เพื่อห้ามเลือด
เป็นยาตัวแรกที่ใช้ในภาวะหัวใจหยุดเต้น
ใช้ผสมยาชาเฉพาะที่ เพื่อช่วยให้ออกฤทธิ์นานขึ้น
1.2 Norepinephrine / Noradrenaline
การนำไปใช้ทางคลินิก
รักษาความดันโลหิตต่ำรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อยาอื่น
ภาวะช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
เพิ่มความต้านทานรวมของหลอดเลือดส่วนปลาย
เพิ่ม cardiac output
หลอดเลือดหดตัว
เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับ epinephrine โดยการกระตุ้นที่ α1 > β1 receptor
3.Dopamine ; DA (Dopaminex,Dopmin,Intropin)
เป็น Neurotransmitter ในสมอง เมื่อถูกเมทตาโบไลต์จะได้ norepinephrine และ epinephrine
การนำไปใช้ทางคลินิก
ขนาดสูง รักษาภาวะช็อกจากหัวใจ
ขนาดกลาง เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
ขนาดต่ำ ใช้ในผู้ป่วยที่มีการปัสสาวะน้อย
4.Dobutamine
เป็นการสังเคราะห์ มีโครงสร้างคล้าย DA ออกฤทธิ์กระตุ้น β1-receptor ฤทธิ์ต่อ α-receptor
ผลข้างเคียง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ความดันโลหิตสูง
เจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเพิ่มขึ้นจากฤทธิ์ของยา
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ระบบไหลเวียน
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
Tissue necrosis พบบ่อย ถ้าฉีดเข้าหลอดเลือดดำรั่วไปเนื้อเยื่อรอบๆจะเกิด vasoconstriction อย่างมากจนเนื้อตายได้
ระบบประสาท
วิตกกังวล ปวดศีรษะ อาการสั่น อาจเกิด cerebral hemorrhage
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
เกิดการออกฤทธิ์ต่อ α และ β-receptor
ผลกระตุ้นหัวใจ
กระตุ้นเพิ่มอัตราการเต้นและแรงบีบของกล้ามเนื้อหัวใจ
ผลต่อเมทแทบอลิซึม
ส่งผลต่อตับ
ผลต่อกล้ามเนื้อเรียบ
กระตุ้นผ่าน β2-receptor ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อหลอดลม
ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ
ตับอ่อนลดการหลั่ง insulin ผ่าน α2-receptor
ระบบไหลเวียนเลือด
การกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดให้หดตัว
ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
ทำให้ตื่นตัวและลดความอยากอาหาร
ผลต่อตา
ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว
2.Alpha-adrenergic agonist
Alpha - 1 agonist
ยามีฤทธิ์เป็น α1 agonist มีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงที่
Phenylephrine
ใช้เป็นยาบรรเทาอาการคัดจมูก ใช่บ่อยในการพ่นจมูกจะเกิดการดื้อยาและโพรงจมูกกลับบวมขึ้นหลังหยุดยา
ใช้เป็นยาหยอดขยายม่านตา
Midodrine
ทำให้หลอดเลือดหดตัวส่งผลให้ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
อาการหน้ามืดจากความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนอิริยาบท
Alpha - 2 agonist
ยามีฤทธิ์เป็น α2 - agonist มีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงที่
Clonidine
ออกฤทธิ์ α2 - receptor ที่สมองและหลอดเลือด
รักษาอาการขาดเหล้า หรือ อาการถอนพิษ
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง ในสตรีที่ตั้งครรภ์
รักษาอาการร้อยวูบวาบในสตรีที่หมดประจำเดือน
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย
ปากแห้ง ง่วง ซึมเศร้า ท้องผูก เบื่ออาหาร
ถ้าหยุดยาเร็ว อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน
3.Beta - adrenergic agonist
β2 adrenergic agonist
(SABAs)
ใช้รักษาอาการหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน และเพื่อขยายหลอดลม Salbutamol ออกฤทธิ์เร็วภายใน 15 วัน
ใช้ยาแบบพ่น ใช้บรรเทาอาการจีบหืดเฉียบพลัน หรือ COPD
Terbutaline ชนิดรับประทานยับยั้งมดลูกบีบตัว
(LABAs)
Salmeterol and formoterol เป็นยาที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์ยาว นานกว่า 12 ชั่วโมง
ผลข้างเคียง
กระวนกระวาย วิตกกังวล
หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น
β3 adrenergic agonist
Mirabegron เป็นยาออกฤทธิ์จำเพาะต่อ β3 - receptor ทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะคลายตัว
ใช้ในการรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้
4.Indirect-acting and mixed-type adrenergic agonist
Ephedrine & pseudoephedrine
Ephedrine
ไม่ได้ใช้ทางคลินิกแล้ว
pseudoephedrine
ใช้เป็นยาลดน้ำมูลและคัดจมูก
อาการข้างเคียงพบมากใน
ผู้ป่วยโรคหัวใจ
ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว
Amphetamine
เป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางที่มีความแรงสูง
ฤทธิ์ของยา
เพิ่มความดันโลหิต
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ส่งผลต่ออารมณ์ จิตใจ บุคลิกภาพ เพิ่มความตื่นตัว
ลดความรู้สึกอ่อนล้า ลดความอยากอาหาร
มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีอารมณ์ครื้นเครง
อาการข้างเคียง
วิตกกังวล นอนไม่หลับ ก้าวร้าว
ติดยาและต้องเพิ่มขนาดยาขึ้นเรื่อยๆ
ประโยชน์ทางคลินิก
รักษา Asthma & COPD
ช่วยลดความดันในลูกตา
ช่วยลดความดันโลหิต
รักษาภาวะช็อก
ลดการคั่งบวมของเนื้อเยื่อในจมูก
รักษาภาวะหัวใจหยุดเต้น
4.ยาปิดกั้นอะดรีเนอร์จิครีเซพเตอร์
(Adrenoceptor blockihg drugs)
ยาที่ใช้ในปัจจุบันออกฤทธิ์ปิดกั้นที่ adrenergic receptor
ยาในกลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
Alpha-adrenergic antagonists (α-blocker)
Prazosin,Doxazosin
ออกฤทธิ์จำเพาะต่อ α1-receptor ที่อยู่ภายในเซลล์ของกล้ามเนื้อเรียบ ที่ผนังหลอดเลือด
ที่หัวใจ และต่อมลูกหมาก
ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูงที่มีโรคต่อมลูกหมากร่วมด้วย
ยากลุ่มนี้ไม่แนะนำให้ใช้เป็นยาอันดับแรกในการลดความดันโลหิต
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
ความดันโลหิตต่ำในขณะที่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ
Beta-adrenergic antagonists (β -blocker)
Non-selective β -blocker
Propranolol,Timolol,Sotalol
ประโยชน์ในการรักษา
ลดอาการใจสั่น และมือสั่นในผู้ป่วยที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ
ลดอาการตื่นเต้นได้ง่ายทำให้เกิดภาวะสงบ
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง โดยใช้ร่วมกับยาขับถ่ายปัสสาวะหรือยาขยายหลอดเลือด
รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
Selective β -blocker
Atenolol,Metoprolol
ประโยชน์ในการรักษา
รักษาความดันโลหิตสูง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ เจ็บหน้าอก
เป็นยาสำคัญใช้เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว
จากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ป้องกันไมเกรน
รักษาผู้ป่วยที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ
ยานี้ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่า 45 ครั้ง/นาที
อาการข้างเคียงและความเป็นพิษ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ยากลุ่มนี้จะรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่สามารถชักนำให้เกิดได้เมื่อหยุดยากระทันหัน
ระบบประสาท
พบอาการ ปวดศีรษะ วิงเวียน นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า
ระบบหายใจ
ทำให้หลอดลมตีบแคบ
ผู้ป่วยโรคหอบหืดไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ทำให้หัวใจเต้นช้า