Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด, นางสาวธัญนาฎ สานา ปี 4 B…
การพยาบาลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจหลังคลอด
ทางร่างกาย
การสูญเสียเกลือโซเดียม
การลดลงของน้ำหนักตัว
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนทางเพศ
การเพิ่มขึ้นของสารเอ็นโดฟินและลดต่ำลงอย่างรวดเร็วหลังคลอด 1 ชั่วโมง
ทางจิตใจ
การเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง
การเปลี่ยนแปลงบทบาททางสังคม ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน
ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น
ความเครียดในการดำรงสถานะของครอบครัว
จำแนกความผิดปกติทางจิตของมารดาหลังคลอด
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum depression) หรือ โรคประสาทหลังคลอด (Postpartum Neurosis)
โรคจิตหลังคลอด (Postpartum Psychosis)
อารมณ์เศร้าหลังคลอด (Postpartum blues or Transient situational disterbance)
การรักษาโรคจิต/โรคประสาทหลังคลอด
การรักษาโดยใช้จิตบำบัด (Psychotherapy)
จิตบำบัดกลุ่ม (Group therapy)
จิตบำบัดครอบครัว (Family therapy)
จิตบำบัดรายบุคคล (Individual therapy)
จิตบำบัดระหว่างคู่สมรส (Marital therapy)
การรักษาโดยการแก้ไขสิ่งแวดล้อม (Environment therapy)
มุ่งเน้นไปที่บุคคลใกล้ชิดกับมารดาหลังคลอด ได้แก่ สามีและญาติพี่น้อง โดย
ให้บุคคลเหล่านี้เข้าใจถึงความผิดปกติทางจิตใจของมารดาหลังคลอดให้ทราบแนวทางการรักษา แนวทางในการ ดูแลมาราดหลังคลอดและเข้าใจถึงความสำคัญของบุคคลใกล้ชิดที่มีผลต่อการรักษาของมารดาหลังคลอด ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องมีความเข้าใจและเห็นใจ ให้กำลังใจและ ความอบอุ่นมั่นใจแก่มารดาหลังคลอด โดยแนะนำให้สามีและญาติหมั่นมาเยี่ยมมารดาหลังคลอดขณะอยู่ในโรงพยาบาลคอยอยู่เป็นเพื่อน และให้กำลังใจ ขณะเดียวกันญาติพี่น้องควรคอยช่วยเหลือในการเลี้ยงดูบุตร และแบ่งเบาภาระงานบ้านของแม่บ้านชั่วคราว เพื่อให้มารดาได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรแยกบุตรจากมารดา แม้ว่ามารดาจะไม่ได้เลี้ยงดูบุตรเอง แต่ควรให้มารดาได้มองเห็นบุตรเสมอ ซึ่งจะทำให้สัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารกยังคงอยู่
การรักษาทางกาย (Physical therapy)
การช็อคไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy, E.C.T. หรือ Electric Shock therapy, E.S.T.)
สำหรับรายที่มีอาการรุนแรงหรือใช้ยารักษาไม่ได้ผล
การใช้ยา (Pharmaco therapy)
มารดาที่มีอาการโรคจิตหลังคลอดจะได้รับยาพวก Major Transquilizer หรือที่เรียกว่า Antipsychotic drug เช่น
Largactil
มารดาที่มีอาการโรคประสาทหลังคลอดจะได้รับยาพวก Minor Transquilizer หรือที่เรียกว่า Antianxiety drug
ถ้ามารดามีอาการเศร้าเด่นชัด มารดาจะได้รับยา Antidepressant เช่น Valiume
ในขณะที่มารดาได้รับยาที่รักษาอาการโรคจิต หรืออาการโรคประสาทอยู่นั้น ควรให้มารดางดให้นมบุตร (Breast feeding)
เพราะยาดังกล่าวจะถูกขับออกมาทางน้ำนมด้วย
การติดเชื้อหลังคลอด(Puerperal infection, Puerperal fever, Puerperal sepsis, Childbed fever)
การรักษา
การติดเชื้อหลังคลอดนี้จะพบเชื้อทั้ง Anaerobic และ Aerobic ปะปนกันเสมอ แพทย์จะเลือกใช้ยาที่สามารถทำลายเชื้อทั้ง 2 ชนิดนี้ มักเป็นยา 2 ชนิดร่วมกััน ถ้าอาการไม่รุนแรง แพทย์จะเลือกใช้ยาที่ทำลายเชื้อ Aerobic เป็นส่วนใหญ่ร่วมกับยาที่ทำลายเชื้อ Anaerobic บางชนิด ได้แก่ Penicillin ร่วมกับ Aminoglycoside เช่น Penicilin กับ Tetracycline หรือ Penicillin กับ Cepharosporin
ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 24-48 ชั่วโมง มักจะเกิดจาก Anaerobic พวก Bacteroides ซึ่งจะให้ Chloramphenical หรือ Clindamycin ร่วมอีก เช่น Penicillin กับ Chloramphenical หรือ Metronidazole กับ Aminoglycoside หรือ Clindamycin กับ Aminoglycoside
อาการ
การเจ็บป่วยในระยะหลังคลอด คือ การมีไข้สูงตั้งแต่ 38 °C (หรือ > 100.4 °F) อย่างน้อย 2 วัน ในช่วง 10 วันแรกหลังคลอด โดยไม่นับ 24 ชั่วโมงแรก จากการวัดอุณหภูมิทางปากด้วยวิธีมาตรฐาน อย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง ห่างกันทุก 6 ชั่วโมง
Vulva Hematomas (การบวมเลือดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก)
การรักษา
Small Vulva hematomas สามารถซึมซับได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ใช้น้ำแข็งหรือการใช้ความร้อนอาจจะช่วยลดอาการบวมและความไม่สุขสบาย กรณีมีก้อนขนาดใหญ่หรือแพร่ขยายไปถึงช่องท้องแพทย์อาจเปิดแผลที่เย็บไว้บริเวณที่มีการคลั่งของเลือดโดยระบายเลือดออก ถ้ามีการฉีกขาดถึง Broad ligament อาจทำให้ Hysterectomy
การพยาบาล
ตรวจและประเมินแผลฝีเย็บ
เมื่อพบความผิดปกติดังกล่าว ให้ประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการปวดและบวม
หากเลือดหยุดและก้อนเลือดขนาดเล็กมีเลือด จำนวนไม่มากสามารถปิดแผลโดยไม่ต้องเย็บ
กรณีก้อนเลือดขนาดใหญ่เพิ่มขนาดมากขึ้นภายหลังการประคบน้ำแข็งแล้วให้รายงานแพทย์ทันทีเพื่อเปิดแผลระบายเลือดที่คลั่งค้างโดยเร็ว
สาเหตุ
เย็บซ้อมบริเวณที่มีการฉีกขาดหรือตัดฝีเย็บไม่ดี
บีบคลึงมดลูกรุนแรงทำให้เลือดคลั่งที่ Connective tissue ใต้เยื่อบุช่องท้อง และใน Broad ligament
.มีการบาดเจ็บจากการคลอดทั้งในรายคลอดปกติหรือสูติสาสตร์หัตการ
การติดเชื้อของเนื้อเยื่อยึดเหนี่ยวส่วนของมดลูกเหนือช่องคลอด (Parametritis หรือ Pelvic cellulitis)
อาการและอาการแสดง
มีก้อน คลำได้ทางช่องคลอด ทวารหนักหรือหน้าท้อง หลังมีก้อนหนอง อุณหภูมิจะขึ้นๆ ลงๆ มีอาการหนาวสั่น
เจ็บหน้าท้องข้างเดียว หรือสองข้าง และอาจเจ็บมากถึงด้านข้าง
เจ็บมากขณะมดลูกหดรัดตัว หรือเมื่อเคลื่อนไหวมดลูกและปากมดลูก
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นเน่าหรืออาจไม่เหม็น
หน้าแดง หนาวสั่น หายใจเร็ว ชีพจรเร็ว หัวใจเต้นเร็ว
เซลล์เม็ดเลือดขาวสูง (leukocytosis อาจสูงถึง 15,000-30,000เซลล์/มม. 3)
ไข้สูง อุณหภูมิอาจสูงถึง 39.4 – 40 °C (103 – 104 °F)
อาจเกิด endotoxic shock ได้
การรักษาพยาบาล
ให้นอนพักในท่า semi-fowler ให้น้ำทางปากหรือทางหลอดเลือดดำ วันละ 3,000 - 4,000 มิลลิลิตร
ให้การดูแลตามอาการ ลดความกลัว ความวิตกกังวล ให้กำลังใจ
สังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด วัดสัญญาณชีพ คลำหน้าท้องเพื่อดูอาการกดเจ็บ ดูผ้าอนามัยและบริเวณฝีเย็บ ดูสี กลิ่นและอาการบวมเลือด การประเมินตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยลดความรุนแรง และลดโอกาสที่จะสูญเสียอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ได้
แนะนำการปฏิบัติตัวขณะอยู่ในโรงพยาบาลและเมื่อกลับบ้าน
จำเป็นต้องรับไว้ในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา ถ้าการติดเชื้อรุนแรงอาจต้องผ่าตัด
เพื่อป้องกันการแตกและแพร่เข้าไปในเยื่อบุช่องท้อง
มดลูกไม่เข้าอู่ในระยะหลังคลอด (Subinvolution)
อาการและอาการแสดง
มดลูกนุ่มและใหญ่กว่าปกติ ระดับยอดมดลูกไม่ลดลง อาจกดเจ็บและมีอาการปวดมดลูก
น้ำคาวปลาออกนานหรือมากกว่าปกติ น้ำคาวปลาเป็นสีแดง มีกลิ่นเหม็น
อุณหภูมิสูงและอาจเกิดการตกเลือดระยะหลัง (Late P.P.H)
การรักษาพยาบาล
ส่งเสริมให้เลี้ยงทารกด้วยน้ำนมมารดา
ถ้ามีอาการเกิดขึ้น อาจต้องนอนโรงพยาบาล อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับอาการและการรักษา เพื่อให้เกิดความร่วมมือ รวมทั้ง
แนะนำการปฏิบัติตัว และการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
ส่งเสริมให้น้ำคาวปลาไหลสะดวก เช่น กระตุ้นให้ลุกจากเตียงโดยเร็ว ให้ลุกเดินบ่อยๆ ให้นอนคว่ำ หลีกเลี่ยงกระเพาะ
ปัสสาวะเต็ม ป้องกันอาการท้องผูก
ถ้าไม่มีอาการกดเจ็บที่มดลูก น้ำคาวปลาไม่เหม็น มีเลือดออกน้อย ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
หลังให้แล้วประเมินขนาดของมดลูก
การป้องกันขณะทำคลอด ตรวจให้แน่ใจว่ารกคลอดครบ
ถ้ามีอาการกดเจ็บ อุณหภูมิสูง และน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น อาจส่งเพาะเชื้อ เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อตัวใด ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
รายที่มีเศษรกค้าง จำเป็นต้องขูดมดลูกเพื่อเอาเศษรกออก
สอนให้หญิงหลังคลอดดูแลตนเอง นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกายทั่วไปและบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ถ้าอนุญาตให้กลับบ้านได้ แนะนำให้มาตรวจตามนัดหรือก่อนกำหนดนัดถ้ามีอาการผิดปกติ
การติดเชื้อของเยื่อบุในโพรงมดลูก (Endometritis หรือ Metritis)
อาการและอาการแสดง
ชีพจรเต้นเร็ว ระหว่าง 100 - 104 ครั้ง/นาที
มีไข้สูง อุณหภูมิระหว่าง 38.8 - 38.9 °C (101 – 102 °F) อาจมีอาการหนาวสั่น
เบื่ออาหาร รู้สึกไม่สุขสบาย
เซลล์เม็ดเลือดขาวสูงเล็กน้อย
กดเจ็บบริเวณท้องน้อย
6.มดลูกเข้าอู่ช้า การหดรัดตัวไม่ดี เจ็บเวลาสัมผัส มีอาการปวดมดลูกมากขณะมดลูกหดรัดตัว (after pain)
น้ำคาวปลามีสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นเหม็น จำนวนน้ำคาวปลาอาจมากเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี ถ้ามีไข้สูงน้ำคาวปลาอาจมีน้อย หรือไม่มีเลย
การรักษาพยาบาล
ให้ยาปฏิชีวนะหลังนับเซลล์เม็ดเลือดและส่งเพาะเชื้อรายที่มีการติดเชื้อเล็กน้อยอาจไม่จำเป็นต้องให้นอนรักษาโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะไปรับประทานต่อที่บ้านอย่างเพียงพอ ย้ำให้รับประทานยาถูกต้องครบถ้วน
รายที่มีอาการรุนแรงอาจได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำร่วมกับยาบีบรัดมดลูก (Oxytocin) เพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว
รายที่มีไข้สูงต้องให้น้ำอย่างเพียงพอ ถ้ามีอาการปวดมดลูกรุนแรงหรือไม่สุขสบายจากการปวดท้อง ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา อาจต้องแยกหญิงหลังคลอดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
ให้นอนท่า Fowler's เพื่อช่วยให้น้ำคาวปลาไหลสะดวกและป้องกันการกระจายของสารน้ำที่มีเชื้อในช่องท้องไปยังอวัยวะข้างเคียง
แนะนำให้หญิงหลังคลอดล้างมือทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอนามัย
การติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องหลังคลอด (Puerperal peritonitis)
อาการและอาการแสดง
มีอาเจียนบ่อยๆ มักเป็นลักษณะพุ่ง และเมื่อมีอาการเลวลงเรื่อย ๆ อาจมีอาการท้องเดิน
ท้องอืด หน้าท้องโป่ง แข็งตึง กดเจ็บ ปวดท้องอย่างรุนแรง
ปัสสาวะน้อย
อ่อนเพลีย กระหายน้ำ หายใจเร็วตื้น ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
มีไข้สูง 40.5ºC (105ºF) หนาวสั่น ชีพจรเบาเร็วถึง 140 ครั้ง/นาที
กระสับกระส่าย ระยะแรกหน้าแดง เมื่อมีอาการรุนแรงจะซีด ตัวเย็น เหงื่อออก อาจช็อค และเสียชีวิตได้
การรักษาพยาบาล
ให้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดและลดความวิตกกังวลตามแผนการรักษา
10.ระมัดระวังเทคนิคปราศจากเชื้อ ล้างมือบ่อยๆ
ให้นอนท่า semi-Fowler เพื่อให้หน้าท้องหย่อนและให้หนองมารวมอยู่ใน Cul-de-sac และแพทย์อาจเจาะเอาหนองออก
ให้การพยาบาลตามอาการ และแนะนำวิธีปฏิบัติตัวขณะอยู่ในโรงพยาบาล และเมื่อกลับบ้าน
ประเมินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ ถ้ามีอาการท้องอืดควรรีบปรึกษาแพทย์
ให้กำลังใจเพื่อลดความกลัว ความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็น
ตรวจสัญญาณชีพบ่อยๆ เฝ้าระวังสายที่ใส่เข้าไปในกระเพาะอาหารและ C.V.P
ดูความสมดุลของน้าที่ได้รับ และจำนวนปัสสาวะที่ออกมา
อาจต้องงดอาหารและน้ำทางปาก
วัด C.V.P นับจำนวนเม็ดเลือดและส่งเพาะเชื้อหา Sensitivity อาจจำเป็นต้องผ่าตัด
ถ้าท้องอืดมากจำเป็นต้องใส่สายดูดก๊าซหรืออาหารออกมา
ให้ยาปฏิชีวนะและสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา อาจจำเป็นต้องให้เลือดหรือพลาสม่า ให้ออกซิเจน
การติดเชื้อของฝีเย็บ (Puerperal infection)
อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อเฉพาะที่
มีอาการห้อเลือด ปากช่องคลอดบวม
มีหนองไหล แผลอาจแยก
ขอบแผลบวม แดง ร้อน
เจ็บปวดบริเวณที่ติดเชื้อ ผิวหนังมีสีคล้ำ
อุณหภูมิกายอาจสูงถึง 38 °C
การรักษาพยาบาล
ส่งเพาะเชื้อและทำ Sensitivity ตามแผนการรักษา
วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ตัดไหมหรือระบายหนองออก ใช้ผ้าก๊อซซับน้ำยาอัดเข้าไปในแผล
ประเมินแผลฝีเย็บทุกวัน
ตรวจดูผ้าก๊อซที่อัดไว้ในแผลถ้ามีกลิ่นเหม็นเน่า ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
เมื่อมีแผลติดดีขึ้น ความเจ็บปวดน้อยลง ให้นั่งแช่ก้น (sitz bath) วันละ 2-3 ครั้ง
ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา กระตุ้นให้ลุกเดินบ่อยๆ และทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
แนะนำหญิงหลังคลอดให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
ให้มารดาล้างมือทุกครั้งก่อนจับต้องทารก และไม่ควรวางทารกบนผ้าปูที่นอน โดยไม่มีผ้าสะอาดปูรองก่อน
ให้กำลังใจ ลดความวิตกกังวล
อาการและอาการแสดงทั่วไป
ชีพจรต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที
มีอาการหนาวสั่น ไข้สูงถึง 40°C (104°F) ในรายที่มีการติดเชื้อเฉียบพลัน หรือ มีหนองขังไม่สามารถไหลออกมาได้ หรือรายที่มีการติดเชื้อเล็กน้อย อุณหภูมิอาจสูงถึง 38.8°C (101°F) หรือไม่มีไข้
จำนวนเม็ดเลือดขาวในเลือดเพิ่มขึ้น
การอักเสบของหลอดเลือดดำ (Thrombophlebitis)
การอักเสบของหลอดเลือดดำที่ขา (Femoral Thrombophlebitis)
อาการและอาการแสดง
ปวดเกร็ง, ผิวหนังแดงบริเวณขาที่เป็น
มีอาการบวม เนื่องจากหลอดเลือดดำอุดตัน ต่อมาผิวหนังจะตึงและบางใสเป็นสีขาว
มีไข้สูง หนาวสั่น
Homan's sign ให้ผลบวก (จะปวดน่องมากเมื่อดันปลายเท้าเข้ามาลำตัว)
การรักษาพยาบาล
กระตุ้นให้มารดาหลังคลอดลุกขึ้นจากเตียงโดยเร็ว (Early ambulation) เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือดที่ขาดีขึ้นและ
ลดการเกิดการแข็งตัวของเลือดขึ้น
ถ้ามารดาหลังคลอดไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ควรให้มารดาเริ่มบริหารส่วนขา ภายใน 8 ชั่วโมงหลังคลอด โดยการงอและ
เหยียดเข่าออก ยกขาแล้วหมุนเป็นวงกลม
หลีกเลี่ยงการขึ้นขาหยั่งนานๆ ขณะที่คลอด และใช้ผ้ารองบนขาหยั่งเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักกดลงบนน่องโดยตรง
รายที่มีหลอดเลือดดำพองขอด หรือเคยมีประวัติหลอดเลือดดำอักเสบในช่วง 2 สัปดาห์หลังคลอด ควรให้สวมถุงน่อง
(Support stocking) ไว้เพื่อช่วยให้การไหลเวียนดีขึ้น
แนะนำให้มารดาหลังคลอดดูแลตนเองดังนี้
หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ ควรลุกเดินทุก 1/2-1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการคั่งของเลือดบริเวณขา
หลีกเลี่ยงการไขว่ห้าง เพราะจะเกิดแรงกดใต้เข่าทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณส่วนปลายลดลง
ขณะนั่งหรือนอน ควรยกปลายเท้าให้สูง เพื่อช่วยในการไหลเวียนกลับของเลือดจากส่วนปลายดีขึ้น
การอักเสบของหลอดเลือดดำในอุ้งเชิงกราน (Pelvic thrombophlebitis)
อาการและอาการแสดง
มารดามีไข้สูง หนาวสั่น
อ่อนเพลีย
การรักษาพยาบาล
ดูแลให้มารดาได้รับยาปฏิชีวนะ และยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษา
ดูแลทางด้านจิตใจ และเตรียมมารดากรณีที่ได้รับการเจาะเอาหนองออก (Colpotomy) หรือการผ่าตัด (Laparotomy)
ให้มารดาพักผ่อนบนเตียง (Total bed rest)
ดูแลความสุขสบายทั่วไป และหากิจกรรมให้ทำ อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นซึ่งจะใช้เวลานาน 6-8 สัปดาห์
การติดเชื้อของเต้านม (Mastitis)
การรักษาพยาบาล
ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา เมื่อมีอาการปวดรุนแรง หรือใช้น้ำแข็งประคบและสวมเสื้อชั้นในช่วยพยุงไว้ตลอดเวลา ควร
ระมัดระวังไม่ให้คับจนเกินไป ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวด
ใช้ความร้อนประคบเต้านมข้างที่มีพยาธิสภาพจะช่วยลดการอักเสบและอาการบวมของเต้านม
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา ยาที่ให้ส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์กว้าง เช่น Cephalosporins และ Vancomycin
มารดาอาจให้นมบุตรได้ ถ้าไม่มีการติดเชื้อที่รุนแรง หรือปวดมาก
ตรวจดูอาการและอาการแสดง ส่งเพาะเชื้อจากน้ำนมและหัวนม บางครั้งอาจต้องเพาะเชื้อจากในปากของทารกด้วยและหา
sensitivity เพื่อให้ยาปฏิชีวนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการและอาการแสดง
บริเวณเต้านมแดง ร้อน เต้านมแข็งตึงขยายใหญ่ กดเจ็บ
ถ้าเป็นฝี ผิวหนังจะใสเป็นมัน กดนุ่ม
ปวดเต้านม มีอาการคั่งของน้ำนม น้ำนมออกน้อย
อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้โต และเจ็บ
ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ อาจมีอาการหนาวสั่น
มีไข้สูง ชีพจรเร็ว
นางสาวธัญนาฎ สานา ปี 4 B เลขที่ 26