Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลทางสูติกรรม - Coggle Diagram
การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลทางสูติกรรม
การใช้ยาในระยะตั้งครรภ์
1. ยาแก้แพ้ท้อง (Antiemetics/Antinauseants)
Major tranquilizer
เช่น phenergan, lagactil, stemetil
Antihistamines
เช่น Dramamine (Dimenhydrinate), benadryl (Dymenhydramine)
Vitamin B6
(pyridoxine)
2. Steroid Hormone
2.1 Sex hormone
ได้แก่ progesterone, estrogen, androgen, progestin
ทดสอบการตั้งครรภ์
รักษาการทำงานของ corpus luteum บกพร่อง
ป้องกันภาวะแท้งคุกคาม, แท้งเป็นอาจิณ
ป้องกันการเจ็บครรภ์คลอด
ก่อนกำหนดใช้หลังคลอด
ยับยั้งการหลั่งน้ำนม
คุมกำเนิด
2.2 Corticosteroids
ใช้กระตุ้นปอดทารกในครรภ์ให้เร่งสร้างสาร
Surfactant ในทารกคลอดก่อนกำหนด
3. ยาที่ใช้ในการยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด (Tocolytic drugs for preterm labor)
3.1 กลุ่ม Beta-adrenergic receptor agonists ได้แก่ Terbutaline
Terbutaline (Bricanyl 0.5 mg/amp)
ข้อบ่งใช้
มีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างน้อย 4 ครั้งใน 20 นาที โดยปากมดลูกเปิดน้อยกว่า 3 เซนติเมตร
ใช้ในกรณีมารดาอายุครรภ์ 28-36 สัปดาห์
ที่มีอาการเจ็บครรภ์คลอด
วิธีการใช้ยา
loading dose ด้วย Bricanyl 0.25 mg
(1/2 amp) IV stat
maintenance dose ด้วย Bricanyl 2.5 mg (5 amp) ผสมใน 5% D/W 500 ml (1 ml = 5 ug)
เริ่มให้ IV drip 10 ug/min (30 µd/min) ปรับเพิ่มยาครั้งละ 5 ug/min (15 µd/min) ทุก 10 นาทีจนถึง maximum dose คือ 25 ug/min
(75 µd/min) หรือเมื่อไม่มี uterine contraction
หากไม่มี contraction แล้วให้ maintenance dose rate เดิมต่ออีก 2 ชั่วโมง (หรือให้ต่ออีก 60 นาที
แล้วลดครั้งละ 5 ug/min ทุก 30 นาทีจนถึงระดับน้อยที่สุดที่ทำให้ไม่มี contraction แล้ว maintain
ต่อไว้อีก 8 ชั่วโมง)
Bricanyl 0.25 mg (1/2 amp) subcutaneous
ทุก 4 ชั่วโมง อีก 6 ครั้ง (ควรให้ overlap กันเล็กน้อยระหว่าง IV drip กับการฉีด subcutaneous)
ข้อบ่งห้าม
Severe hypovolemia
ครรภ์แฝดหรือครรภ์แฝดน้ำ
หญิงตั้งครรภ์ที่มีโรคหัวใจ
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
มีการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ (Chorioamnionitis)
มีภาวะ Fetal distress
อาการข้างเคียง
ใจสั่น (Palpitations) ชีพจรเต้นเร็ว (Tachycardia)
ปวดศีรษะ
น้ำท่วมปอด (Pulmonary edema)
hyperlacticemia, hypocalcemia
การเฝ้าระวัง
ตรวจชีพจรไม่เกิน 140 ครั้ง/นาที
ภาวะ Hypotension
Pulmonary edema
Hyperglycemia
Fetal distress
Postpartum hemorrhage (PPH)
3.2 MgSo4
ข้อบ่งใช้
ใช้ในกรณีเดียวกับ β – 2 sympathominetics แต่สามารถใช้ในมารดาที่เป็น DM,HT, Heart ได้
อันตรายต่อมารดา
ร้อนบริเวณที่ฉีดและทั่วร่างกาย
ท้องอืด
hypokalemia
pulmonary edema
อันตรายต่อทารก
hypermagnesemia
ซึมลง
อ่อนแรง
ท้องอืด
5. Antibiotic
Tetracycline
ถ้ามารดาได้รับยานี้ 2 เดือนก่อนคลอดจะทำให้ฟันแท้ของทารกมีสีเหลืองน้ำตาล
Streptomycin
ทำให้ทารกหูหนวก
Gentamycin
มีผลต่อไต
Kanamycin
มีความผิดปกติที่กระดูก ไต หู
Chloramphenical
ทำให้เกิด
grey syndrome ในทารก
Sulfonamide
ทำให้เกิด kerniterus ในทารก
Nitrofurantoin
ทำให้เกิด anemia, G6PD ในทารก
6. Immunoglobulin and Vaccine
Anti-D immunoglobulin ช่วยป้องกันการเกิด isoimmunization ในมารดาที่ Rh –ve
Tetanus toxoid
4. ยาป้องกันการชัก MgSo4
ข้อบ่งใช้
ใช้ป้องกันการชักใน severe pre-eclampsia, eclampsia
การบริหารยา MgSO4
1. Continuous Intravenous infusion
โดยให้ loading dose 10 % MgSO4 4 กรัมในน้ำ 100 มิลลิลิตรในเวลา 1 ชั่วโมง แล้วต่อ ด้วย maintainance dose ในขนาด 1 – 2 กรัม / ชั่วโมง
2. Intramuscular
ให้ loading dose ด้วย 10 % MgSO4 4 กรัม เข้าหลอดเลือดดำช้าๆใน 10-15 นาที พร้อมกับฉีด 50 % MgSO4 10 กรัม เข้าสะโพก maintainance dose คือ 50 % MgSO4 5 กรัม เข้าสะโพกทุก 4 ชั่วโมง
อันตรายต่อทารก
respiratory depression
hypotonia
อันตรายต่อมารดา
respiratory arrest
absence of reflex
cardiac arrest
ควรงดให้ในกรณีต่อไปนี้
reflex ไม่มีหรือลดลง
ปัสสาวะออกน้อยกว่า 100 cc/4hrs.
หายใจน้อยกว่า 16 ครั้ง/นาที
อาการแสดงของ Hypermagnesemia
ปัสสาวะออกน้อยกว่า 100
มิลลิลิตรใน 4 ชั่วโมง
Reflex ลดลงหรือตรวจ Patella reflex ไม่พบ
การหายใจลดลง
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก
ซึมเนื่องจากสมองส่วนกลางถูกกด
ร้อนวูบวาบทั่วตัว
การใช้ยาในระยะคลอด
2.1 ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
2.1.1 Oxytocin
ใช้ในกรณี
ทดสอบสุขภาพทารกในครรภ์
ป้องกันและรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอด
ยุติการตั้งครรภ์
ข้อห้ามใช้
ไม่ควรใช้ในมารดาที่อายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์
ทารกท่าผิดปกติ, fetal distress
มารดาที่มีบุตร 5 คนขึ้นไป
มารดาที่มีรกเกาะต่ำ
มารดาที่เคยผ่าตัดคลอดบุตร
ครรภ์แฝด
CPD, ติดเชื้อหรือมีก้อนเนื้อที่ช่องคลอด
ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อน
ต่อมารดา
อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนในระหว่างได้รับยา
ทำให้มดลูกหดรัดตัวรุนแรง อาจทำให้มดลูกแตกได้
มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีการดูดกลับน้ำของไตมากขึ้น
ต่อทารก
ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน (Fetal distress)
มีภาวะ Acidosis จนเสียชีวิตได้
ทารกมีภาวะตัวเหลือง (Hyperbilirubin)
การพยาบาล
3.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15 นาที
2.แนะนำให้ผู้คลอดเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกาย
4.ประเมินเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ทุก 15 นาที
1.แจ้งให้ผู้คลอดทราบ
5.ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
6.Intake-output
สังเกตอาการผู้คลอดอย่างใกล้ชิด
2.1.2 Ergot alkaloid
ข้อห้ามใช้
ความดันโลหิตสูง
sepsis
ห้ามฉีดก่อนรกคลอด
โรคไตและตับ
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดา
ความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าเดิม 10%
คลื่นไส้ อาเจียน, ปวดศีรษะ
มารดาที่เป็นโรคหัวใจอาจเกิด coronary vasospasm
หรือ heart failure
เกิดภาวะเนื้อตายเน่าที่นิ้วมือนิ้วเท้า
การพยาบาล
แจ้งให้ผู้คลอดทราบ
2.ซักประวัติการมีโรคประจำตัวของผู้คลอดก่อนฉีดยา
3.ตรวจวัดสัญญาณชีพ
4.สังเกตอาการและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังได้รับยา
เตรียมยาสำหรับแก้พิษหรือรักษาภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น Diazepam
2.1.3 Prostaglandins
ข้อบ่งชี้
ทำให้ปากมดลูกนุ่มและเปิดกว้างขึ้นก่อน
การทำแท้งและก่อนก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์
รักษาภาวะ PPH
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดาและทารก
ทารกขาดออกซิเจน (Fetal distress)
คลื่นไส้อาเจียน
Hyperstimulation
หนาวสั่น
ท้องเดิน
ห้ามใช้ในกรณี
มารดาเป็นโรคปอด, หอบหืด, ความดันโลหิตสูง, โรคต้อหิน, โรคตับ, ไตวาย, ผู้คลอดที่มีประวัติเคยผ่าตัดที่ตัวมดลูก, ครรภ์แฝด, ตั้งครรภ์มากกว่า 4 ครั้ง
การพยาบาล
1.แจ้งให้ผู้คลอดทราบ
2.ซักประวัติการมีโรคประจำตัวของผู้คลอดก่อนให้ยา
3.ตรวจวัดสัญญาณชีพอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
4.การบริหารยาทางช่องคลอด แนะนำให้นอนหงายอย่างน้อย 30 นาที
บันทึกการหดรัดตัวของมดลูกและอัตราการเต้นของหัวใจทารกทุก 30 นาที
6.ภายหลังให้ยาเหน็บ misoprostal ทางช่องคลอดแล้ว 4 ชั่วโมง ตรวจภายในอีกครั้ง
ภายหลังให้ยาเหน็บ PGE2 ทางช่องคลอดแล้ว 6 ชั่วโมง ตรวจภายในอีกครั้ง
2.2 ยาระงับความเจ็บปวดในระยะคลอด
2.2.1 ยาระงับความเจ็บปวดชนิดทั้งระบบ
(General anesthesia)
Sedative drug
ยาประเภท barbiturates
ที่ออกฤทธิ์ระยะสั้น เช่นpentobarbital (nembutal), secobarbital (secoral), scopolamine (hyoscine)
ไม่ควรให้ยานี้ในระยะใกล้คลอดหรือเริ่มเข้าระยะเบ่ง
ใช้ในระยะปากมดลูกเปิดช้าจนถึง 3 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้คลอดลดความตึงเครียด สงบ ช่วยให้พักผ่อนได้
Tranquilizer
ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง
ช่วยลดความวิตกกังวล
ใช้เสริมฤทธิ์ของยาระงับปวดหรือยาสงบประสาท
เช่น การใช้ phenergan ร่วมกับ pethidine
Narcotic analgesic drugs
ออกฤทธิ์สูงสุดหลังฉีด 15 นาที ถ้าฉีดเข้าหลอด
เลือดดำจะออกฤทธิ์ภายหลังฉีด 5 นาทีและ
ออกฤทธิ์นาน 2-4 ชั่วโมง
ใช้ระงับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในระยะ
ปากมดลูกเปิดเร็ว ที่นิยมใช้กันมากคือ pethidine
ภาวะแทรกซ้อนของยาระงับ
ความเจ็บปวดชนิดทั้งระบบ
ผลต่อมารดา
ทำให้เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กดการหายใจ
หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ เหงื่อออกมาก
เป็นลม และปัสสาวะคั่ง
ผลต่อทารก
กดการหายใจทารกแรกเกิด ยาที่ใช้แก้เด็กคือ naloxone (narcan) , หัวใจเต้นช้าลง, อุณหภูมิของเด็กลดลง
2.2.2 การให้ยาชาเฉพาะที่สกัดกั้นประสาท
(Regional anesthesia)
การฉีดยาชาเฉพาะที่
ยาที่ใช้ได้แก่ xylocaine
ภาวะแทรกซ้อน
ถ้าใช้ยาเข้มข้นมากกว่า 1%อาจทำให้แผลติดช้า
การฉีดยาชาสกัดกั้นประสาทบริเวณ
ข้างปากมดลูก (Paracervical block)
ออกฤทธิ์ที่ sensory nerve fibers ข้างๆปากมดลูก
เริ่มทำเมื่อปากมดลูกเปิด 4-6 เซนติเมตร(วิธีนี้ไม่ลดปวดบริเวณฝีเย็บ)
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
อาจเกิดพิษของยาเข้ากระแสเลือด
อาจเกิดการอักเสบของเส้นประสาทที่ก้น
อาจเกิดการชาที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง
การฉีดยาชาสกัดกั้นประสาท Pudendal
(Pudendal block)
ระงับความเจ็บปวดบริเวณผนังช่องคลอดและ
ฝีเย็บในระยะที่ 2 ของการคลอด
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
อาจเกิด systemic toxicity บางรายอาจเกิด hematoma
การฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลัง
Spinal block
ข้อเสีย
ทำให้เกิดอันตรายสูงมาก ผู้คลอดไม่รู้สึกอยากเบ่ง
ภาวะแทรกซ้อนที่พบ
ความดันโลหิตต่ำ ปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน
ข้อห้าม
ห้ามทำในผู้คลอดที่มีภาวะ hypovolemia อย่างรุนแรง
Epidural block
ข้อบ่งชี้
เมื่อมีอาการเจ็บครรภ์ ปากมดลูกเปิดช้า
มีความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคหัวใจขณะตั้งครรภ์
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
นิยมมากเพราะสามารถระงับความเจ็บปวดได้ดีตั้งแต่ระยะปากมดลูกเปิดเร็วจนถึงระยะที่ 3 ของการคลอด
การใช้ยาในระยะหลังคลอด
1.ยาที่ห้ามใช้ขณะให้นมบุตร
Cimetidine
อาจกดการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะของ
เด็กและกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางได้
Gold salts
ทำให้เด็กเป็นผื่น และทำให้ตับ ไต อักเสบ
Ergotamine
ทำให้เด็กอาเจียนและชัก
Phemindion
ทำให้ prothrombin time นานขึ้นและตกเลือดได้
Bromociptine
ยับยั้งการสร้างน้ำนม
Methimazole
รบกวนการทำงานของต่อมธัยรอยด์
2.ยาที่ใช้แล้วควรงดให้นมบุตรชั่วคราว
Metronidazole
ควรงดให้นมบุตร 12-24 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาแบบครั้งเดียว
สาร radioactive
ควรงดให้นมบุตรจนกว่าจะตรวจไม่พบสารดังกล่าวในน้ำนม เช่น gallium 67 ควรงด 2 สัปดาห์และ iodine131 ให้งดนม 5 วัน
3.ยาที่ใช้ได้ขณะให้นมบุตร
Narcotic, carbamazepine, phenytion,
codeine, magnesium sulfate, meperidine
ปริมาณยาในน้ำนมมีเพียง 1-2% ของปริมาณยาในแม่
ส่วนยา phenobarbital และ diazepam เด็กจะ
ขับออกได้ช้าอาจเกิดการสะสมของยา จึงควรสังเกตอาการ
ยาแก้ปวด aspirin
ขับออกทางน้ำนมน้อย ยกเว้นว่ามารดารับประทานมากกว่า 16 เม็ด(300 มก.)
paracetamal ยังไม่พบว่ามีผลเสียต่อเด็ก
ยาแก้แพ้และ Phenothiazine
ไม่มีผลเสียต่อเด็กและปริมาณน้ำนม
ยากลุ่ม Decongestant ไม่ควรใช้ในมารดาที่มีปริมาณน้ำนมน้อย
Aminophyline
เด็กได้รับยาไม่เกิน 1% ของปริมาณยาในแม่
ยาลดความดันโลหิต
1. Chlorothiazine
ในขนาด 500 มก.
ตรวจไม่พบยาในน้ำนมเลย
2.Hydrochlorothaiazine
ในขนาด 50 มก.
ตรวจพบปริมาณยาในน้ำนมประมาณ 25 %
3. Propanolol
เด็กได้รับยาประมาณ 1%
ของปริมาณยาในแม่ ซึ่งไม่พบว่าเป็นอันตรายต่อเด็ก
Anticoagulants
Heparin ไม่ผ่านออกมาทางน้ำนมเลย
Warfarin ผ่านออกมาทางน้ำนมน้อยมาก
Corticosteroids
ขับออกทางน้ำนมประมาณ 0.1%
ของปริมาณยาที่มารดาได้รับ
Digoxin
ยาจับกับโปรตีนได้ดี จึงผ่านออกทาง
น้ำนมน้อยมาก ประมาณ 1 % ปริมาณยา
ที่มารดาได้รับ ไม่พบว่ามีผลเสียต่อเด็ก
Antibiotic
penicillin ปลอดภัยสำหรับเด็กที่ดูดนมแม่
dicloxacillin จับกับโปรตีนถึง 98% ก็อาจให้นมบุตรได้เพราะยาผ่านน้ำนมน้อยมาก
cephalosporin ผ่านออกทางน้ำนมไม่ถึง 0.1%ของปริมาณยาในมารดา
tetracycline งดูดซึมจากทางเดินอาหารน้อยมาก
sulfonamides ผ่านออกทางน้ำนมน้อยมากแต่ไม่ควรให้นมบุตรในช่วง 5 วันแรก หลังคลอด