Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การประเมินสัญญาณชีพ - Coggle Diagram

- - - - การเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย
        
        เช่น อัตราการใช้พลังงานของร่างกายเพื่อดำรงกิจการที่จำเป็น,
        การทำงานของกล้ามเนื้อ,การเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนไทร็อกซินและภาวะไข้
        
        1.การนำความร้อน การระบายความร้อนโดยอาศัยสื่อร่างกายต้องสัมผัสโดยตรงกับสิ่งที่เย็นกว่าซึ่งอาจจะเป็นอากาศหรือวัตถุ เช่น ดื่มน้ำขณะมีไข้เมื่อปัสสาวะ น้ำจะนำความร้อนออกจากร่างกายทำให้ไข้ลดลง
        
        การพาความร้อน ระบายความร้อนด้วยอาศัยตัวกลางเช่น การเช็ดตัวขณะมีไข้
        
        3.การแผีรังสี การส่งผ่านความร้อนในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากผิววัตถุหนึ่งไปยังพื้นผิวอีกวัตถุหนึ่งโดยไม่สัมผัสกันเช่น การยืนผิงไฟจะได้รับความร้อน
        
        4.การระเหยเป็นไอ ระบายความร้อนออกมาโดยการได้ระเหยจากผิวของร่างกายหรือการละเหยของน้ำไปเป็นไอ ได้ 3 ทางคือทางผิวหนัง ทางลมหายใจและทางอุจจาระปัสสาวะ
      - กลไกการเกิดพฤติกรรม
        
        เช่น การถอดเสื้อผ้าหรือสิ่งตกแต่งที่ทำให้อุ่น กิจกรรมต่างๆเพิ่มพื้นที่ผิวให้สามารถระบายความร้อน และการเคลื่อนย้ายไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็น
  - - - อุณอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงได้มากถึง 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดระหว่าง 20:00 น. และ 24:00 น.
        และต่ำสุดช่วงที่นอนหลับ 04:00 น. ถึง 06:00 น.
    - - อุอุณหภูมิของเด็กทารกแรกเกิดจะไม่คงที่
    - - ขณะออกกำลังกายพลังงานความร้อนจะถูกผลิตออกมาจากการหดตัวและการครายตัวของกล้ามเนื้อและมีการทำงานเพิ่มขึ้นของระบบอื่นๆ
    - - ผู้ที่มีความเครียดจะมีอัตราการเผาผลาญภายในเซลล์เพิ่มขึ้น
    - - เพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากกว่าเพศชายในรอบของการมีประจำเดือน
    - - อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมสามารถเพิ่มลดอุณหภูมิของร่างกายได้
    - - คนผอมจะมีไขมันน้อยส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายต่ำได้
    - - เกิดสารก่อไข้ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
  - - - สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยจะต้องปิดปากสนิทเมื่ออมเทอมอมิเตอร์และหากใช้แท่งแก้วบรรจุปรอทต้องสลัดปรอทลงไปอยู่ปลายกระเปราะให้หมดก่อนแล้วจึงวางกระเปราปะรอที่ไว้ใต้ลิ้นปิดปากให้สนิทนาน2-3นาทีจึงอ่านค่าได้
      - ห้ามวัดอุณหภูมิทางปากในผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว โรคลมชักหรือเกร็ง
        โรคในช่องปาก ผ่าตัดบริเวณจมูกหรือปากในเด็กเล็กๆ ในบุคคลที่ในบุคคลที่ดื่มน้ำร้อนหรือเย็น สูบบุหรี่ เคี้ยวหมากฝรั่ง
        จะต้องรอประมาณ 15 - 30 นาทีถึงจะวัดได้
    - - ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถวัดทางปากและทางทวารหนักได้เช่น ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
      - ข้อดีคือสามารถวัดได้ทุกช่วงวัย ปลอดภัยและแพร่เชื้อและรบกวนจิตใจน้อยกว่าวิธีอื่น
      - ข้อเสียคือต้องใช้เวลา 5 นาทีขึ้นไป
    - - ห้ามวัดอุณหภูมิทางทวารหนักในเด็กเล็ก เด็กทารก ที่ท้องเสีย
        มีรอยโรคที่ทวารหนัก หรือได้รับการผ่าตัดทางทวารหนัก
        โรคหัวใจหรือหลังผ่าตัดหัวใจ มีเกล็ดเลือดต่ำ มีก้อนอุจจาระค้าง
      - ใช้วัดในเด็กเล็กที่ไม่สามารถอมปรอทได้หรือผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
    - - การวัดทางหู เป็นการวัดอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายโดยใช้อินฟราเรดใช้ง่ายออ่านค่ารวดเร็ว แต่มีข้อห้ามในผู้ป่วยที่แก้วหูทะลุหรือมีรอยแผลที่แก้วหู
      - การวัดทางผิวหนังเช่นหน้าผาก หลังใบหู ซอกคอ
- - - - รูปร่างคนอ้วนมีความดันโลหิตสูงกว่าคนผอม
      - เพศ เพศชายมักมีความดันโลหิตสูงกว่าเพศหญิง
      - ยามีผลต่อการหดรัดตัวของหลอดเลือดทำให้ความดันโลหิตสูง
- - - - อัตราการเต้นของหัวใจผู้ใหญ่มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
        เรียกว่า Tachycardia
      - อัตราการเต้นของหัวใจผู้ใหญ่น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที
        เรียกว่า Bradycardia
    - - จังหวะชีพจรปกติจะมีช่วงพักเท่ากันชีพจรเต้นสม่ำเสมอ
        เรียกว่า Pulse regularis
      - จังหวะชีพจรเต้นผิดปกติ ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะในช่วงพักไม่สม่ำเสมอ
    - - ระดับ 0 ไม่มีชีพจร คลำชีพจรไม่ได้
      - ระดับ 1 Thready มีลักษณะชีพจรแผ่วเบา
      - ระดับ 2 Weak ชีพจรแรงกว่าระดับ1
      - ระดับ 3 Regular ชีพจรเต้นจังหวะสม่ำเสมอ
      - ระดับ 4 Bounding pulse ชีพจรเต้นแรง
- - - - อุณหภูมิ 36.5 - 37.5 องศาเซลเซียส
      - ชีพจร 60 - 100 ครั้งต่อนาที
      - หายใจ 12 - 20 ครั้งต่อนาที
      - ความดันโลหิต
        
        Systolic 90-140 mmHg
        
        Diastolic 60-90 mmHg
- - - - การสูดอากาศเข้าไปในถุงลมปอดเรียกว่าการหายเข้าและการไล่อากาศออกจากปอดเรียกว่าการหายใจออก
  - - - Tachypnea อัตราการหายใจในผู้ใหญ่มากกว่า 24 ครั้ง / นาที
      - Bradypnea อัตราการหายใจในผู้ใหญ่น้อยกว่า 10 ครั้ง / นาที
      - Apnea การหยุดหายใจ
    - - Hypoventilation เป็นการหายใจช้าและตื้น
      - Hyperventilation เป็นการหายใจเร็วและลึก
    - - Cheyne stokes เป็นการหายใจเป็นช่วง ๆ ไม่สม่ำเสมอโดยจะเพิ่มอัตราการหายใจหายใจเร็วลึกและตามด้วยช่วงที่หยุดหายใจแล้วกลับมาหายใจเร็วอีก
      - Biot เป็นการหายใจปกติสลับกับการหายใจเร็วลึกไม่สม่ำเสมอเป็นช่วงสั้น ๆ 2-3 ครั้งแล้วตามด้วยหยุดหายใจช่วงสั้น ๆ อีก
    - - Dyspnea เป็นอาการหายใจลำบากการหายใจต้องใช้แรงมากกว่าปกติสังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอกการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอ
      - Orthopnea เป็นอาการหายใจลำบากในท่านอนราบจะหายใจได้ต้องลุกขึ้นนั่งหรือยืนเท่านั้น
      - Paroxysmal nocturnal dyspnea เป็นอาการหายใจลำบากตอนกลางคืน เกิดอาการหายใจหอบรุนแรงจนต้องลุกนั่งหายใจเข้าลึก ๆ อาการจึงทุเลาลงสาเหตุจากภาวะหัวใจล้มเหลว
      - Paroxysmal dyspnea เป็นอาการหอบอย่างรุนแรงต้องลุกนั่งไอมีเสมหะลักษณะเป็นฟองละเอียดออกมากระวนกระวายหายใจมีเสียงดังทั้งหายใจเข้าและออกมักมีสาเหตุมาจากภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน
      - Air hunger เป็นการพยายามหายใจโดยใช้ทั้งทางจมูกและปากอย่างรุนแรงพบในผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต
    - - Stridor เสียงฟิดเป็นเสียงที่ได้ยินขณะหายใจเข้าเนื่องจากมีการอุดกั้นในหลอดลมใหญ่หรือกล่องเสียง
      - Wheeze เป็นเสียงวดได้ยินขณะหายใจออกพบในผู้ป่วยที่มีหลอดลมตีบแคบ