Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

a-The-V-shaped-cerebellopontine-Wssure-is-located-where-cerebellum-wraps…

- - - - Rt. retrosigmoid suboccipital craniectomy with total tumor removal
        (ผ่าตัดเปิดกะโหลกแล้วไม่ปิดและเอาเนื้องอกออกทั้งหมด)
        และ Rt. frontal Ventriculostomy (การผ่าตัดเจาะกะโหลกระบายน้ำจากโพรงสมองด้านขวา)
    - - Suboccipital craniectomy remove cerebellar hematoma
        (การผ่าตัดเปิดกะโหลกเอาก้อนเลือดใต้เยื่อบุสมองออก)
    - - tracheostomy (การผ่าตัดใส่ท่อบริเวณคอ)
    - - remove external ventricular drainage : EVD
        (การน้ำสายระบายน้ำจากโพรงสมองออก)
- - - - ไขสันหลัง
      - สมอง
        
        สมองส่วนท้าย : medulla oblongata,pons,cerebellum
        
        เนื้องอกของสมองส่วน Cerebellopontine angle บริเวณแอ่งระหว่างพอนส์กับสมองเล็ก
        
        มีเส้นประสาทสมองซึ่งอยู่ใกล้กันมาก
        
        คือ ประสาทสมองเส้นที่ 5, 7, 8 (และอาจรวม 9 และ 10 ด้วย)
        
        สมองส่วนกลาง :ตำแหน่งของ crus cerebrum
        
        สมองส่วนหน้า : cerebrum,diencephalon
    - - ประกอบด้วย cranial nerves,spinal nerves
        และ ganglia
      - มีหน้าที่ในการนำสัญญาณประสาท
  - - - ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะมาก
    - - ส่งผลให้เกิดอาการหูดับ ( Hearing loss ) ข้างหนึ่ง และการจำแนกเสียงลดลงอาจมีอาการหูอื้อ (Tin nitus) หรือมีเสียงดังหึ่งๆ
      - เมื่อเนื้องอกแผ่ออกไปนอกหูชั้นในจะทำให้เสียการทรงตัวงุ่มง่าม ร่วมกับมีอาการวิงเวียนเหมือนบ้านหมุน (Vertigo) คลื่นไส้ และอาเจียน
      - รีเฟลกช์กระพริบตา มีอาการชาที่หน้า ( facial analgesia )
      - เมื่อเนื้องอกมีขนาดโตขึ้นๆ จะกดเส้นประสาทคู่ที่ 7 ทำให้การแสดงสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป
      - กลืนลำบากจากการถูกกดทับ ที่บริเวณพอนส์ (Pons) อยู่ด้านหน้าของซีรีเบลลัม ติดกับสมองส่วนกลาง
        ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของร่างกาย
        เช่น การเคี้ยวอาหาร การหลั่งน้ำลาย การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า การหายใจ การฟัง
        
        ผู้ป่วยมีอาการกลืนลำบาก
  - - - การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม การตัดสินใจ
        เช่น เฉื่อยชาลง หรือมีอาการก้าวร้าวขึ้น
      - การรับความรู้สึกที่ผิดปกติ เช่น มีอาการชาวูบวาบตามมือ ลำตัว และขา สายตามัวลง มองเห็นภาพซ้อน ปวดศีรษะ การได้ยิน หรือการรับกลิ่น มีอาการชัก มึนงง เดินเซ ตากระตุก หรือไม่
    - - -อาการชัก อาการชักที่เกิดขึ้นในวัยกลางคน
        ให้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากเนื้องอกในสมองใหญ่
        
        ไม่พบอาการชัก
      - -อาการของความดันในกะโหลกสูง
        จะพบได้หลังจากมีอาการเฉพาะที่เกิดขึ้นแล้ว คือ อาการชัก แขน-ขาอ่อนแรง ส่วนอาการปวดศีรษะจะพบได้ตั้งแต่เริ่มเป็นจนช่วงสุดท้าย เมื่อปวดมากจะอาเจียนแล้วรู้สึกสบายขึ้น
        
        มีอาการปวดศีรษะ ร่วมกับมีอาการกลืนลำบาก
      - ประเมิน neuro sign
        
        Motor power
        
        แขนทั้งสองข้าง grade 4, ขาทั้งสองข้าง grade 4
        
        Pupils
        
        Pupils both eyes 3 mm. reaction to light
        
        Vital signs
        
        อุณหภูมิ 36.9 องซาเซลเซียส , BP= 113/58 mmhg , RR = 18 ครั้ง/นาที , ชีพจร 84 ครั้ง/นาที , pain score = 0 คะแนน O2sat = 100%
    - - -การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง EEG (Electroencephalography)
      - -การเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์
        CT scan
        (Computerized Tomography)
      - -การตรวจด้วย MRI Ventriculography หรือทำ Brain scan
        
        ทำMRI วันที่ 11/02/62 พบก้อน เนื้อขนาด 2.8x2.8x0.6 cm
      - -การตรวจชิ้นเนื้อ
        
        หลังผ่าตัดและนำชิ้นเนื้อไปตรวจได้ผลตรวจ คือ several pieces of yellow with tissue measure together 2.8x2.8x0.6 cm.เป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้องอกธรรมดา
  - - - ตัดชิ้นเนื้อตรวจทางพยาธิวิทยา
        (Tissue biopsy)
        
        หลังผ่าตัดและนำชิ้นเนื้อไปตรวจ ได้ผลตรวจคือ several pieces of yellow with tissue measure together 2.8x2.8x0.6 cm.
        เป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้องอกธรรมดา
      - เปิดกะโหลกตัดเนื้องอก(Craniotomy remove tumor) เปิดกะโหลกศีรษะเข้าหาเนื้องอกและแยกเนื้องอกจากเนื้อปกติ ใช้จี้ไฟฟ้าร่วมกับSuction
      - Craniectomy คือการผ่าตัดเปิดกะโหลกแล้วไม่ปิด
        
        Primary decompressive craniectomy เนื่องจากมีพยาธิสภาพที่ทำให้สมองบวมปิดกะโหลกไม่ได้(เช่น บาดเจ็บที่ศีรษะ)
        
        Secondary decompressive craniectomy เปิดกะโหลกเพื่อรักษาภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงซึ่งไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น
        
        -13/02/62 ทำการผ่าตัด Rt.retrosigmoid suboccipital craniectomy with total tumor removal
        (ตัดเปิดกะโหลกแล้วไม่ปิดและเอาเอาเนื้องอกออกทั้งหมด)
        
        น้ำคั่งในโพรงสมอง
        (Hydrocephalus)
        ผู้ป่วยมีภาวะ obstructive hydrocephalus จากการถูก Tumor ขัดขวาง CSF pathway เกิด obstruction
        
        ผ่าตัดรักษา
        
        ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง
        (CSF diversion)
        
        ผ่าตัดใส่สายระบายน้ำจากโพรงสมองออกนอกร่างกาย
        (External ventricular drainage:EVD,Ventriculostomy)
        
        1 more item...
        
        ผ่าตัดใส่สายระบายน้ำจากโพรงสมองไปยังช่องว่างในร่างกาย
        (Ventriculo peritoneal (VP) shunt,Ventriculo atrial (VA) shunt,Ventriculo pleural shunt
        
        ผ่าตัดระบายน้ำจากโพรงสมองไปยังแอ่งน้ำในกะโหลกศีรษะ
        (CSF cistern,subarachnoid space)
        
        ผ่าตัดใส่สายระบายน้ำจากช่องไขสันหลังไปยังช่องท้อง
        (Lumboperitoneal shunt)
        
        ผ่าตัดเปิดทางเดินน้ำหล่อสมอง
        (CSF pathway opening)
        
        ผ่าตัดเปิดAqueduct(Aqueductoplasty) โดยใช้ Flexible endoscope
        ใส่เข้าในโพรงสมองทางKocher point ผ่านเนื้อสมองเข้าสู่ Frontal horn of lateral ventricle ผ่าน Foramen of monro เข้าสู่Third ventricle เปิดขยายส่วนที่ตีบตัน(Aqueduct stenosis)
        
        ผ่าตัดเปิดกะโหลกเอาก้อนที่อุดตันทางเดินน้ำหล่อสมองออก
        (Craniotomy Remove pathological obstructive lesion)
        ผ่าตัดเอาก้อน(เนื้องอก,ก้อนเลือด,ถุงน้ำออก)
        ในโพรงสมองหรือก้อนที่เบียดโพรงสมองออก
  - - - 15/03/62 Suboccipital craniectomy remove cerebellar hematoma
        (การผ่าตัดเปิดกะโหลกเอาก้อนเลือดใต้เยื่อบุสมองออก)
    - - KEPPRA 500 mg. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น เป็นยาระงับการชัก (Anticonvulsants)
- - - - วัตถุประสงค์การพยาบาล
        เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ผู้ป่วยมีเสมหะสีขาว ปริมาณลดลง
        
        ฟังlung sound ได้ยินเสียง clear
  - - - วัตถุประสงค์
        เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดอาการสำลัก
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการสำลักขณะที่ทำการฝึกกลืนอาหาร
        
        กิจกรรมทางการพยาบาล
        
        ประเมิน Normal Oral Reflexes ที่จำเป็นในการกลืน ได้แก่
        
        Jaw Reflex
        วิธีทดสอบ : ใช้นิ้วมือสองนิ้ววางบนคางในแนวนอน แล้วลูบไปด้านตรงข้าม
        ปฏิกิริยาตอบสนอง : ผู้ป่วยจะปิดงับขากรรไกรอย่างรวดเร็วและแรงเกินไป ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นผลของ Bite Reflex
        
        Gag Reflex
        วิธีทดสอบ : ใช้ไม้กดลิ้นเข้าไปแตะบริเวณโคนลิ้นปฏิกิริยาตอบสนอง : ผู้ป่วยจะแสดงอาการสำรอกอาหาร ซึ่งเป็นผลของการหดตัวของกล้ามเนื้อของกล่องเสียง
        
        Swallow Reflex
        วิธีทดสอบ : ให้ผู้ป่วยกลืนน้ำลาย หรือ ให้นำอาหารวางบนลิ้นใกล้โคนลิ้น
        ปฏิกิริยาตอบสนอง : ผู้ป่วยจะหดลิ้นกลับเพื่อกลืนอาหารลงไป1.4 Cough Reflex
        วิธีทดสอบ : ทำให้คอระคายเคือง
        ปฏิกิริยาตอบสนอง : มีการหดตัวของกะบังลม การยกตัวขึ้นของกล่องเสียง และมีการหดตัวของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับคอหอย ซึ่งเป็นผลจากการไอ
        
        ประเมินเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการรับความรู้สึกของอวัยวะที่เกี่ยวกับการกลืน(Oro-Motor-Sensory Evaluation)
        2.1 การควบคุมริมฝีปาก (Lip control)ให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวริมฝีปากในทิศทางต่างๆเช่น การห่อปาก (Pursing) , การฉีกยิ้มกว้างๆ(retraction) และการปิดริมฝีปาก รวมถึงสังเกตภาวะสมดุลของริมฝีปากทั้งสองด้านขณะเคลื่อนไหว ซึ่งมีการแปลผลได้
        3 ลักษณะคือ ปกติ (intact) , บกพร่อง (impaired) และไม่สามารถทำได้ (absent)
        2.2 การควบคุมขากรรไกร (Jaw control)ในภาวะปกติ กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า และช่องปากจะคลายตัว ขากรรไกรจะอยู่ในลักษณะสมดุล(Symmetry) กันทั้งสองข้างและสามารถเคลื่อนไหว ในทิศทางยื่นมาด้านหน้า (protraction) , ดึงกลับไปด้านหลัง (retraction) , เอียงซ้ายและขวา (lateral motion) และยกขึ้นลง(elevation) ได้คล่องแคล่ว
        2.3 การควบคุมลิ้น (Tongue control)
        
        ดูลักษณะทั่วๆไปของลิ้นขณะพักว่าอยู่ในภาวะสมดุลหรือไม่(Symmetry)
        
        มีภาวะลิ้นยื่นเข้าและออกช่องปากตลอดเวลา(Tongue thrust) หรือไม่ ซึ่งจะมีผลทำให้การปิดปากไม่ได้ กลืนลำบาก
        
        ดูว่าผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวลิ้นไปในทิศทางต่างๆ เช่น แลบลิ้น , กระดกลิ้นขึ้นลง , หดลิ้นเข้าปาก , แลบลิ้นไปทางซ้าย-ขวา และวนรอบริมฝีปากได้หรือไม่
        
        ฝึกให้ผู้ป่วยได้รับการฝึกกลืนโดยจัดให้เป็นอาหาร BD + โจ๊กถ้วยเล็ก ในทุกวัน จันทร์ อังคาร พฤหัสบดี
        
        การประเมินผล
        ไม่มีอาการสำลักขณะฝึกกลืนอาหาร
  - - - วัตถุประสงค์
        ส่งเสริมการดูแลตนเอง การเคลื่อนไหว และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน คือ เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ ปลายมือ ปลายเท้าเขียว ปากม่วง กระสับกระส่าย
        
        ลักษณะการหายใจปกติ อัตราการหายใจ 12-24 BPM , O2Sat 95-100%
        
        spirometor ได้ค่าประมาณ 500 mmHg ตามน้ำหนักตัวผู้ป่วย
        
        ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
        
        ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีบาดแผลเกิดขึ้นตามร่างกาย
        
        barden score น้อยกว่า 15 คะแนน
        
        Fall score น้อยกว่า 10 คะแนน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินด้านการหายใจ ลักษณะการหายใจ และสังเกตอาการ cyanosis เช่น ริมฝีปาก ปลายมือ ปลายเท้าเขียว และประเมินประสิทธิภาพการทำงานของระบบหายใจ โดยใช้spirometer
        
        ประเมินลักษณะผิวหนัง เช่น ไม่มีบาดแผล รอยถลอก รอยแดงที่บ่งบอกถึงภาวะเกิดแผลกดทับ
        
        ทำการ Acitive-assistive exercise เพื่อให้ปอดขยายตัว จะได้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนมากขึ้นโดยทำอย่างน้อย วันละ 2รอบ (set) รอบละ 3 ครั้ง เช่น การฝึกหัดให้ผู้ป่วยยกปลายเท้าให้สูงขึ้น เป็นต้น
        
        สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยขับเสมหะออกจากหลอดลมและปอด ทำวันละหลายๆ ครั้ง ก่อนไอ หายใจเข้า – ออกลึกๆ ประมาณ 4-5 ครั้ง สูดลมหายใจเข้าเต็มที่ กลั้นไว้แล้วหายใจออกพร้อมกับไอแรงๆ 2-3 ครั้ง
        
        สังเกตความถี่ ปริมาณ และลักษณะอุจจาระและปัสสาวะที่ขับถ่ายออกมา
        
        ดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ และดูแลไม่ให้สายสวนปัสสาวะหัก พับ งอ
        
        การดูแลพลัดตกหกล้ม- ติดเครื่องหมายที่เตียงหรือประตูห้อง และในรายงานผู้ป่วย เพื่อระบุว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงและย้ายผู้ป่วยไปไว้ใกล้ Nurse station หรือบริเวณที่พยาบาลสามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด- ปรับเตียงที่ผู้ป่วยนอนให้อยู่ในระดับต่ำสุด ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทั้งสองข้างไว้ตลอดเวลา ตรวจดูความแข็งแรงและ ประสิทธิภาพของไม้กั้นเตียงปรับเตียงต่ำสุดและล็อกล้อเตียงทุกครั้ง
        
        ป้องกันการเกิดแผลกดทับ
        
        อาบน้ำทำความสะอาด นวดหลังและผิวหนังบริเวณที่มีปุ่มกระดูก เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ถ้าผิวหนังแห้งให้ทาน้ำมัน หรือโลชั่นช่วยให้ผิวหนังมีความชุมชื้นขึ้น
        
        ดูแลผ้าปูที่นอนให้สะอาดแห้ง และเรียบตึงอยู่เสมอ อาจเสริมที่นอนฟองน้ำหรือที่นอนลมให้ผู้ป่วย เพื่อช่วยกระจายแรงกดทับไม่ให้กดผิวหนังบริเวณหนึ่งบริเวณใดมากเกินไป ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยนอนแช่อุจจาระเวลานานและทำการพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก2 ชั่วโม
        
        ดูแลให้ได้รับยาตามการรักษาของแพทย์และสังเกตอาการข้างเคียงของยา
        
        POTASSIUM CHLORIDE 500 mg. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น (ป้องกันภาวะ hypokalemia)
        
        SOMAZINA DROP SOLN. 100 mg/ml. SOL 30 ml รับประทานครั้ง ละ 10 cc วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น (ยาป้องกันเซลล์ในสมองตาย หรือยาบำรุงเซลล์ในสมอง)
        
        KEPPRA 500 mg. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น (เป็นยาระงับการชัก)
        
        HEPALAC SYRUP 100 ml รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (30 cc) วันละ 1 ครั้ง ก่อน นอน prn (เป็นน้ำตาล สังเคราะห์ช่วยรักษาอาการท้องผูก)
        
        OMEPRAZOLE CAPSULES 20 mg. CAP. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น (ช่วยลดกรดใน กระเพาะอาหาร)
        
        VISLUBE DROP 0.3 ml. 20 s หยอดตา 2 ข้าง ครั้งละ 1 หยด วัน ละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และ ก่อนนอน (ใช้รักษาโรคตาแห้งและแผลที่ผิวกระจกตา)
        
        DOBELL SOLUTION 180 ml อมบ้วนปาก และกลั้วคอ วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น (ใช้รักษาและป้องกันการติดเชื้อในช่องปากและลำคอ ยาจะช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ลดอาการบวมแดงของเหงือกและฟัน)
        
        PARACETAMOL BP 500 mg. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง prn (ยาแก้ปวดและลดไข้)
        
        MUCINLIN SF POWDER 5gm 1 ซองละลายน้้า 1 แก้ว ดื่มวันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร เย็น (เป็นยารักษาอาการท้องผูก)
        
        MILK OF MAGNESIA 240 ml. รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ถ้า ไม่ถ่ายมากกว่า 3 วัน (ยาในกลุ่มยาระบาย ทำงานโดยการช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ใหญ่จากเนื้อเยื่อรอบๆ อาจใช้เป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร)
        
        ITRA 100 mg. CAP รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า (ยาจะออกฤทธิ์ ทำให้หยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา)
        
        การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน คือ เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ ปลายมือ ปลายเท้าเขียว ปากม่วง กระสับกระส่าย
        
        อัตราการหายใจ 18 BPM , O2Sat 100%
        
        ผู้ป่วยมีปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
        
        ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีบาดแผลเกิดขึ้นตามร่างกาย
        
        ผู้ป่วยมีbarden score = 15 คะแนน
        
        ผู้ป่วยมี Fall score 10 คะแนน