Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินสัญญาณชีพ - Coggle Diagram
การประเมินสัญญาณชีพ
กระบวนการพยาบาลในการประเมินสัญญาณชีพ
1.การประเมินสภาพ
ซักประวัติการสัมผัสเชื้อ ระยะเวลา การรักษาก่อนมาโรงพยาบาล
ตรวจร่างกาย และประเมินสัญญาณชีพ
จากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจพิเศษอื่นๆ
2.ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ไม่สุขสบายเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายสูง
มีภาวะติดเชื้อในร่างกาย
3.การวางแผนการพยาบาล
วางแผนการพยาบาลเพื่อให้ผู้ป่วยมีอุณหภูมิร่างกายปกติ
ป้องกันอาการชักจากภาวะไข้สูงและให้ผู้ป่วยสุขสบายขึ้น
4.การปฏิบัติการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
เช็ดตัวลดไข้โดยใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น
ดูแลให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอเพื่อชดเชยปริมาณสารน้ำที่สูญเสีย
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ อาการถ่ายเทได้สะดวก
ให้ยา Paracetmol ลดไข้/ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ (กรณีมีการติดเชื้อร่วมด้วย)
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
5.การประเมินผลสัญญาณชีพ
ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่น
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
กรณีตัวอย่าง ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการมีไข้ ไอ มีน้ำมูก วัดสัญญาณชีพ อุณหภูมิ 38.7องศาเซลเซียส ชีพจร 98 ครั้งต่อนาที หายใจ 24 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 110 / 70 มิลลิเมตรปรอท
อุณหภูมิของร่างกาย
ปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างความร้อน และการระบายความร้อนออกจากร่างกาย
กลไกของร่างกาย (Physiological mechanisms)
การเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย
อัตราการใช้พลังงานของร่างกายเพื่อดำรงกิจกรรมที่จำเป็น
การทำงานของกล้ามเนื้อ
การเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนไทร็อกซิน
ภาวะไข้
แบ่งชนิดกลไกของร่างกาย
การนำความร้อน (Conduction)
การระบายความร้อนโดยอาศัยสื่อร่างกายต้องสัมผัสโดยตรงกับสิ่งที่เย็นกว่า
การดื่มน้ำขณะมีไข้เมื่อปัสสาวะน้ำจะนำความร้อนออกจากร่างกายทำให้ไข้ลดลง
การพาความร้อน (Convection)
การระบายความร้อนโดยอาศัยตัวกลาง
การเช็ดตัวขณะมีไข้น้ำจะเป็นตัวพาความร้อนออกจากร่างกายทำให้ไข้ลดลง
การแผ่รังสี (Radiation)
การส่งผ่านความร้อนในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพื้นผิววัตถุหนึ่งไปยังพื้นผิวของอีกวัตถุหนึ่ง โดยไม่มีการสัมผัสกันของทั้ง 2 พื้นผิว
การยืนผิงไฟจะทำให้ได้รับความร้อนจากการแผ่รังสีความร้อน
การระเหยเป็นไอ (Evaporation)
การระบายความร้อนออกมาโดยการระเหยจากพื้นผิวของร่างกาย
การระบายความร้อนออกมาโดยการระเหยของน้ำไปเป็นไอ
ทางผิวหนัง
ทางลมหายใจ
ทางอุจจาระปัสสาวะ
กลไกของการเกิดพฤติกรรม (Behavioral mechanism)
การถอดเสื้อผ้า
สิ่งตกแต่งที่ทำให้อุ่น
การลดกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มพื้นที่ผิวให้สามารถระบายความร้อน
เคลื่อนย้ายไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็น
ปัจจัยที่มีผลต่ออุณหภูมิของร่างกาย
ความผันแปรในรอบวัน
ระหว่างวันอุณหภูมิร่างกายปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน
เปลี่ยนแปลงได้มากถึง 2.0˚
อายุ
อุณหภูมิร่างกายของเด็กทารกแรกเกิดจะไม่คงที่
เนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายยังทำงานไม่เต็มที่จนกว่าจะถึงวัยผู้ใหญ่
การออกกำลังกาย
พลังงานความร้อนจะถูกผลิตออกมาจากการหดตัว และการคลายตัวของกล้ามเนื้อ
มีการทำงานเพิ่มขึ้นของระบบอื่น ๆ
ระบบไหลเวียน
ระบบหายใจ
อารมณ์
ความเครียดจะทำให้ไปกระตุ้นระบบประสาทซิมพาธิติก
เพิ่มการหลั่ง Epinephrine และ Nor-epinephrine
ทำให้มีการผลิตความร้อนเพิ่มมากขึ้น
ฮอร์โมน
เพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายมากกว่าเพศชาย
สิ่งแวดล้อม
ภาวะโภชนาการและชนิดของอาหารที่รับประทาน
คนผอมมากจะมีเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและไขมันน้อย
ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายต่ำ
การรับประทานเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น
ทำให้อุณหภูมิภายในช่องปากเปลี่ยนแปลงได้
การติดเชื้อในร่างกาย
แบคทีเรีย
การประเมินอุณหภูมิของร่างกาย
การวัดอุณหภูมิทางปาก (Oral temperature)
นิยมใช้มากที่สุด
ใช้ปรอทวัดไข้ชนิดอมในปาก
การวัดอุณหภูมิทางรักแร้(Axillary temperature)
ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถวัดอุณหภูมิทางปากและทางทวารหนัก
ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
การวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก (Rectal temperature)
ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถวัดอุณหภูมิทางปากและทางทวารหนัก
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว
การวัดอุณหภูมิโดยใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic temperature)
การวัดทางหู
เป็นวัดอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย
มีข้อห้ามในผู้ป่วยที่แก้วหูทะลุหรือมีรอยแผลที่แก้วหูหรือีขี้หูหรือมีหูน้ำหนวก
การวัดทางผิวหนัง
หน้าผาก
หลังใบหู
ซอกคอ
ภาวะอุณหภูมิร่างกายผิดปกติและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิของร่างกายผิดปกติ
อุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ(Hyperthermia)
ภาวะที่ร่างกายมีการผลิตหรือรับความร้อนมากแต่ไม่สามารถระบายความร้อนออกไปนอกร่างกายได้
ไข้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ระยะเริ่มต้น หรือระยะหนาวสั่น
อัตราการเต้นของชีพจรและการหายใจเพิ่มขึ้น
หนาวสั่น
ผิวหนังเย็น
เหงื่อออกน้อย
ระยะไข้
หน้าแดง
ผิวหนังอุ่น
รู้สึกร้อนหรือหนาว
ระยะสิ้นสุดไข้
ผิวหนังแดงและรู้สึกอุ่น
เหงื่อออก
อาการหนาวสั่นลดลง
การลูบตัวลดไข้มี 4 วิธี
การลูบตัวด้วยน้ำธรรมดา (Tepid sponge)
ลูบตัวเพื่อลดไข้ด้วยผ้าชุบน้ำให้เปียกหมาดๆ
การลูบตัวด้วยน้ำเย็นจัด (Cold sponge)
ลูบตัวด้วยน้ำเย็นจะทำให้อุณหภูมิที่ผิวหนังต่ำ
ช่วยลดอุณหภูมิได้มากที่สุดในทันทีที่เช็ดตัวเสร็จ
ใช้เช็ดตัวผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงมาก ๆ
การลูบตัวด้วยน้ำอุ่น (Warm sponge)
ลูบตัวเพื่อลดไข้ด้วยน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิประมาณ 40 °C
ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายในขณะเช็ดตัว
ไม่มีปัญหาการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับอุณหภูมิของน้ำ
การเช็ดตัวด้วยแอลกอฮอล์ (Alcohol sponge)
ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว
แต่อาจทำให้ผิวหนังแห้งแตกได้
แอลกอฮอล์มีคุณสมบัติละลายไขมัน
อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ(Hypothermia)
อุณหภูมิแกนกลางของร่างกายต่ำกว่าอุณหภูมิปกติ คือต่ำกว่า 36 °
ผู้ป่วยอาจมีอาการหนาวสั่นร่วม
ด้วย
สัญญาณชีพ
ความหมายของสัญญาณชีพ
เป็นสิ่งที่แสดงให้ทราบถึงการมีชีวิต
สังเกตและตรวพบได้จาก
อุณหภูมิ
ชีพจร
การหายใจ
ความดันโลหิต
ข้อบ่งชี้ในการวัดสัญญาณชีพ
เมื่อแรกรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล
วัดตามระเบียบแบบแผนที่ปฏิบัติของโรงพยาบาลหรือตามแผนการรักษาของแพทย์
ก่อนและหลังการผ่าตัด
ก่อนและหลังการตรวจวินิจฉัยโรคที่ต้องใส่เครื่องมือตรวจเข้าไปภายในร่างกาย
ก่อนและหลังให้ยาบางชนิดที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด การ
หายใจ และการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
เมื่อสภาวะทั่วไปของร่างกายผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง
ความรู้สึกตัวลดลง
มีความรุนแรงของอาการปวดเพิ่มขึ้น
ก่อนและหลังการให้การพยาบาลที่มีผลต่อสัญญาณชีพ
ก่อนให้ผู้ป่วยที่เดิม Bedrest มีการ ambulate
ค่าปกติของสัญญาณชีพ
ค่าสัญญาณชีพของแต่ละบุคคล ปกติจะไม่เท่ากัน
อายุ
เพศ
ตรวจในขณะพัก
หลังการเคลื่อนไหว
ชีพจร
ความหมายและปัจจัยที่มีผลต่อการเต้นของชีพจร
การหดและขยายตัวของผนังหลอดเลือด
เกิดจากการบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้าย
ทำให้คลื่นความดันเลือดไปดันผนังเส้นเลือดแดงให้ขยาย
ปัจจัยที่มีผลต่อการเต้นของชีพจร
อายุ
อายุเพิ่มขึ้นอัตราการเต้นของชีพจรจะลดลง
เพศ
หญิงจะเร็วกว่าชายเล็กน้อยในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ
การออกกำลังกาย
กล้ามเนื้อต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น
ทำให้เพิ่มการเต้นของหัวใจเพื่อจะได้นำออกซิเจนไปกับกระแสเลือดเพิ่มขึ้น
ภาวะไข้
อัตราการเต้นของชีพจรเพิ่มขึ้น เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความดันเลือดที่ต่ำลง
ยา
ยาบางชนิดลดอัตราการเต้นของชีพจร
อารมณ์
กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกทำให้หัวใจบีบตัวเร็วขึ้น
ท่าทาง
ท่ายืนหรือนั่งชีพจรจะเต้นเร็วขึ้น
ท่านอนชีพจรจะช้าลง
ภาวะเสียเลือด
ทำให้เพิ่มการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาธิติค ทำให้อัตราการเต้นของชีพจรสูงขึ้น
การประเมินชีพจร
นิยมคลำตามตำแหน่งเส้นเลือดแดงที่ผ่านเหนือหรือข้าง ๆ กระดูก
เรียกชื่อชีพจรตามตำแหน่งของหลอดเลือดที่จับได้
Temporal pulse จับที่เหนือและข้าง ๆ ตา บริเวณ Temporal bone
Carotid pulse อยู่ด้านข้างของคอ คลำได้ชัดเจนที่สุดบริเวณมุมขากรรไกรล่าง
Brachial pulse อยู่ด้านในของกล้ามเนื้อ Bicep คลำได้ที่บริเวณข้อพับแขนด้านใน
Radial pulse อยู่ที่ข้อมือด้านในบริเวณกระดูกปลายแขนด้านนอกหรือด้านหัวแม่มือ
Femoral pulse อยู่บริเวณขาหนีบตรงกลาง ๆ ส่วนของเอ็นที่ยึดขาหนีบ
Popliteal pulse อยู่บริเวณตรงกลางข้อพับเข่า ถ้างอเข่าจะสามารถคลำได้ง่ายขึ้น
Dorsalis pedis pulse อยู่บริเวณกลางหลังเท้าระหว่างนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้
Apical pulse อยู่ที่ยอดของหัวใจ หน้าอกด้านซ้ายบริเวณที่ตั้งของหัวใจ
Posterior tibial pulse อยู่บริเวณหลังปุ่มกระดูกข้อเท้าด้านใน
ลักษณะชีพจรที่ผิดปกต
อัตราการเต้นของชีพจรขึ้นอยู่กับระบบประสาทอัตโนมัติ 2 ส่วน
ระบบประสาทพาราซิมพาธิติค
เมื่อถูกกระตุ้นมีผลให้อัตราการเต้นของชีพจรลดลง
ระบบประสาทซิมพาธิติค
เมื่อถูกกระตุ้นมีผลเพิ่มอัตราการเต้นของชีพจร
การจับชีพจรสิ่งที่ต้องสังเกต
อัตรา (Rate) การเต้นของชีพจร
ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ
ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจในผู้ใหญ่มากกว่า 100 ครั้ง/นาที
Tachycardia
ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจในผู้ใหญ่น้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที
Bradycardia
จังหวะ (Rhythm) การเต้นชีพจร
จังหวะของชีพจรปกติ
มีช่วงพักระหว่างจังหวะเท่ากัน ชีพจรเต้นสม่ำเสมอ
จังหวะของชีพจรผิดปกติ
ชีพจรที่เต้นไม่เป็นจังหวะแต่ละช่วงพักไม่สม่ำเสมอ ชีพ
จรเต้นไม่สม่ำเสมอ
อาจจะมีจังหวะการเต้นสม่ำเสมอสลับกับไม่สม่ำเสมอ
ปริมาตรความแรง (Volume)
ขึ้นอยู่กับปริมาตรของเลือดในการกระทบผนังของหลอดเลือดแดง
การหายใจ
ความหมายและปัจจัยที่มีผลต่อการหายใจ
การนำออกซิเจนจากอากาศเข้าสู่ร่างกาย และขับคาร์บอนไดออกไซด์
ออก โดยผ่านปอดตามลมหายใจเข้าออก
การหายใจเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างปอดกับอากาศภายนอก
การสูดเอาอากาศเข้าไปในถุงลมของปอด เรียกว่าการหายใจเข้า (Inspiration or Inhalation)
มีการยกตัวของกระดูกซี่โครงพร้อมๆกับกระบังลมมีการหย่อนต่ำลงในท้อง
มีการขยายตัวของทรวงอกและหน้าท้อง
ปอดจึงขยายตัวรับอากาศจากภายนอกเข้ามา
การไล่อากาศออกจากปอด เรียกว่าการหายใจออก (Expiration or Exhalation)
มีการหดตัวเข้าหากันของกระดูกซี่โครง
ทำให้หน้าอกบุ๋มลง พร้อม ๆ กับกระบังลมจะดันตัว
สูงขึ้นไปในช่องอก
ช่องอกแคบเข้า ปอดจะถูกบังคับให้แฟบลง
อากาศถูกขับออกมาทางจมูก
การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งอยู่ในเลือด กับเซลล์ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย (Internal respiration)
ออกซิเจนจากการหายใจเข้าถูกนำไปสู่เซลล์ต่าง ๆ
โดยเส้นเลือดแดง ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์จะซึมผ่านเข้าเส้น
เลือดดำ
นำกลับไปฟอกที่ปอด
ถุงลมคาร์บอนไดออกไซด์จะซึมออกจากเส้นเลือดดำเข้าสู่ถุงลม
ในปอด แล้วขับออกพร้อมลมหายใจออก
ปัจจัยที่มีผลต่อการหายใจ
การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์สภาวะแวดล้อม
อิทธิพลจากความเจ็บป่วย
การประเมินการหายใจ
การนับอัตราการหายใจเข้าและออกับเป็นการหายใจ 1 ครั้งไป
จนครบ 1 นาที
วัตถุประสงค์
ตรวจสอบการทำงานของปอดและทางเดินของลมหายใจ
ลักษณะการหายใจที่ผิดปกติ
การนับการหายใจแต่ละครั้ง สิ่งที่ต้องสังเกตในขณะนับการหายใจ
อัตราเร็วของการหายใจ มีหน่วยเป็นครั้งต่อนาทีซึ่งการหายใจ 1 ครั้ง
อัตราการหายใจที่ผิดปกติ
Tachypnea อัตราการหายใจในผู้ใหญ่ มากกว่า 24 ครั้ง/นาที
Bradypnea อัตราการหายใจในผู้ใหญ่ น้อยกว่า 10 ครั้ง/นาที
Apnea การหยุดหายใจ
วัยผู้ใหญ่อัตราการหายใจปกติอยู่ระหว่าง 12-20 ครั้งต่อนาที
หายใจเข้าและหายใจออก 1 รอบ
ความลึกของการหายใจ
Hypoventilation เป็นการหายใจช้าและตื้น
Hyperventilation เป็นการหายใจเร็วและลึก
จังหวะของการหายใจ
Cheyne stokes
เป็นการหายใจเป็นช่วง ๆ ไม่สม่ำเสมอจะเพิ่มอัตราการ
หายใจ หายใจเร็วลึกและตามด้วยช่วงที่หยุดหายใจ แล้วกลับมาหายใจเร็วอีก
Biot
เป็นการหายใจปกติสลับกับการหายใจเร็วลึก ไม่สม่ำเสมอเป็นช่วงสั้นๆ
2-3ครั้ง แล้วตามด้วยหยุดหายใจช่วงสั้น ๆ อีก
ลักษณะของการหายใจปกติ (Eupnea)
Dyspnea
เป็นอาการหายใจลำบาก การหายใจต้องใช้แรงมากกว่าปกติ
Orthopnea
เป็นอาการหายใจลำบากในท่านอนราบจะหายใจได้ต้องลุกขึ้นนั่ง
หรือยืนเท่านั้น
Paroxysmal nocturnal dyspnea
เป็นอาการหายใจลำบากในตอนกลางคืน
หายใจหอบรุนแรงจนต้องลุกนั่งหายใจเข้าลึก ๆ อาการจึงทุเลาลง
เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว
Paroxysmal dyspnea
อาการหอบอย่างรุนแรง ต้องลุกนั่งไอมีเสมหะ ลักษณะเป็นฟองละเอียดออกมา กระวนกระวาย หายใจมีเสียงดังทั้งหายใจเข้าและออก
สาเหตุมาจากภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน
Air hunger
เป็นการพยายามหายใจโดยใช้ทั้งทางจมูก และปากอย่างรุนแรง
พบในผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต
ลักษณะเสียงหายใจที่ผิดปกติ
Stridor
เสียงฟืด เป็นเสียงที่ได้ยินขณะหายใจเข้า
เนื่องจากมีการอุดกั้นในหลอดลมใหญ่ หรือกล่องเสียง
Wheeze
เป็นเสียงวี๊ดได้ยินขณะหายใจออก
พบในผู้ป่วยที่มีหลอดลมตีบแคบ
สีของผิวหนังที่ผิดปกติ
Cyanosis
พบเยื่อบุและผิวหนังมีสีม่วงคล้ำ
บ่งชี้ถึงการขาดออกซิเจนเนื่องจากปริมาณออกซิเจนในเลือดลดลง
ความดันโลหิต
ความหมายและปัจจัยที่มีผลต่อความดันโลหิต
ปัจจัยที่มีผลต่อความดันโลหิต
อายุ
เด็กแรกเกิดจะมี Systolic pressure ประมาณ 40-70 มิลลิเมตรปรอท
ผู้ใหญ่ปกติมี Systolic pressure ระหว่าง 90-140 มิลลิเมตรปรอท
ผู้สูงอายุความดันโลหิตจะสูงขึ้นเนื่องจากความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง
อิริยาบถขณะวัดความดันโลหิตและการออกกำลังกาย
ควรวัดในขณะที่ร่างกายผ่อนคลาย
การทำกิจกรรมต่างๆ
มีผลทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญสูงขึ้น
การสูบฉีดเลือดในร่างกายจะมากขึ้น
ทำให้ความดันโลหิตสูงกว่ายามปกติได้
ความเครียดและการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ทำให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้น
เส้นเลือดหดตัว
ความดันโลหิตจึงสูงขึ้นได้
ลักษณะของร่างกายและปัจจัยอื่น ๆ
รูปร่าง
คนอ้วนความดันโลหิตมักสูงกว่าคนผอม
เพศ
เพศชายมักมีความดันโลหิตสูงกว่าเพศหญิงในวัยเดียวกัน ยกเว้นเพศหญิงในวัยหมดประจำเดือน
ยา
ยาที่มีผลต่อการหดรัดตัวของหลอดเลือดจะทำให้ความดันโลหิตสูง
ยาที่มีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือดจะทำให้ความดันโลหิตต่ำ
ความดันโลหิต
แรงดันของเลือดที่ไปกระทบกับผนังเส้นเลือดแดง
การประเมินความดันโลหิต
วิธีประเมินความดันโลหิตมี 2 วิธี
การวัดความดันโลหิตโดยทางตรง
การวัดความดันโลหิตโดยทางอ้อม
การวัดความดันของหลอดเลือดแดง มี2 วิธี
วิธีการฟัง
วิธีการคลำ
เครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดความดันโลหิต
Stethoscope และ Sphygmomanometer
แบบแท่งปรอท (Mercury column)
แบบแป้นกลม
ลักษณะความดันโลหิตที่ผิดปกติ
Hypertension
ความดันโลหิตสูง
Systolic สูงกว่า 140 mmHg และ Diastolic สูงกว่า 90 mmHg
ปวดศีรษะ
ตาพร่า
คลื่นไส้อาเจียน
ชักและหมดสติในที่สุด
Hypotension
ความดันโลหิตต่ำโดย
Systolic ต่ำกว่า 90 mmHgและ Diastolic ต่ำกว่า 60 mmHg
อ่อนเพลีย
ไม่มีแรง
เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
เหงื่อออก
ตัวเย็น
Orthostatic hypotension
ความดันโลหิตตกในท่ายืน
การเปลี่ยนจากท่านอนราบเป็นท่ายืนทันที
ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงทันที