Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง - Coggle Diagram
การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง
การจำแนกประเภทของทารกแรกเกิด
การจ้าแนกตามน้ำหนัก
Low birth weight infant (LBW infant)
คือ ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่า 2,500 กรัม
Very low birth weight คือ น าหนักต่ ากว่า 1,500 กรัม
low birth weight (ELBW) คือน าหนักต่ ากว่า 1,000 กรัม
Normal birth weight infant (NBW infant)
ทารกที่มีน าหนักแรกเกิด 2,500 กรัม ถึงประมาณ3,800 – 4,000 กรัม
Neonatal period เป็นทารกที่มีน าหนักต่ ากว่า 2,500 กรัม
การจ้าแนกตามอายุครรภ์
ทารกเกิดก่อนกาหนด (Preterm Preterm infant ) คือ ทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์
ทารกแรกเกิดครบกาหนด (TermTerm or mature infant ) คือทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์ มากกว่า 37สัปดาห์ ถึง 41 สัปดาห์
ทารกแรกเกิดหลังกาหนด (Posterm Posterm infant ) ทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์มากกว่า 41 สัปดาห์
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ทารกคลอดเมื่ออายุครรภ์ < 37 สัปดาห์
สาเหตุ /ปัจจัยส่งเสริม
มารดามีภาวะแทรกซ้อน
มารดาป่วยเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ไต ติดเชื้อ
ตั งครรภ์แฝด มารดาติดยาเสพติด
เศรษฐานะไม่ดี
อายุน้อยกว่า 16 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
ลักษณะ
น้ำหนักน้อย รูปร่างรวมทั้งแขนขามีขนาดเล็ก
ผิวหนังบางสีแดงและเหี่ยวย่น มองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจน
ลายฝ่ามือฝ่าเท้ามีน้อยและเรียบ เล็บมือเล็บเท้าอ่อนนิ่มและสั้น
มีกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Subcutaneous fat ) น้อย
หายใจไม่สม่าเสมอ มีการกลั นหายใจเป็นระยะ (Periodic Periodic breathing breathing ) เขียว และหยุดหายใจได้ง่าย (Apnea Apnea)
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อไม่ดี ทารกมักจะเหยียดแขนและขาขณะนอนหงาย
เสียงร้องเบา และร้องน้อยกว่าทารกแรกเกิดครบกาหนด Reflex Reflex ต่าง ๆ มีน้อยหรือไม่มี
หัวนมมีขนาดเล็ก หรือมองไม่เห็นหัวนม
ท้องป่อง เพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง
ขนาดของอวัยวะเพศค่อนข้างเล็ก ในเพศชายลูกอัณฑะยังไม่ลงในถุงอัณฑะ
ปัญหา
การควบคุมอุณหภูมิ
Hypothermia อุณหภูมิ < 36.5 องศาเซลเซียส
อาการและอาการแสดง ใบหน้าแดงผิวหนังเย็น เขียวคลา หยุดหายใจ หายใจลาบาก ปลายมือ ปลายเท้าเย็น
ภาวะแทรกซ้อน นาตาลในเลือดต่า ภาวะเลือดเป็นกรด ความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นน้ำหนักไม่ขึ น ท้องอืด เลือดออกใน โพรงสมอง เลือดออกในปอด ไตวาย DIC และ PPHN
การวัดอุณหภูมิทารก
ทางทวารหนัก
ทารกเกิดก่อนกาหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 2.5 ซม
ทารกครบกาหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 3.0 ซม.
ทางรักแร้
ทารกเกิดก่อนกาหนด วัดนาน 5 นาที
ทารกครบกาหนด วัดนาน 8 นาที
การดูแล
จัดให้อยู่ในที่อุณภูมิเหมาะสม (NTE ) 32-34องศาเซลเซียส
วัดอุณภูมิเด็ก Body Bodytemperature temperature เด็ก 36.8 -37.2 องศาเซลเซียส
ใช้ warmer , incubator หรือผ้าห่มห่อตัว
หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้แอร์พัดลม ระวัง “Cold Coldstress ”
การพยาบาลทารกที่ได้รับการรักษาในตู้อบ
1.ไม่เปิดตู้อบโดยไม่จาเป็นให้การพยาบาลโดยสอดมือเข้าทางหน้าต่างตู้อบ
2.ป้องกันการสูญเสียความร้อนของร่างกายทารก4 ทาง
3.ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายทุก4 ชม.และปรับให้เหมาะสมกับสภาพของทารก
4.เช็ดทาความสะอาดตู้ทุกวัน
การควบคุมอุณหภูมิทารกที่อยู่ใน Incubator
เป้าหมายให้อุณหภูมิกายทารกอยู่ในเกณฑ์ปรกติคือ 37 C (+/ C (+/-0.2 C)
กรณีทารกอยู่ในตู้อบปรับอุณหภูมิด้วยมือ หรือ ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
ปรับอุณหภูมิตู้อบเริ่มที่36 C
ปรับอุณหภูมิตู้อบเพิ่มขึ นครั งละ 0.2C ทุก 15 – 30 นาที
กรณีไม่ได้ใช้ตู้อบผนัง2 ชั้น
ถ้าวัดอุณหภูมิกายได้36.8o C -37.2 oC เป็นเวลา2ครั งติดกันให้ปรับอุณหภูมิตู้อบตาม Neutral thermal environment (NTE) แล้วติดตามอุณหภูมิกายต่อทุก 15 -30 นาทีอีก 2 ครั งและต่อไปทุก 4ชม.
ควรใส่ปรอทสาหรับวัดอุณหภูมิตู้อบ
กรณีทารกอยู่ในตู้อบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ Skin Servocontrol mode
ติด Skin probe บริเวณหน้าท้อง
ปรับอุณหภูมิตู้อบเริ่มที่36.5C
ปรับอุณหภูมิตู้อบเพิ่มขึ นครั งละ 0.1 C ทุก 15 – 30 นาที
ถ้าวัดอุณหภูมิกายได้36.8 C -37.2 C เป็นเวลา2ครั้งติดกัน ให้ปรับอุณหภูมิตู้อบตาม Neutral thermal environment (NTE) แล้วติดตามอุณหภูมิกายต่อทุก 15-30นาทีอีก 2ครั งและต่อไปทุก 4ชม.
ปัญหาทางระบบทางเดินหายใจและพิษออกซิเจน
Perinatal asphyxia
No asphyxia คะแนน แอพการ์8 –10
Mild asphyxia คะแนนแอพการ์5 – 7
Moderate asphyxia คะแนนแอพการ์3 – 4
Severe asphyxia คะแนนแอพการ์0-2
Respiratory Distress Syndrome(RDS)
ภาวะหายใจลาบากเนื่องจากการขาดสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ของถุงลม
อาการและอาการแสดง
มีอาการหายใจลาบาก (Dyspnea) หายใจเร็วกว่า 60 ครั้ง/ นาที
อาการเขียว
ภาพถ่ายรังสีปอด มีลักษณะ ground glass appearance
การตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีภาวะเลือดเป็นกรด
อาจมีอันตรายจากการหายใจล้มเหลวได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกเกิด
การป้องกัน
มารดาที่มีความเสี่ยงจะคลอดก่อนกาหนดแต่ถุงนาคร่ายังไม่แตก
Betamethazone Betamethazone Betamethazone 12 มิลลิกรัมทางกล้ามเนื อทุก 24ชั่วโมงจนครบ 2ครั ง
Dexamethazone Dexamethazone 6มิลลิกรัมทางกล้ามเนื อทุก 12ชั่วโมงจนครบ 4ครั ง
การป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนในระยะแรกเกิด
การรักษา
การให้ออกซิเจน ตามความต้องการของทารก
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจน
ให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อทาให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้น ลดความรุนแรงของภาวะหายใจลาบาก
4รักษาแบบประคับประคองตามอาการ
apnea of prematurity
central apnea ภาวะหยุดหายใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม
obstruction apnea ภาวะหยุดหายใจที่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
จัดท่านอนที่เหมาะสม ศีรษะสูง เงยคอเล็กน้อย
สังเกตอาการขาดออกซิเจน หายใจเร็ว เขียว ปีกจมูกบาน อกบุ๋ม (chest wall r chest wall retraction etraction ) ,
suction เมื่อจ้าเป็น
ระวัง การส้าลัก
ให้การพยาบาลทารกขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ
Retinopathy of Prematurity(ROP)
การงอกผิดปกติของเส้นเลือด (neovascularization) บริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี ยงและจอประสาทตา ที่ขาดเลือด
ระยะเวลาการตรวจหาROP
ตรวจครั งแรกเมื่อทารกอายุ 4– 6สัปดาห์ หรือเมื่อทารกอายุครรภ์รวมอายุหลังเกิด 32สัปดาห์
ถ้าไม่พบการด้าเนินของโรค ตรวจซ้าทุก 4สัปดาห์
ถ้าพบว่ามีการด้าเนินของโรคอยู่ตรวจซ้าทุกอาทิตย์หรือตามแผนการติดตามประเมินของแพทย์
หลังจากทารกกลับบ้านแล้วถ้าไม่มีการด้าเนินของโรค นัดมาตรวจซ้า
ถ้าพบ ROP ควรนัดมาตรวจซ้าทุก ๆ 1 – 2สัปดาห์
ปัญหาการติดเชื้อ
Sepsis
Necrotizing Enterocolitis
เป็นผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจน
การได้รับอาหารไม่เหมาะสม เร็วเกินไป
ลำไส้ขาดเลือดมาเลี้ยง
การย่อยและการดูดซึมไม่ดี
การพยาบาล
NPO
ห้ามวัดปรอททางทวารหนัก
แยกจากเด็กติดเชื้อ / แยกผู้ดูแล
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก aseptic technique
เฝ้าระวังสังเกตภาวะติดเชื อ เฝ้าระวังภาวะล้าไส้ทะลุ
ปัญหาระบบหัวใจ , เลือด
PDA (Patent Ductus Ateriosus)
Neonatal Jaundiceหรือ Hyperbilirubinemia
Anemia
ปัญหาเลือดออกในช่องสมอง
IVH (Intra -ventricular Hemorrhage)
Hydrocephalus
ปัญหาทางโภชนาการและการดูดกลืน
Hypoglycemia
NEC (Necrotizing Enterocolitis)
GER (Gastroesophageal Reflux)
การพยาบาล
ให้อาหารอย่างเหมาะสมกับสภาพของทารก
gavage feeding(OG tube ) ในเด็กเหนื่อยง่าย ดูด กลืนไม่ดี
IVF ให้ได้ตามแผนการรักษา
ระวังภาวะ NEC : observe อาการท้องอืด content ที่เหลือ
ประเมินการเจริญเติบโตชั่งน้าหนักทุกวัน (เพิ่มวันละ 15 -30 กรัม)
ปัญหาพัฒนาการล้าช้า
ส่งเสริมสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก
Eye to eye contact
skin to skin contact
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด (Hyperbilirubinemia)
ภาวะตัวเหลืองจากสรีรภาวะ (Physiological jaundice )
การทางานของตับจึงทาให้กระบวนการในการขับบิริลูบินออกยังทาได้ช้า พบในช่วงวันที่ 2 – 4 หลังคลอด หายไปเองใน 1 – 2 สัปดาห์
ภาวะตัวเหลืองจากพยาธิภาวะ ( Pathological jaundice )
ภาวะที่ทารกมีบิลลิรูบินในเลือดสูงมากผิดปกติ และเหลืองเร็ว ภายใน 24ชั่วโมงแรกหลังเกิด
สาเหตุ
1.มีการสร้างบิลลิรูบินเพิ่มขึ นมากกว่าปกติ จากภาวะต่างๆที่มีการทาลายเม็ดเลือดแดง
มีการดูดซึมของบิลิรูบินจากลาไส้มากขึ น จากภาวะต่างๆเช่น ภาวะลาไส้อุดตัน
มีการกาจัดบิลิรูบินได้น้อยลง จากท่อนาดีอุดตัน การขาดเอนไซด์บางชนิดแต่กาเนิด
มีการสร้างบิลิรูบินเพิ่มมากขึ น ร่วมกับการกาจัดได้น้อยลง ได้แก่ การติดเชื้อ
มีการดูดซึมของบิลิรูบินจากลาไส้มากขึ้น จากภาวะที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การรักษา
การส่องไฟ (phototherapy)
การเปลี่ยนถ่ายเลือด (exchange transfusion)
ปัญหานาตาลในเลือดต่ำ
น้าตาลในเลือดต่้าหมายถึงระดับ น้าตาลในพลาสมาต่้ากว่า 40 mg%
อาการแสดง
ซึม ไม่ดูดนม มีสะดุ้งผวา อาการสั่น ซีดหรือเขียว หยุดหายใจ ตัวอ่อนปวกเปียก อุณหภูมิกายต่้า ชักกระตุก
สาเหตุ
ไม่ได้รับกลูโคสจากมารดาอีกต่อไป
glycogen ที่ตับสะสมไว้น้อยจึงสร้างกลูโคสได้จ้ากัด รวมทั้งการสร้างกลูโคส (glucogenesis ) เองที่ตับก็ท้าได้น้อย
มีภาวะเครียดทั้งขณะอยู่ในครรภ์ ขณะคลอดและหลังคลอด
การรักษา
ทารกครบกาหนดที่มีอาการ่วมกับระดับนาตาลน้อยกว่า 40มก./ดล.ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
ทารกไม่มีอาการ
MAS
กลไกของร่างกายทารกในครรภ์จะ ป้องกันไม่ให้เกิดการถ่ายขี เทาออกมาปนในนาคร่าขณะ ที่ทารกยังอยู่ในครรภ์มารดา การถ่ายขี้เทาออกมาปนใน นาคร่าขณะที่ทารกอยู่ในครรภ์
1) ลักษณะทางพยาธิสรีรวิทยาปกติที่เกิดจาก การเคลื่อนตัวของลาไส้ที่พัฒนาสมบูรณ์แล้วของทารก ในครรภ์
2)ความผิดปกตินั้นเช่นภาวะรกทางานผิดปกติ(placental insufficiency)ภาวะนาคร่าน้อย(oligohydramnios ) ภาวะติดเชื้อในครรภ์( intra-amniotic infection) โรคในมารดาที่เกิดจากการตั้งครรภ์
ความรุนแรง
อาการรุนแรงน้อย ทารกมีอาการหายใจเร็วระยะสั้นๆ เพียง24-72ชั่วโมง ทาให้แรงดันลดลง และมีค่าความเป็นกรด-ด่างปกติ อาการมักหายไปใน 24-72ชั่วโมง
อาการรุนแรงปานกลาง อาการหายใจเร็วมีความรุนแรงมากขึ้น มีการดึงรั้งของช่องซี่โครง และมีความรุนแรงสูงสุดเมื่ออายุ 24ชั่วโมง
อาการรุนแรงมาก ทารกจะมีระบบหายใจล้มเหลวทันที หรือภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังเกิด
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับออกซิเจน ติดตามอาการแสดงของการขาดออกซิเจน ได้แก่ หายใจเร็ว อกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ใช้กล้ามเนื อช่วยในการหายใจมากขึ้น เขียว
วัดความดันโลหิตทุก2-4 ชั่วโมง เฝ้าระวังการเกิดความดันต่ำจาก PPHN
รบกวนทารกให้น้อยที่สุด
สังเกตอาการติดเชื้อ
ดูแลตามอาการ