Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง, นางสาวพัชราภรณ์ ถิ่นชุมทอง เลขที่ 4 รุ่น…
การพยาบาลทารกที่มีภาวะเสี่ยง
ทารกครบกำหนดที่มีปัญหา
Hyperbillirubinemia
ชนิด
ภาวะตัวเหลืองจากสรีรภาวะ
เกิดจาก
มีการสร้างบิลิรูบินมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเม็ดเลือดแดงอายุสั้นกว่า
ความไม่สมบูรณ์ในการทำงานของตับ
พบในช่วงวันที่ 2 – 4 หลังคลอด หายไปเองใน 1 – 2 สัปดาห์
ภาวะตัวเหลืองจากพยาธิภาวะ
ทารกมีบิลลิรูบินในเลือดสูงมากผิดปกติ และเหลืองเร็วภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังเกิด
สาเหตุ
มีการดูดซึมของบิลิรูบินจากลำไส้เพิ่มขึ้น
ตับกำจัดบิลิรูบินได้น้อยลงเนื่องจากภาวะต่างๆ
มีการสร้างบิลิรูบินเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
อันตรายจากการมีบิลิรูบินสูง
เกิด kernicterus เข้าสู่เซลล์สมอง สมองได้รับบาดเจ็บและมีการตายของเซลล์ประสาท
ทารกมีความพิการของสมองเกิดขึ้นอย่างถาวร
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระดับบิลิรูบิน direct bilirubin indirect bilirubin
หมู่เลือด ABO Rh
Direct Coombs’test
CBC
peripheral blood smear
Reticulocyte count
G-6-PD
การตรวจร่างกาย ซีด เหลือง ตับ ม้ามโตหหรือไม่ มีจุดเลือดออก
ประวัติ
มารดามีโรคประจำตัวการได้รับยา
มีบุคคลในครอบครัวมีโรคเม็ดเลือดแดงแตกง่าย
ประวัติการคลอดของทารก
การรักษา
การส่องไฟ
ภาวะแทรกซ้อน
Diarrhea
Retinal damage
Increased water loss / dehydrationDiarrhea
Bronze baby หรือ tanning
Increases metabolic rate
Disturb of mother-infant interaction
non-specific erythrematous rash
Thermodynamic unstable
การพยาบาล
ปิดตาทารกด้วยผ้าปิดตา
ถอดเสื้อผ้าทารกออกและจัดให้ทารกอยู่ในท่านอนหงายหรือนอนคว่ าและเปลี่ยนท่านอนทุก 2-4
ดูแลให้ทารกได้นอนอยู่บริเวณตรงกลางของแผงหลอดไฟ ห่างหลอดไฟประมาณ35-50 เซนติเมตร
บันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพทุก 2-4 ชม.
สังเกตลักษณะอุจจาระ
ดูแลให้ทารกได้รับการตรวจเลือดหาระดับบิลิรูบินในเลือดอย่างน้อยทุก 12 ชม.
สังเกต
ภาวะขาดน้ำ
ถ่ายเหลว
ดูดนมไม่ดี
มีผื่นที่ผิวหนัง
ภาวะแทรกซ้อนที่ตา
การเปลี่ยนถ่ายเลือด
การพยาบาล
อธิบายให้บิดามารดาทราบ
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อม
ดูแลให้ร่างกายทารกอบอุ่น
ในขณะเปลี่ยนถ่ายเลือดต้องบันทึกปริมาณเลือดเข้า ออก ตรวจวัดสัญญาณชีพ
สังเกตภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจวาย
ภายหลังการเปลี่ยนถ่ายเลือดตรวจวัดสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที ทุก 30 นาที จนกระทั่งคงที่
Hypoglycemia
น้ำตาลในพลาสมาต่ำกว่า 40 mg%
อาการแสดง
ซีดหรือเขียว หยุดหายใจ
ตัวอ่อนปวกเปียก
อุณหภูมิกายต่ำ
มีสะดุ้งผวา อาการสั่น
ไม่ดูดนม
ชักกระตุก
ซึม
สาเหตุ
มีภาวะเครียดทั้งขณะอยู่ในครรภ์ ขณะคลอดและหลังคลอด
glycogen ที่ตับสะสมไว้น้อยจึงสร้างกลูโคสได้จ้ากัด
ไม่ได้รับกลูโคสจากมารดาอีกต่อไป
การรักษา
มีอาการ่วมกับระดับน้ำตาลน้อยกว่า 40 มก./ดล.
ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด
ทารกไม่มีอาการ
แรกเกิด-อายุ 4 ชั่วโมง
ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด 30 นาทีหลังให้นม
ให้นมภายใน 1 ชั่วโมงแรก
อายุ 4-24 ชั่วโมง
ให้นมทุก 2-3 ชั่วโมง
ติดตามระดับน าตาลในเลือดก่อนมื อนม
ให้นมและติดตามระดับน้ำตาลในเลือด 1 ชั่วโมง
การดูแล
เสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ต้องตรวจหาระดับน้ำตาล ภายใน 1-2 ชม.หลังคลอด
น้ำตาลในเลือดต่ำ ตรวจติดตามทุก 30 นาที
ควบคุมอุณหภูมิห้องและดูแลความอบอุ่นแก่ทารก
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
MAS
ความรุนแรง
อาการรุนแรงปานกลาง
อาการหายใจเร็วมีความรุนแรงมากขึ้น
ความรุนแรงสูงสุดเมื่ออายุ 24ชั่วโมง
อาการรุนแรงมาก
ทารกจะมีระบบหายใจล้มเหลวทันที
หรือภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังเกิด
อาการรุนแรงน้อย
ทารกมีอาการหายใจเร็วระยะสั้นๆ เพียง24-72ชั่วโมง
อาการมักหายไปใน 24-72ชั่วโมง
การพยาบาล
รบกวนทารกให้น้อยที่สุด
สังเกตอาการติดเชื้อ
วัดความดันโลหิตทุก2- 4 ชั่วโมง
ดูแลตามอาการ
ดูแลให้ได้รับออกซิเจน ติดตามอาการแสดงของการขาดออกซิเจน
การดูแล
การช่วยการดูแลทางเดินหายใจและการรักษาระบบทางเดินหายใจอย่างเหมาะสม
ดูแลภาวะน้ำหนักตัวแรกเกิดลด
การควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม
ประเมินการขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ
การควบคุมและการป้องกันการติดเชื้อ
ประเมินการแหวะนมและการอาเจียน
เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
การดูแลทางโภชนาการ
การติดตามภาวะความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีปัญหา
ROP
การงอกผิดปกติของเส้นเลือดบริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี้ยงและจอประสาทตาที่ขาดเลือด
ระยะเวลาการตรวจ
ตรวจครั งแรกเมื่อทารกอายุ 4 – 6 สัปดาห์
ถ้าไม่พบการด้าเนินของโรค ตรวจซ ้าทุก 4 สัปดาห์
ถ้าพบ ROP ควรนัดมาตรวจซ ้าทุก ๆ 1 – 2 สัปดาห์
ความรุนแรง
Stage 3 Ridge with extraretinal fibrovascular proliferation
Stage 4 Subtotal retinal detachment: (a) extrafoveal detachment (b) fovealdetachment
Stage 2 Ridge between vascularized and avascular retina
Stage 5 Total retinal detachment
stage1 Demarcation line between vascularized and avascular retina
Hypoglycemia/NEC/GER
การพยาบาล
ให้อาหารอย่างเหมาะสมกับสภาพของทารก
gavage feeding (OG tube) เด็กเหนื่อยง่ายดูดกลืนไม่ดี
IVF ให้ได้ตามแผนการรักษา
ระวังภาวะ NEC: observe อาการท้องอืด content ที่เหลือ
ประเมินการเจริญเติบโตชั่งน้ำหนักทุกวัน (เพิ่มวันละ 15-30กรัม)
NEC
เป็นผลมาจาก
การได้รับอาหารไม่เหมาะสม เร็วเกินไป
ลำไส้ขาดเลือดมาเลี้ยง
ภาวะพร่องออกซิเจน
การย่อยและการดูดซึมที่ไม่ดี
การพยาบาล
NPO
ห้ามวัดปรอททางทวารหนัก
แยกจากเด็กติดเชื้อ / แยกผู้ดูแล
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก aseptic technique
เฝ้าระวังสังเกตภาวะติดเชื้อ เฝ้าระวังภาวะล้าไส้ทะลุ
Hypothermia
ภาวะแทรกซ้อน
น้ำหนักลด
ภาวะขาดน้ำ
ความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น
เลือดออกในปอด
ภาวะเลือดเป็นกรด
อัตราการตายเพิ่มขึ้น
น้ำตาลในเลือดต่ำ
การดูแล
จัดให้อยู่ในที่อุณภูมิเหมาะสม 32 - 34 องศาเซลเซียส
Body temperature เด็ก 36.8-37.2 องศาเซลเซียส
ใช้ warmer, incubator
หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้แอร์ พัดลม ระวัง “Cold stress”
อาการและอาการแสดง
เขียวคล้ำ
หยุดหายใจ หายใจลำบาก
ปลายมือปลายเท้าเย็น
ใบหน้าแดงผิวหนังเย็น
การพยาบาลทารกที่ได้รับการรักษาในตู้อบ
ป้องกันการสูญเสียความร้อนของร่างกาย
ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชม.และปรับให้เหมาะสม
เช็ดทำความสะอาดตู้ทุกวัน
ไม่เปิดตู้อบโดยไม่จำเป็น
การวินิจฉัย
อุณหภูมิกายแกนกลางของทารก < 36.5 องศสเซลเซียส
การวัดอุณหภูมิทารก
ทางรักแร้
ทารกเกิดก่อนกำหนด วัดนาน 5 นาที
ทารกครบกำหนด วัดนาน 8 นาที
ทางทวารหนัก
ทารกเกิดก่อนกำหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 2.5 ซม.
ทารกครบกำหนด วัดนาน 3 นาที ลึก 3.0 ซม.
การควบคุมอุณหภูมิทารกที่อยู่ใน Incubator
กรณีไม่ได้ใช้ตู้อบผนัง2 ชั้น
สวมหมวกไหมพรมหรือหมวกที่หนา 2 ชั้น
พันร่างกายด้วย plastic wrap
ควรใส่ปรอทสำหรับวัดอุณหภูมิตู้อบ
ตู้อบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ Skin Servocontrol mode
ติด Skin probe
ปรับอุณหภูมิตู้อบเริ่มที่36.5
ปรับอุณหภูมิตู้อบเพิ่มขึ นครั งละ 0.1 องศาเซลเซียส ทุก 15 – 30 นาที
ถ้าวัดอุณหภูมิกายได้36.8o C -37.2o C เป็นเวลา2ครั งติดกัน ให้ปรับอุณหภูมิตู้อบตาม(NTE)
ตู้อบปรับอุณหภูมิด้วยมือ/ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
เริ่มที่ 36 องศาเซลเซียส
ปรับอุณหภูมิครั้งละ 0.2 องศสเซลเซียส ทุก 15 -30 นาที
Apnea
หยุดหายใจนานกว่า 20 วินาที มี cyanosis
แบ่งเป็น
central apnea
ภาวะหยุดหายใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม
ศูนย์การหายใจบริเวณก้านสมองทำงานไม่ดี
obstruction apnea
ภาวะหยุดหายใจที่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือกะบังลม
การอุดกั้นทางเดินหายใจ จากการงอหรือเหยียดคอเกิน
สาเหตุ
Drug
Prematurity
Impaired oxygenation
CNS problems
Metabolic disorder
Infection
Gastroesophageal reflux
การดูแล
suction เมื่อจ้าเป็น
ระวังการสำลัก
สังเกตอาการขาดออกซิเจน หายใจเร็ว เขียว ปีกจมูกบาน
ให้การพยาบาลทารกขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ
จัดท่านอนที่เหมาะสม ศีรษะสูง เงยคอเล็กน้อย
PDA
การรักษา
ใช้ยา Indomethacin
ข้อห้ามใช้
urine < 0.5 cc/Kg/hr นานกว่า 8 hr
มีภาวะ NEC
Plt. < 60,000 /mm3
BUN > 30 mg/dl , Cr > 1.8 mg/dl
ใช้ยา ibuprofen
ให้ทุก 12-24 ชั่วโมง จำนวน 3-4 ครั ง
สามารถปิดได้ร้อยละ 70
ได้ผลดีในทารกน าหนักตัว 500-1500 กรัม อายุครรภ์น้อยกว่า 32 สัปดาห์ และอายุไม่เกิน 10 วัน
เพื่อช่วยยับยั้งการสร้างprostaglandin ซึ่งจะทำให้ PDA ปิด
การพยาบาลทารกคลอดก่อนกำหนด
การป้องกันการเกิดเลือดออกและโลหิตจาง
การคงไว้ซึ่งความสมดุลของน้ำ กรด-ด่าง และอิเลคโทรลัยต์
การป้องกันการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ
การป้องกันการเกิดการแตกท้าลายของผิวหนัง
การป้องกันการติดเชื้อ
การป้องกันการเกิด Retinopathy of Prematurity
การให้สารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
การดูแลการได้รับวิตามินและเกลือแร่
การดูแลด้านการหายใจให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
การดูแลเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของทารกแรกเกิด
การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ(36.8 - 37.2 ้ซ.)
ส่งเสริมสัมพันธภาพบิดามารดา-ทารก
RDS
ภาวะหายใจลำบากเนื่องจากการขาดสารลดแรงตึงผิว ของถุงลม
อาการและอาการแสดง
Cyanosis
ground glass appearance
เลือดเป็นกรด
Dyspnea,หายใจเร็วกว่า 60 ครั้ง/นาที,retraction
อาจมีอันตรายจากการหายใจล้มเหลวได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกเกิด
การป้องกัน
มารดาเสี่ยงจะคลอดก่อนกำหนดแต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
ควรได้antenatal corticosteroids
การป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนในระยะแรกเกิด
การรักษา
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจน
ให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อทำให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้น
การให้ออกซิเจน
รักษาแบบประคับประคองตามอาการ
นางสาวพัชราภรณ์ ถิ่นชุมทอง เลขที่ 4 รุ่น 36/2 รหัสนักศึกษา 612001084