Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้พื้นฐานและหลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา - Coggle Diagram
ความรู้พื้นฐานและหลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา
เภสัชภัณฑ์หรือยาเตรียม
1.รูปแบบที่เป็นของแข็ง
1.4ยาเม็ดสำหรับเคี้ยว
1.5ยาอม
3.ยาอมใต้ลิ้น
1.6ยาผงเดือดฟู่
1.2ยาเม็ด
1.7ยาผง
1.1ยาแคปซูล
1.8ยาเหน็บ
2.ประเภทของเหลว
2.1ยาน้ำสารละลาย
2.1.1ยาน้ำสารละลายที่ตัวทำละลายเป็นน้ำ
น้ำปรุง
ยาน้ำใส
ยาน้ำเชื่อม
ยาอมบ้วนปาก
2.2ยาน้ำสารละลายที่ตัวทำละลายไม่ใช้น้ำ
ยาอิลิกเซอร์
ยาสปริริต
ยากลีเซอริน
ยาถูนวด
ยาน้ำกระจายตัว
ยาน้ำแขวนตะกอน
เจล
โลชั่น
3.รูปแบบประเภทกึ่งแข็ง
ขี้ผึ้ง
ครีม
4.ประเภทอื่นๆ
ยาเม็ด
ยาทาผิวหนัง
ยาดม
การเรียกชื่อยา
1.เรียกชื่อตามสูตรเคมี
2.generic name
3.เรียกชื่อตามการค้า
แหล่งกำเนิดยา
2.จากการสังเคราะห์
เกลือของเหล็ก ใช้บำรุงโลหิต
1.จากธรรรมชาติ
1.1จากพืช
1.2จากสัตว์
1.3จากแร่ธาตุ
ประเภทของยา
1.ยารักษาโรคปัจจุบัน
1.ยาแผนปัจจุบัน
ยาที่ใช้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม การประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบัน
2.ยาแผนโบราณ
มุ่งใช้ในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ
3.ยาอันตราย
ยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศเป็นยาอันตราย
4.ยาควบคุมพิเศษ
ยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศเป็นยาควบคุมพิเศษ
5.ยาใช้ภายนอก
ยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณที่สำหรับใช้ภายนอกไม่รวมถึงยาใช้เฉพาะที่
6.ยาใช้เฉพาะที่
ยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณที่ใช้เฉพาะที่
ผิวหนัง
หู
ตา
จมูก
ปาก
ช่องคลอด
ท่อปัสสาวะ
ทวารหนัก
7.ยาสามัญประจำบ้าน
ยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศเป็นยาสามัญประจำบ้าน
8.ยาบรรจุสำเร็จ
ยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณที่ได้ผลิตขึ้นในรูปต่างๆทางเภสัชกรรม
บรรจุในภาชนะที่ปิดไว้
มีฉลากครบถ้วน
9.ยาสมุนไพร
ยาที่ได้จากพฤกษชาติ สัตว์ แร่ธาตุ
2.แบ่งตามเภสัชตำรับ
1.ตำแหน่งการออกฤทธิ์ทางกายวิภาค
ยาออกฤทธิ์ต่อ
ระบบไหลเวียนเลือด
ระบบประสาท
2.ประโยชน์ในการรักษา นิยมใช้มากที่สุด และอาจใช้ร่วมกับการแบ่งยาตามกลไกการออกฤทธิ์
ยาแก้ปวดลดไข้
ยารักษามะเร็ง
3.กลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ยาถ่ายที่ทำให้ลำไส้บีบรัดตัวเพิ่มขึ้น
4.แหล่งที่มาของยา คุณสมบัติทางเคมีและเภสัชวิทยาของยา
ไอโอดีนจากแร่ธาตุ
ความสำคัญของเภสัชวิทยาต่อวิชาชีพพยาบาล
1.พยาบาลต้องมีคุณธรรมโดยการตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
2.เกิดประมาททำให้ผู้ป่วยได้รับผลไม่พึงประสงค์
พยาบาลมีความผิดในวิชาชีพ
3.พยาบาลต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับที่กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับยา
4.พยาบาลสามารถให้ยาแก่ผู้ป่วยเมื่อแพทย์สั่งเป็นลายลักษณ์อักษร
5.นักศึกษาพยาบาลให้ยาแก่ผู้ป่วยเมื่ออยูาภายใต้การควบคุมของพยาบาลวิชาชีพ
เภสัชกรรม
วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมยา ผสมยาและจ่ายยาเพื่อรักษา
เภสัชวิทยา
วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติของยาและฤทธิ์ต่างๆที่มีต่อร่างกาย รวมทั้งที่ร่างกายกระทำต่อยา
ความหมายของยา
1.วัตถุที่รับรองไว้ในตำราที่รัฐมนตรีประกาศ
2.วัตถุที่มุ่งหมายใน
การวินิจฉัย
บำบัด
บรรเทา
รักษา
ป้องกันโรค
ของมนุษย์และสัตว์
3.วัตถุที่เป้นเภสัชเคมีภัณฑ์
4.วัตถุที่มุ่งให้เกิดผลแก่สุขภาพ หรือการกระทำอื่นๆของร่างกายมนุษย์
หลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
1.การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชจลนศาสตร์
1.1เภสัชจลนศาสตร์
1.1.1การดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย
การดูดซึมยา
อัตราและปริมาณยาที่เข้าสู่โลหิต
Bioavailability
สัดส่วนของยาที่ไม่ถูกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เลือด
ปัจจัยที่มีผลต่อการดูดซึมยา
ปัจจัยเกี่ยวกับยา
1.ขนาดโมเลกุลของยา
2.วิธีการผลิตยา
3.ขนาดที่ยาใช้
4.คุณสมบัติในการละลายในไขมัน
ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ป่วย
1.วิธีการบริหารยา
การให้ยาผ่านทางเดินอาหาร
1.ยาที่มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน
1 more item...
2.ยาที่มีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อน
1 more item...
การให้ยาดูดซึมผ่านหลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ลิ้น
การให้ยาดูดซึมผ่านระบบทางเดินหายใจ
การให้ยาโดยการฉีดใต้ผิวหนัง
2.พยาธิสภาพของร่างกาย
ท้องเสีย
ท้องผูก
คลื่นไส้อาเจียน
3.สภาวะทางสรีรวิทยาและอารมณ์ของผู้รับยา
4.การได้รับอาหารหรือยาชนิดอื่นร่วมด้วย
1.1.2การกระจายตัวของยา
1.ปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะนั้นๆ
2.คุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของยาแต่ละชนิด
3.การจับตัวของยากับโปรตีนในพลาสม่า
4.ความสามารถในการผ่านเข้าสมองและรก
5.การสะสมของยาที่ส่วนอื่น
1.1.3การแปรสภาพยาหรือการเปลี่ยนแปลงยา
การแปรสภาพยามีความสำคัญ 2 ประการ
1.กระตุ้นการออกฤทธิ์ของยา
2.สิ้นสุดการออกฤทธิ์ของยา
1.1.3.1เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงยา
เอนไซม์อาจอยู่ที่ไซโตพลาสซึมของอวัยวะต่างๆ
ตับ
ไต
ปวด
ทางเดินอาหาร
ในร่างกายมีเอนไซม์หลายชนิด
flavoprotein
ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงยาโดยปกติมี 2 ขั้นตอน
Phase l reaction
เอนไซม์จะมีเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของยา อาศัย
oxidation
reduction
hydrolysis
เฟส 2
ยาจากเฟส1ที่ไม่มีความเป็นpolarมากพอที่จะถูกขับออกทางไต
1.1.3.2ปัจจัยที่มีผลต่อdrugmetabolism
พันธุกรรม
สิ่งแวดล้อม
อายุ
1.1.3.3ปฏิกิริยาระหว่างยาในระหว่างการเกิดmetabolism
1.ยาบางชนิดมีคุณสมบัติเหนี่ยวนำเอนไซม์
ยาบางชนิดสามารถเพิ่มการสังเคราะห์ในตับได้
2.ในขณะที่ยาบางชนิดมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์
ยาที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไซโทโซม P450 ที่ตับ
ความสำคัญทางเภสัชจลนศาสตร์
ค่าครึ่งชีวิต
เวลาที่ใช้ในการทำให้ยาลดลงเหลือ 50%
Loading dose
การให้ยาในขนาดสูงอย่างรวดเร็ว
การเริ่ม
ยาเริ่มออกฤทธิ์จนถึงหมดฤทธิ์ที่ต้องการ
Duration of action
เริ่มออกฤทธิ์ที่ต้องการจนหมดฤทธิ์ที่ต้องการ
2.การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
2.1เภสัชพลศาสตร์
แนวคิดที่เกี่ยวข้อง
การจับของยากับreceptor
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดยาที่ใช้กับการตอบสนองที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
กลไกการออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
1.ออกฤทธิ์โดยไม่จับกับreceptor
2.ออกฤทธิ์โดยจับกับตัวรับ
1.ตัวรับ
2.Agonist
ยาที่จับกับตัวรับแล้วทำให้เกิดฤทธิ์
3.Antagonist
ยาที่จับกับตัวรับแล้วลดฤทธิ์ของagonist
4.Partial agonist
ยาที่จับกับตัวรับแล้วออกฤทธิ์เพียงบางส่วน
ความสำคัญทางเภสัชพลศาสตร์
affinity
ความสามารถของยาในการเข้าจับกับตัวรับ
Efficacy
ความสามารถของยาที่ทำให้เกิดฤทธิ์สูงสุด
Potency
ความแรงของฤทธิ์ยา
4.การขับถ่ายยา
ร่างกายสามารถกำจัดยาออกได้ทาง
ไต
ตับ
น้ำดี
ปอด
น้ำนม
เหงื่อ
3.ระดับความปลอดภัยของยา
TI=LD50/ED50
4.การแปรผันของการตอบสนองต่อยา
4.1Idiosyncrasy
4.2Hyporeactivity
4.3Hyperactivity
4.4Hypersensitivity
4.5Tolerance
4.6Tachyphylaxis
4.7Placeboeffect