Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่1 การดูแลสุขภาพแบบข้ามวัฒนธรรม - Coggle Diagram
บทที่1
การดูแลสุขภาพแบบข้ามวัฒนธรรม
1.1 ความหมายของวัฒนธรรม(Culture)
สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา. เป็นเครื่องมือที่มนุษย์คิดค้นเพื่อมาช่วยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ในสังคมของตน
1.1.1 องค์ประกอบของวัฒนธรรม
1.องค์วัตถุ(Marterial)
วัฒนธรรมในด้านวัตถุที่มีรูปร่างสามารถจับต้องได้
2.องค์การหรือสมาคม(Organization )
วัฒนธรรมในส่วนของการจัดระเบียบเป็นองค์การหรือสมาคม
3.องค์พิธีหรือพิธีการ(Usage หรือ Ceremony)
พิธีการต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นนับตั้งแต่การเริ่มต้นของชีวิต
4.องค์มติหรือมโนทัศน์ (Concepts)
วัฒนธรรมด้านความคิด ความเชื่อและอุดมการณ์ต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ได้รับมาจากคำสอนทางศาสนา
1.1.2 ความสำคัญของวัฒนธรรม
1)วัฒนธรรมเป็นเครื่องกําหนดความเจริญหรือความเสื่อมของสังคม
2) การศึกษาวัฒนธรรมจะทําให้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ ค่านิยมของสังคม
3) ทําให้มีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกันและให้ความร่วมมือกันได้
4) ทําให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม เพราะวัฒนธรรมคือกรอบหรือแบบแผนของ การดำรงชีวิต
5) ทําให้มีพฤติกรรมเป็นแบบเดียวกัน
6) ทําให้เข้ากับคนพวกอื่นในสังคมเดียวกันได้
7) ทําให้มนุษย์มีสภาวะที่แตกต่างจากสัตว์
1.2 คุณค่า ความเชื่อ ค่านิยมทางสังคมที่มีผลต่อหลักการในการดำเนินชีวิต
การยอมรับคำอธิบายเหตุการณ์หรือปรากฎการณ์หนึ่งๆที่บุคคลได้จากการรับรู้
1.2.1 ประเภทของความเชื่อ
1.ความเชื่อในสิ่งปรากฏอยู่จริง
2.ความเชื่อขั้นพื้นฐานของบุคคล
เกิดจากประสบการณ์ตรง
เกิดจากการแลกเปลี่ยนพบปะสังสรรค์
3.ความเชื่อแบบประเพณี
4.ความเชื่อแบบเป็นทางการ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเชื่
ปัจจัยทางด้านจิตวิทยา
การรับรู้
ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม
การขัดเกลาทางสังคม
ปัจจัยทางด้านบุคคล
อายุ
การศึกษา
ความเชื่อเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคและวิธีการดูแลสุขภาพ
1) ความเชื่อแบบอํานาจเหนือธรรมชาติและวิธีการดูแลสุขภาพ
วิธีการดูแลสุขภาพแบบเหนือธรรมชาติ
ใช้การประกอบพิธีกรรมเป็นหลัก ครอบคุมตั้งแต่การวินิจฉัยสาเหตุและการรักษา
2) ความเชื่อแบบพื้นบ้านและวิธีการดูแลสุขภาพ
วิธีการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน
จะมีการทําพิธีตั้งขันข้าวหรือการตั้งคายซึ่งเป็นการไหว้ครูเพื่อให้เกิดผล สัมฤทธิ์ทางการรักษา
3) ความเชื่อแบบการแพทย์แผนตะวันตกและวิธีการดูแลสุขภาพ
วิธีการดูแลสุขภาพแบบแพทย์ตะวันตก
แพทย์หรือหมอที่ได้ผ่านการเรียนทางด้าน แพทย์ศาสตร์มาโดยเฉพาะ ผู้ให้การดูแลด้านเภสัชกรรม ผู้ให้การดูแลด้านการพยาบาล
4) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพในช่วงเปลี่ยนผ่านสถานการณ์ชีวิต
4.1) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการเกิดแบบพื้นบ้าน
4.1.1) ระยะตั้งครรภ์
4.1.2) ระยะคลอดบุตร
4.1.3) ระยะหลังคลอด
4.2) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการเกิดแบบแพทย์ตะวันตก
4.2.1) ความเชื่อเรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่ตัวอ่อนหรือทารกได้ก่อกําเนิดขึ้นภายในมดลูก
4.2.2) การดูแลสุขภาพแบบการแพทย์ตะวันตกมีหลักการดูแลคล้ายคลึงการแบบพื้นบ้าน
5) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความชรา
5.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความชราและการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน
5.1.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความชรา
ภาวะหมดประจำเดือนในเพศหญิง
การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
5.1.2) การดูแลสุขภาพวัยชราแบบพื้นบ้าน
การใช้สมุนไพร
5.2) ความเชื่อเกี่ยวกับความชราและการดูแลสุขภาพแบบการแพทย์แผนตะวันตก
5.2.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความชรา กําหนดอายุตั้งแต่ 60 หรือ 65ปีขึ้นไป เป็นเกณฑ์เข้าสู่วัยชรา
5.2.2) การดูแลสุขภาพวัยชราแบบการแพทย์แผนตะวันตก
การดูแลด้านโภชนาการ
การดูแลด้านฮอร์โมน
6) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตาย
6.1) ความเชื่อและการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตายแบบพื้นบ้าน
6.1.1) ความเชื่อเกี่ยวกับความตายแบบพื้นบ้าน มีความเชื่อในเรื่องวิญญาณ กฎแห่งกรรม
6.1.2) การดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความตายแบบพื้นบ้าน จะมุ่งเน้นการตอบสนองทางด้านจิต วิญญาณของผู้ตายและเครือญาติ
1.2.2 ค่านิยมทางสังคม
ค่านิยมทางสังคมถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่กําหนดพฤติกรรมของสมาชิกสังคมนั้นๆ โดยตรง ทุกสังคมจึง มีระบบค่านิยมของตนเอง ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะที่คนในสังคมนั้นๆ ยึดถือว่ามีคุณค่าร่วมกัน เกิดจากการ อบรมบ่มนิสัยหรือการปลูกฝังค่านิยมตั้งแต่ในวัยเด็ก
1.ครอบครัว
เป็นสถาบันสังคมอันดับแรกที่มีอิทธิพลต่อการสร้างค่านิยมให้แก่บุคคล เพราะครอบครัว เป็นหน่วยแรกที่อบรมสั่งสอนพฤติกรรมสังคมให้แก่คนตั้งแต่เกิดจนโต
2.โรงเรียน
สถาบันทางสังคมที่มีส่วนในการสร้างค่านิยมอันถูกต้องให้แก่เด็กเป็นอย่างมากในการสั่ง สอนเด็กให้เกิด ความคิด ความเชื่อ อันจะนําไปสู่แบบแผนการมีพฤติกรรมที่ดี
3.สถาบันศาสนา
บุคคลและหน่วยงานของศาสนาต่างๆ ก็มีส่วนช่วยในการปลูกฝังค่านิยมและศีลธรรม อันถูกต้องได้เป็นอย่างดี
4.สังคมวัยรุ่นและกลุ่มเพื่อน
การคบหาสมาคมกับเพื่อนในรุ่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิท หรือ การทํากิจกรรมอื่นๆในสังคมวัยรุ่น ผลที่ได้รับอันหนึ่งคือ การเรียนรู้และการยอมรับค่านิยมจากกิจกรรมเหล่านั้น
5.สื่อมวลชน
ในปัจจุบันบุคคลได้รับความรู้และความคิดจากสื่อมวลชนเป็นอันมากในบางกรณี บุคคลก็ยอมรับเอาความรู้ และความคิดเหล่านั้นไปยึดถือเป็นค่านิยมบางประการของตน
6.องค์การของรัฐบาล
รัฐย่อมมีส่วนในการปลูกฝังค่านิยมและศีลธรรมให้แก่สังคมตามปกติ รัฐจะควบคุมโรงเรียนและสนับสนุนสถาบันศาสนาให้ทําหน้าที่ในด้านนี้ นอกจากนั้นรัฐยังตรากฎหมายให้สิทธิและ อํานาจแก่ครอบครัวในการเลี้ยงดูและอบรมเด็ก การเผยแพร่ข่าวและความคิดของสื่อมวลชนก็มักอยู่ภายใต้การ ควบคุมหรือสนับสนุนของรัฐ
1.3 วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพและการแสวงหาการรักษาของประชาชนในภูมิภาคต่างๆของโลก
1.3.1 แนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ
ส่งเสริมสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยหรือพิการ
ดูแลรักษาสุขภาพเมื่ออยู่ในภาวะเจ็บป่วยเป็นโรค
ฟื้นฟูสุขภาพให้เข้าสู่ภาวะปกติ
1.3.2 ประเภทของวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ
1) วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพในสภาวะปกติ
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ
การกินอาหารประเภทน้ําพริกผักจิ้มและอาหารจาก ธรรมชาติ
การออกกำลังกาย
เข้าวัด
ทำสมาธิ
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการป้องกันโรค
การบริโภคอาหารปรุงสุก
การคว่ำกะลาหรือใส่ทรายอะเบท เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยุงลาย
การรับวัคซีนภูมิคุ้มกันโรค
2) วัฒนธรรมการดูแลสุขภาพในสภาวะเจ็บป่วย
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการรักษาโรค
ระบบการดูแลสุขภาพภาคประชาชน
แบบพื้นบ้าน
แบบวิชาชีพ
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
การดูแลการพักฟื้นของผู้ป่วยจากคนในครอบครัว
การออกกําลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง
1.3.3 ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ
การตระหนักรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม (cultural awareness)
การมีทักษะเกี่ยวกับวัฒนธรรม (cultural skill)
การมีองคค์วามรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม(culturalknowledge)ค
ความสามารถในการเผชิญและจัดการกับวัฒนธรรม (cultural encounter)
ความปรารถนาที่จะมีสมรรถนะทางวัฒนธรรม (cultural desire)
ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับการดูแลสุขภาพ สามารถจัดแบ่งได้ตามประโยชน์และโทษ
1) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ส่งเสริมสุขภาพ
การให้ทารกกินนมแม่นานถึง 2 ปี หรือการห้าม หญิงหลังคลอดบริโภคน้ําดิบ
2) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่ได้ให้ประโยชน์
ห้ามหญิงมีครรภ์กินกล้วยแฝด
3) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่แน่ว่าให้คุณหรือโทษ
สังคมแอฟริกันบางสังคมให้เด็กกินดินหรือโคลน
4) ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ให้โทษ
การรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เป็นสาเหตุโรคพยาธิ โรคอุจจาระร่วง
แนวทางการดูแลสุขภาพที่เกิดขึ้นเป็นวัฒนธรรมของการดูแลสุขภาพของประชาชน
1) ระบบการดูแลสุขภาพภาควิชาชีพ (Professional health sector)
2) ระบบการดูแลสุขภาพภาคพื้นบ้าน (Folk sector of care) หรือการดูแลแบบทางเลือก
3) ระบบการดูแลสุขภาพภาคประชาชน (Popular health sector)