Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้พื้นฐานและหลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา - Coggle Diagram
ความรู้พื้นฐานและหลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
ความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยา
ประเภทของยา
ยารักษาโรคปัจจุบัน
ยาใช้ภายนอก
ยาใช้เฉพาะที่
ยาควบคุมพิเศษ
ยาสามัญประจำบ้าน
ยาอันตราย
ยาบรรจุเสร็จ
ยาแผนโบราณ
ยาสมุนไพร
ยาแผนปัจจุบัน
แบ่งตามเภสัชตำรับ
ตำแหน่งการออกฤทธิ์ทางกายวิภาค
ประโยชน์ในการรักษา
กลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
แหล่งที่มาหรือคุณสมบัติทางเคมีและเภสัชวิทยาของยา
แหล่งกำเนิดยา
จากธรรมชาติ
จากสัตว์
สกัดจากอวัยวะบางส่วนของสัตว์
จากแร่ธาตุ
จากพืช
เป็นยาที่ได้จากส่วนต่างๆของพืช นำมาปรุงเป็นยาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูป เรียกว่า ยาสมุนไพร (Crude drug)
ถ้าสกัดเอาสารที่มีอยู่ในพืชออกมาทำให้บริสุทธิ์ เรียกว่า สารสกัดบริสุทธิ์ (Purified drug)
จากการสังเคราะห์
อาศัยปฏิกิริยาทางเคมีในห้องปฏิบัติการ
การเรียกชื่อยา
เรียกชื่อสามัญทางยาหรือชื่อตัวยา (Generic name)
แบ่งเป็นกลุ่มๆ ชื่อยาที่รวมอยู่ในกลุ่มจะมีฤทธิ์เหมือนกัน
เรียกชื่อตามการค้า (Trade name)
เป็นชื่อที่่บริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายยาเป็นผู้ตั้งและขอจดทะเบียนไว้กับกระทรวงสาธารณสุข
เรียกชื่อตามสูตรเคมี (Chemical name)
เป็นการเรียกตามลักษณะส่วนประกอบทางเคมีของยา
เภสัชภัณฑ์หรือยาเตรียม (Pharmaceutical preparations,Pharmaceutical products)
รูปแบบประเภทของเหลว
ยาน้ำสารละลาย
ยาน้ำสารละลายที่ตัวทำละลายเป็นน้ำ
ยาน้ำใส (Solutions)
ยาน้ำเชื่อม (Syrups)
น้ำปรุง (Aromatic water)
ยาจิบ (Linctuses)
ยากลั้วคอ (Gargale)
ยาอมบ้วนปาก (Mouthwash)
ยาหยอดจมูก (Nasal preparations)
ยาหยอดหู (Otic preparations)
ยาสวนล้าง (Irrigation)
ยาน้ำสวนทวารหนัก (Enemas)
ยาน้ำสารละลายที่ตัวทำละลายไม่ใช้น้ำ
ยาอิลิกเซอร์ (Elixir)
ยาสปริริต (Spirits)
ยาโคโลเดียน (Collodians) หรือยากัด
ยากลีเซอรีน (Glycerines)
ยาถูนวด (Liniments)
ยาป้าย (Paints)
ยาน้ำกระจายตัว
แมกมาและมิลค์ (Magmas and Milk)
มิกซ์เจอร์ (Mixtures)
โลชั่น (Lotions)
อิมัลชั่น (Emulstion)
เจล (Gels)
รูปแบบที่เป็นของแข็ง (Solid form)
ยาแคปซูน (Capsule)
ยาที่มีเจลาตินเป็นปลอกหุ้มเพื่อกลบรสขมของยา
ยาเม็ด (Tablet)
ยาเม็ดเคลือบ
เพื่อให้ไปออกฤทธิ์ที่ลำไส้
ยาเม็ดที่ไม่เคลือบ
ยาอมใต้ลิ้น (Sublingual)
เป็นยาที่ถูกดูดซึมได้ดีในเยื่อบุช่องปาก เข้าสู่กระแสโลหิตได้โดยตรง>ยาออกฤทธิ์เร็ว
ยาเม็ดสำหรับเคี้ยว
เวลาใช้ต้องเคี้ยวก่อนยาจึงจะออกฤทธิ์ได้ดี
ยาอม (Lozenge) และ โทรเช (Troche)
ประกอบด้วยยาฆ่าเชื้อและยาทำลายเชื้อผสมกับน้ำตาล
ยาผงเดือดฟู่ (Effervescent powder)
ละลายน้ำง่าย ประกอบด้วย Sodium bicarbonate และ Acetic acid
ยาผง (Pulveres หรือ powder)
เป็นรูปของยาผสมที่เป็นผงเพื่อเก็บยาได้นานและกลิ่นรสดีขึ้นมีทั้งชนิดกินและโรยแผล
ยาเหน็บ (Suppositories)
เป็นยาที่เตรียมเพื่อสอดเข้าไปในช่องเปิด
ตัวยาจะละลายเมื่อสอดเข้าไปในร่างกายและออกฤทธิ์ตรงบริเวณที่เหน็บหรือซึมเข้าสู่กระแสเลือดทั่วร่างกาย
รูปแบบประเภทกึ่งแข็ง
ขี้ผึ้ง (Oiltment)
ครีม (Paste)
ประเภทอื่นๆ
ยาทาผิวหนัง(Applications)
ยาพ่นฝอย (Spray) : เป็นยาเตรียมที่หวังผลเฉพาะที่และป้องกันฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายส่วนอื่น
ยาฉีด (Injections) : การให้ยาโดยไม่ผ่านระบบทางเดินอาหาร ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง :forbidden:ห้ามฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือช่องไขสันหลัง
ยาดม (Inhalant)
ข้อดี ข้อเสียของการให้เภสัชภัณฑ์ในวิธีต่างๆ
ยาชนิดรับทาน
ข้อดี
หากเกิดอันตรายจะไม่รุนแรงเท่ายาฉีด
กรณีที่เกิดพิษสามารถทำใหเอาเจียนได้ง่ายหรือใช้ผงถ่านดูดซับได้หรือใส่สายยางล้างออกจากกระเพาะอาหาร
สะดวก ไม่เจ็บ ถูก สามารถให้ได้ตัวเอง
ข้อเสีย
ไม่เหมาะกับยาที่ดูดซึมผ่านระบบทางเดินอาหารช้า
ยาอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ยาอาจถูกทำลายโดยกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่อาเจียน หมดสติ
ยาชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ข้อดี
ออกฤทธิ์เร็ว ไม่ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ไม่ถูกทำลายจากกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
ใช้ในผู้ป่วยที่อาเจียนหรือหมดสติได้
เหมาะสำหรับการให้สารน้ำ สารอิเลคโตรไลท์ หรือสารอาหารบางชนิดที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
ข้อเสีย
มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
เกิดพิษง่าย รวดเร็ว รุนแรงถึงชีวิต
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเร็วอาจทำให้หัวใจล้มเหลว
ยาชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
ข้อดี
ออกฤทธิ์ช้า ให้ยาออกฤทธิ์ได้นาน
หลังฉีดยาหากแพ้ยาเฉียบพลันสามารถใช้ tourniquest รัดเหนือบริเวณฉีดยาบางแห่งได้
ข้อเสีย
สามารถให้ยาไม่เกิน 2 มล.
บริเวณที่ฉีดทำให้เกิดแผลหรือฝีได้
มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
ยาชนิดฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ
ข้อดี
ยาดูดซึมได้เร็วและเกิดการระคายเคืองน้อยกว่าการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
สามารถใช้กับยาฉีดที่ละลายได้ในน้ำมัน
ข้อเสีย
สามารถให้ยาไม่เกิน 5 มล.
การสะสมยาไว้ที่เนื้อเยื่ออาจทำให้การดูดซึมยาช้าลง
ยาพ่นฝอย ยาแอโรซอล สูดดม และยาหยอดจมูก หยอดหู
ข้อดี
ออกฤทธิ์เร็ว สามารถให้ยาได้ด้วยตนเอง
ยาออกฤทธิ์เฉพาะที่
ข้อเสีย
ปริมาณยาที่ได้ไม่แน่นอน
อาจระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจและหลอดลม
อาจเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
ยาอมใต้ลิ้น
ข้อดี
ยาถูกดูดซึมและออกฤทธิ์ได้เร็วโดยไม่ผ่านตับ
ไม่ถูกทำลายโดยกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
ข้อเสีย
ยาบางชนิดรสชาติไม่ดี ยาอาจระคายเคืองเยื่อบุภายในปาก
ใช้เวลานาน ไม่สะดวกในการพูด
ยาเหน็บ
ข้อดี
เหมาะกับเด็กหรือผู้ที่รับประทานยายาก
ออกฤทธิ์เฉพาะที่หรือทั่วร่างกาย
สำหรับยาที่ใช้เหน็บช่องคลอดจะออกฤทธิ์เฉพาะที่
ข้อเสีย
ไม่สะดวกต่อการใช้
สำหรับยาที่ใช้เหน็บในช่องคลอดอาจเกิดการติดเชื้อภายในอวัยวะสืบพันธุ์ได้
หลักทั่วไปทางเภสัชวิทยา
การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชจลนศาสตร์
เภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic) : เกี่ยวข้องกับการเป็ยไปของยาเมื่อเข้าสู่ร่างกาย
การดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย (Drug absorptions)
การดูดซึมยา : อัตราและปริมาณยาที่ถูกนำเข้าสู่กระแสโลหิต
Bioavailability : สัดส่วนของยาที่ไม่ถูกเปลี่ยนแปลงที่ถูกนำเข้าสู่กระแสเลือด
ปัจจัยที่มีผลต่อการดูดซึมยา
ปัจจัยเกี่ยวกับตัวยา
วิธีการผลิตยาและรูปแบบยา
ขนาดยาที่ให้ (dosage)
ขนาดโมเลกุลของยา
คุณสมบัติในการละลายในไขมัน (lipophilic)
ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ป่วย
วิธีการบริการยา (routes of administrations)
การให้ยาผ่านทางเดินอาหาร (alimentary route, oral route)
ยาที่มีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อน (basic drugs) : จะถูกดูดซึมได้ดีใน medium ที่เป็นด่าง
ข้อเสีย : การเกิด first pass effect คือ การเกิดการทำลายยาที่ตับ ส่งผลใหเระดับของยาในเลือดลดลงอาจไม่ถึงระดับบรักษาส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรักษาลดลง
ยาที่มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน (acidic drugs) : จะถูกดูดซึมได้ดีใน medium ที่เป็นกรด
การให้ยาดูดซึมผ่านหลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ลิ้น (ยาอมใต้ลิ้น; sublingual, ยาอมในกระพุ้งแก้ม; buccal)
ละลายในไขมันได้ดี มีคุณสมบัติเป็นเบส ยาสามารถดูดซึมผ่านหลอดเลือดฝอยได้รวดเร็วและดี
การให้ยาดูดซึมผ่านทางระบบทางเดินหายใจ (ยาแบบสูดดม; inhalation)
ยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดได้ง่ายและรวดเร็ว
การใช้ยาโดยการฉีดใต้ผิวหนัง (subcutaneous; SC) กล้ามเนื้อ (muscle; IM) หลอดเลือดดำ (intravenous; IV)
ยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด 100%
ความเร็วในการดูดซึม หลอดเลือดดำ > กล้ามเนื้อ > ใต้ผิวหนัง
การดูดซึมผ่านทางผิวหนัง
ขนาดโมเลกุลและคุณสมบัติในการละลายในไขมันและความหนาบางของผิวหนังบริเวณที่ทา
การให้ยาแบบเหน็บทวารหนักหรือช่องคลอด
ออกฤทธิ์เฉพาะที่
ตัวยาจะซึมผ่านเยื่อเมือกและออกฤทธิ์เฉพาะบริเวณนั้นๆ
ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย
ตัวยาจะซึมผ่านเยื่อเมือกและถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกาย
พยาธิสภาพของร่างกาย
สภาวะทางสรีรวิทยาและอารมณ์ของผู้รับยา
การได้รับอาหารหรือยาชนิดอื่นร่วมด้วย
การกระจายตัวของยา (Drugs distribution)
2.คุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของยาแต่ละชนิด
3.การจับตัวของยากับโปรตียในพลาสมา : ยารวมตัวกับโปรตีนทำให้มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้น ส่งผลลดการกระจายของยา
4.ความสามารถในการผ่านเข้าสมองและรก : ยาที่มีคุณสมบัติละลายในไขมันได้ดีเท่านั้นจะสามารถผ่าน blood brain barrier ได้
5.การสะสมของยาที่ส่วนอื่น : ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่ออวัยวะที่ยาไปสะสมหรืออาจทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ช้ากว่าปกติ
1.ปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะนั้นๆ : หลังจากยาถูกดูดซึมแล้วยาจะไปสู่อวัยวะที่มีปริมาณการไหลเวียนของเลือดสูงได้อย่างรวดเร็ว
การแปรสภาพยาหรือการเปลี่ยนแปลงยา (Drug metabolism, Drug biotransformatoin)
เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยาโดยอาศัยเอนไซม์ในร่างกายและมีตับทำให้เกิดการแปรสภาพยา
ความสำคัญของการแปรสภาพยา
1.กระตุ้นการออกฤทธิ์ของยา (mechanism of drug activation): ยาบางชนิดยังไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ ต้องถูกเปลี่ยนแปลโครงสร้างทางเคมีก่อนถึงจะสามารถออกฤทธิ์ได้
2.สิ้นสุดการออกฤทธิ์ของยา (termination of drug action): การแปรสภาพยาช่วยทำให้ยามีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดีขึ้นหรือมีความเป็นประจุมากขึ้นเพื่อง่ายต่อการขับออกของไต
เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงยา
:red_flag:เอนไซม์อาจอยู่ในไซโตพลาสซึมของอวัยวะต่างๆ : สามารถเปลี่ยนแปลงยาได้ตั้งแต่ยาถูกดูดซึมผ่านทางเดินอาหารและผ่านตับ
:red_flag:ในร่างกายทีเอนไซม์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการแปรสภาพยา: ยาแต่ละชนิดจะใช้เอนไซม์ในการแปรสภาพยาแตกต่างกันไป
ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงยา แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่
Phase I reaction
Phase II reaction
ปัจจัยที่มีผลต่อ drug metabolism
พันธุกรรม
มีผลกระทบต่อระดับเอนไซม์ ทำให้เกิดความแตกต่างใน drug metabolism
สิ่งแวดล้อม
คนสูบบุหรี่จะมีการ metabolized ยาได้เร็วกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากเกิดภาวะเหนี่ยวนำเอนไซม์
อายุ
เด็กและผู้สูงอายุจะไวต่อฤทธิ์และพิษของยามากกว่าผู้ใหญ่
ปฏิกิริยาระหว่างยาในระหว่างการเกิด metabolism
ยาบางชนิดมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์ (enzyme inhibitor)
ยาบางชนิดมีคุณสมบัติเหนี่ยวนำเอนไซม์ (enzyme inducer)
ความเจ็บป่วยและความสามารถในการทำงานของตับ
การขับถ่ายยา (Drug excretion)
ร่างกายสามารถกำจัดยาออกได้ทางไต ตับ น้ำดี และปอด หรือทางน้ำนมและเหงื่อ(ปริมาณน้อยมาก)
อวัยวะหลักในการกำจัดยาคือ ไต
สารที่เป็น polar compound จะถูกกำจัดออกได้ดีกว่าสารที่มี high lipid solubility
การออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
เภสัชพลศาสตร์ (Phaemacodynamic) : เกี่ยวข้องกับการออกฤทธิ์ของยาต่อร่างกาย
กลไกการออกฤทธิ์ของยาทางเภสัชพลศาสตร์
ออกฤทธิ์โดยไม่จับกับ receptor
Chemical action
Physical action
ออกฤทธิ์โดยจับกับ receptor
ตัวรับ (Receptor)
มีคุณสมบัติที่จดจำและจับกับสารที่มีลักษณะโครงสร้างจำดพาะเจาะจงแล้วทำให้การทำงานของเซลล์นั้นๆเปลี่ยนแปลง
Agonist
ยาที่จับกับ receptor แล้วสามารถทำให้เกิดฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
Antagonist
ยาที่จับ receptor แล้วสามารถลดฤทธิ์ของ agonist ในการจับกับ receptor
Partial agonist
ยาที่จับกับ receptor แล้วออกฤทธิ์เพียงบางส่วน
ระดับความปลอดภัยของยา (Therapeutic index; TI)
ระดับความปลอดภัยของยาเป็นสัดส่วนของขนาดยาที่ทำให้หนูตาย 50% ต่อขนาดยาที่ได้ผลในการรักษา 50%
ยาที่มีค่า TI ต่ำ = มีความปลอดภัยต่ำ
ยาที่มีค่า TI สูง = มีความปลอดภัยสูง
การแปรผันของการตอบสนองต่อยา
Hypersensitivity หรือ Allergic reaction
การแพ้ยาที่ร่างกายมี antibody ที่ต่อต้านต่อโครงสร้างทางโมเลกุลของยาหรือส่วนประกอบของยา > เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้
Tolerance
เป็นการดื้อหรือทนฤทธิ์ของยา เกิดจากการได้รับยาชนิดนันหลายครั้ง
Hyperactivity
การตอบสนองต่อยาที่มากกว่าปกติ
Tachyphylaxis
การดื้อยาที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วเมื่อได้รับยาเพียง 2-3 ครั้ง
Hyporeactivity
การตอบสนองต่อยาที่น้อยกว่าปกติ
Placebo effect
ฤทธิ์หลอก
Idiosyncrasy
การตอบสนองที่แตกต่างจากปกติ เกิดจากความแตกต่างทางพันธุกรรม
สาเหตุการตอบสนองต่อยาที่แตกต่างกัน
1.มีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณยาที่จะไปถึง receptor
pharmacokinetic ของยา
เพศ
อายุ
น้ำหนัก
ภาวะความเจ็บป่วย
การทำงานของตับและไต
2.มีความแตกต่างกันในความเข้มข้นของ endogenous receptor ligands
3.มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหรือการทำงานของ receptor
4.มีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของอวัยวะที่เกิดการตอบสนองจากการกระตุ้น receptor
คำสำคัญทางเภสัชจลนศาสตร์
Loading dose
ขนาดยาที่ให้ครั้งแรกเพื่อให้ถึงระดับยาที่ต้องการในพลาสมา
Onset
เวลาที่เริ่มให้ยาจนถึงเริ่มออกฤทธิ์
ค่าครึ่งชีวิต (Half lift; t1/2)
เวลาที่ใช้ในการทำให้ยาหรือความเข้มข้นของยาลดลงเหลือ 50% จากความเข้มข้นแรก
Duration of action
เวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ที่ต้องการจนถึงหมดฤทธิ์
คำสำคัญทางเภสัชพลศาสตร์
Efficacy
ความสามารถของยาที่ทำให้เกิดฤทธิ์สูงสุด
Potency
ความแรงของฤทธิ์ยา
Affinity
ความสามารถของยาในการเข้าจับ receptor